กังหันน้ำก้นหอย (2)

อ่าน: 25233

กังหันน้ำก้นหอย เป็นการใช้กฏของบอยด์ (หรือกฏของก๊าซ) ซึ่งเป็นความรู้ระดับมัธยมปลาย มาประยุกต์ใช้ สร้างความดันขึ้นในท่อ เพื่อยกน้ำขึ้นสูง

วัสดุหลักในการสร้างกังหัน มีท่อสายยาง กันหันน้ำ หัวตักน้ำ แป๊บเหล็กเป็นแกนหมุน และที่ทำเองได้ยากคือโรตารี่ยูเนี่ยน (rotary union บางทีเรียก rotary joint หรือ spiral เป็นท่อที่ปลายทั้งสองข้างหมุนจากกันได้อย่างอิสระ โดยของเหลวที่อยู่ภายในท่อไม่รั่วออกมา)

กังหันน้ำหมุนไปตามการไหลของกระแสน้ำ โดยหัวตักน้ำมีขนาดใหญ่กว่าสายยาง

เมื่อกังหันหมุนไป น้ำจะถูกตักส่งเข้าไปในสายยาง เมื่อหมุนไปเรื่อยๆ น้ำที่ถูกตักในรอบที่แล้ว ก็จะถูกส่งไปยังขดต่อไป ใกล้จุดศูนย์กลางของกังหันมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อไปถึงขดในสุด ก็จะถูกส่งเข้าไปที่แป็บเหล็กที่เป็นแกนหมุน น้ำไหลออกมาจากกังหันผ่านแกนหมุน

ในรูปจะเห็นท่อที่ตั้งฉากกับกังหันอยู่สองท่อ ท่อล่างที่เป็นแกนหมุนของกังหัน ส่งน้ำออกมาด้วย ส่วนท่อบน ปั่นเอากำลังกลจากการหมุนของกังหัน มีการทดเฟืองเพื่อเพิ่มความเร็วในการหมุน

กังหันน้ำแบบนี้ ทำงานที่ความเร็วต่ำ จึงไม่ต้องการกระแสน้ำเชี่ยว แต่น้ำต้องไหลเพื่อหมุนกังหันไปเรื่อยๆ

อ่านต่อ »


กังหันน้ำก้นหอย (1)

อ่าน: 9243

บันทึกนี้ เขียนไว้เมื่อปีก่อนครับ ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมศึกษาเพิ่มเติมถึงกังหันแบบต่างๆ ตลอดจนย้อนรอยไปการคำนวณ ซึ่งเป็นความรู้ระดับมัธยม นึกถึงสมัยเรียน วิชาการที่ศึกษามา สามารถจะทำอย่างนี้ได้ง่ายๆ แต่ทำไมถึงนึกไม่ออกเลย — เราเรียนกันแต่ทฤษฎี แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้อย่างไร อาการอย่างนี้ รู้ทฤษฎีหรือไม่รู้ก็มีค่าเท่ากัน คือไม่มีใครได้อะไรขึ้นมาทั้งสิ้น

มีปัมป์น้ำที่ใช้กระแสน้ำไหล บวกกับความโน้มถ่วงและแรงดันอากาศ เพื่อใช้ลำเลียงน้ำมาฝากครับ

วิธีการนี้ ใช้กังหันน้ำ ซึ่งแน่ล่ะต้องมีน้ำไหล ตักน้ำปนอากาศ แล้วให้น้ำหนักของน้ำมากดอากาศเพื่อสร้างแรงดันในท่อปิด ทำให้สามารถส่งน้ำไปยังระดับที่สูงขึ้น จึงสามารถลำเลียงน้ำได้โดยไม่ต้องใช้มอเตอร์

อ่านต่อ »


ร้อยคำที่ควรรู้

อ่าน: 5219

หนังสือร้อยคำที่ควรรู้ โดย ดร . เสรี พงศ์พิศ เป็นหนังสือน่าอ่านครับ

คำนำ

วันนี้เรามักได้ยินคำจำนวน มากที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ หรือไม่ค่อยเข้าใจ ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไรจริงๆ คำเหล่านี้เป็นศัพท์  ศัพท์เป็นภาษา ภาษาเป็นความคิด ความคิดเป็นชีวิต คนคิดด้วยภาษา เกิดการเปลี่ยนแปลง มีคำใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

เหมือน ไก่กับไข่ที่ไม่ทราบว่าอะไรเกิดก่อน ความคิดเปลี่ยน คนเปลี่ยน ภาษาเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน เหล่านี้ล้วนมีปฏิสัมพันธ์กัน ถ้าจะรู้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกต้องรู้ภาษาที่กำลังพูดกันในโลกวันนี้

ภาษา แต่ละภาษามีรหัส ภาษาโลกที่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วนี้มีความซับซ้อน ต้องการกุญแจไขรหัส คำหลายคำเป็นกุญแจไขรหัสดังกล่าว ร้อยกว่าคำที่คัดเลือกมาหาความหมายในหนังสือเล่มเล็กนี้เป็นคำหลัก หรือ “คำกุญแจ” (keywords) ที่น่าจะช่วยไขปริศนาความหมายของอะไรหลายอย่างที่กำลังเป็นประเด็นหลักๆ ของโลกวันนี้

ภาษาเป็นอำนาจ ใครเข้าถึงภาษาเข้าถึงอำนาจ ใครกำหนดภาษาคนนั้นมีอำนาจ ภาษามีพลังอำนาจที่เราสามารถเข้าถึงและหามาได้ด้วยการเรียนรู้ ด้วยการเป็นเจ้าของและคุมภาษานั้น ซึ่งเท่ากับเป็นเจ้าของชีวิต ไม่ใช่วิ่งตามคนที่กำหนดชีวิตของเรา

ยังมีคำกุญแจอีกมากมายที่ไม่ได้ รวมไว้ในที่นี่ ที่แต่ละคน แต่ละกลุ่ม แต่ละชุมชนและสังคมเป็นผู้ค้นคิดและกำหนดเอง ถ้าหนังสือเล่มน้อยนี้ช่วยให้ผู้คนในสังคมและชุมชนพูดจาภาษาสมัยใหม่ด้วย ความเชื่อมั่นมากขึ้น ด้วยความเข้าใจและรู้ทันสิ่งที่ใครๆ เขาพูดกัน ก็ถือว่าได้บรรลุเป้าหมายแล้ว

ขอขอบคุณทุกคนที่ได้มีส่วนช่วยให้ เกิดหนังสือเล่มนี้ สอนให้รู้ “ภาษา” ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ พ่อแม่พี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนร่วมงาน ผู้นำชุมชน พี่น้องชาวบ้าน พร้อมทั้ง “ครู” นิรนามทั้งหลายที่ให้ความรู้ความเข้าใจ ไขปริศนาด้วยกุญแจที่ทุกท่านได้ให้มา

เสรี พงศ์พิศ

กรุงเทพฯ
23 ตุลาคม 2547

อ่านต่อ »


ปราชญ์ชาวบ้าน…ลึกซึ้งถึงแก่นของเศรษฐกิจพอเพียง

อ่าน: 4585

ช่วงนี้งานเข้า เขียนบันทึกเองไม่ทัน ใช้วิธี re-blog ก็แล้วกันครับ

ปราชญ์ชาวบ้าน…ลึกซึ้งถึงแก่นของเศรษฐกิจพอเพียง โดยจักรมณฑ์  ผาสุกวนิช ในช่วงที่ท่านยังเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์


ขุมทรัพย์เรื่องเก่า Suvarnbhumi

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 6 April 2009 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ #
อ่าน: 2958

ไม่รู้จักเจ้าของบล็อกหรอกครับ http://suvarnbhumi.blogspot.com/

ค้นไปค้นมา โชคดีเจอบล็อกนี้ อ่านแล้วสนุกดี ย้อนไปอ่าน archives ตั้งแต่ มกราคม 2009

หวังว่าเจ้าของบล็อกจะเขียนต่อ ไม่หมดกำลังใจไปเสียก่อน


เฮฮาศาสตร์ ครั้งที่แปด

20 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 5 April 2009 เวลา 0:08 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4648

เฮแปดผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์ ขอขอบคุณทีมเจ้าภาพ ที่นำคณะเฮฮาศาสตร์ไปพบกับความสุขใจอีกครั้งหนึ่งครับ

ผมเที่ยวกระบี่มาหลายรอบ แต่ก็ไม่มีรอบไหนเหมือนครั้งนี้ — ชอบการคุยกันที่ห้องของฝ่ายโภชนาการ รพ.กระบี่ กินไอติมไปสิบหกลูก ร่างกายขาดน้ำ เลยต้องกินไอติมแทน ฮี่ฮี่ ขออภัยที่ผมพูดโพล่งขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยหลายครั้งครับ อยากให้บรรยากาศผ่อนคลาย เพื่อที่ผู้คนจะได้พูดออกมาได้โดยไม่เกร็ง สาระอยู่ในเนื้อความที่พูด แต่ไม่ว่าจะตั้งใจอย่างไร ถ้าห้องเงียบสงัด ก็อาจจะเกร็งแล้วติดกรอบของความเป็นทางการ(ซึ่งเราไม่ต้องการ)ได้ ผมเพียงแต่อยากเปลี่ยนโทนของการคุยกันเท่านั้น ไม่ได้เจตนาจะรบกวนสมาธิของผู้พูดจนแตกซ่านหรอกครับ โพล่งออกมาแล้วมีเฮ ก็ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายไปได้ (หวังว่า)

กระบี่เป็นตัวอย่างอันดีของบ้านเมืองที่สงบสุข มีความปลอดภัย ผู้คนอยู่กันได้ด้วยความเคารพในความแตกต่าง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน — ถิ่นฐานใดที่ไม่สงบสุขมีความทุกข์ยาก ควรจะเริ่มมองตัวเองมากกว่าจะหาตัวช่วย ซึ่งน่าจะโดนต้มตุ๋นเสียมากกว่า

วิดีโอชุดนี้ มาจากกล้องของผมคนเดียว เคยบอกไว้แล้วว่าจะไม่ส่งภาพประกวด จึงเลือกถ่ายทอดอารมณ์ของเหตุการณ์-เป็นภาพชุดเล่าเรื่องมากกว่าที่จะถ่ายภาพเพื่อการประกวดครับ ที่ไม่ได้นำภาพจากกล้องอื่นมารวมก็เพราะว่า เราไม่ได้ตั้งเวลากล้องกัน เวลาจะนำรูปจากหลายกล้องมาเรียงกันจึงทำให้ลำบากมาก

ใครดูไม่ได้ แสดงว่าไม่ได้ติดตั้ง Flash Player ครับ แต่ไม่ต้องตีโพยตีพายไป ไปโหลดโปรแกรมมา แล้วติดตั้งให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก็จะดูได้

Get the Flash Player to see this player.
This is a picture collection of Lanpanya.com bloggers gathering between March 31 to April 3, 2009. Apart from train travel at the beginning, all other pictures were taken in Krabi, a peaceful southern province of Thailand, 2-hour drive from Phuket or 2-hour flight from Bangkok.

อ่านต่อ »


ภาพทั้งหมดของเฮแปด

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 4 April 2009 เวลา 0:08 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 2900

ความจริงก็ไม่ทั้งหมดหรอกนะครับ เซ็นเซอร์รูปน้องจิแต่งและรำโนราห์เพื่อเซอร์ไพรซ์พวกเราออก รูปเหล่านั้น ผมจะส่งให้น้องจิโดยตรง

รูปเหล่านี้ มี 222 รูป ดึงออกมาจากกล้อง ไม่มีการเลือก ยังไม่มีแรงที่จะบรรยาย และจะไม่ส่งประกวดหรอกนะครับ เก็บภาพในลักษณะบันทึกความทรงจำทริปนี้มากกว่า ถ้าอยากได้รูปไหน ช่วยบอกมาอีกทีหนึ่งครับ จะอีเมลไปให้

ไปเที่ยวนี้ นำหนักเท่าเดิม ไม่ขึ้น ไม่ลงครับ


สาระของ CSR

อ่าน: 4206

CSR (Corporate Social Responsibility หรือความรับผิดชอบต่อสังคม) ถูกนิยามโดย องค์การสหประชาชาติว่าคือ “พันธะอันต่อเนื่องของกิจการต่างๆ ที่จะประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม เกื้อหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนเกื้อกูลต่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพนักงาน ครอบครัว ท้องถิ่น และสังคมโดยรวม”

ในประเทศไทย มีความพยายามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ให้เพิ่มความสำคัญของความรับผิดชอบของบริษัทมหาชนต่อสังคม ในการส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) ของบริษัทจดทะเบียนด้วย ซึ่งกิจกรรมของบริษัทที่แสดงถึงความรับผิดชอบหรือที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมจะจัดเป็นด้านหนึ่งของการกำกับดูแลกิจการที่ดีด้วย  ดังนั้น ก.ล.ต. จะกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนให้มีการกำหนดนโยบายและเปิดเผยความสำเร็จในด้านนี้ต่อสาธารณะ

เรื่องนี้ อ่านผ่านๆ ไปก็คงไม่มีอะไร แต่ผมมีนิสัยไม่ค่อยยอมอ่านผ่านๆ ไป ผมคิดว่าเรื่องนี้มีประเด็นครับ

CSR น่าจะเริ่มที่จิตใจเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ด้วยความเข้าใจว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ หากธุรกิจประสบความสำเร็จอยู่บนความล้มเหลวของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในที่สุดก็จะเป็นความสำเร็จที่ไม่มีใครชื่นชม เป็นความสำเร็จบนความเอารัดเอาเปรียบต่อคนรอบข้าง ผลประโยชน์ส่วนตัวมาก่อนสิ่งอื่นเสมอ

อ่านต่อ »


สิทธิเด็ก

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 2 April 2009 เวลา 0:52 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3338
นี่คือ…คำขอร้องของชาวโลก
นี่คือคำขอร้องของชาวโลก เพื่อลดความวิปโยคความโศกศัลย์
หนึ่งพึงให้สิทธิเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งแยกเผ่าพันธ์และชั้นชน
สองพึงให้เด็กเราได้มีหลัก ได้รับการพิทักษ์เป็นเบื้องต้น
สามมีชื่อและสัญชาตกำเนิดตน สี่รับผลมั่นคงในสังคม
ห้าเด็กผู้พิการทั้งกายใจ เด็กพึงได้รับรักษาโดยเหมาะสม
หกพึงได้ความรักรู้อารมณ์ ถนอมเลี้ยงเกลี้ยงกลมทุกกรณี
เจ็ดสิทธิได้ฝนฝึกได้ศึกษา แปดได้รับอุปการะในทุกที่
เก้าไม่ถูกทารุณหรือเฆี่ยนตี ถูกกดขี่รังแกและถูกทิ้ง
สิบพึงให้ได้รับการคุ้มครอง พ้นจากผองการแบ่งแยกเป็นอย่างยิ่ง
เลี้ยงดูให้เติบตนเป็นคนจริง ทำทุกสิ่งตามสมควรเพื่อส่วนรวม

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เอกสารเผยแพร่แด่น้องของเรา
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก(มพด.) ปี 2525


เรื่องไม่ง่ายกับการประชุม

6 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 1 April 2009 เวลา 0:35 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #
อ่าน: 4359

การประชุม คือการพยายามหาประโยชน์จาก collective brain power เพื่อก้าวไปสู่คำตอบที่ดีกว่า การประชุมเป็นการลงทุนของ องค์กร เมื่อลงทุนด้วยเวลา และความเหนื่อยยากของบุคลากร ทั้งการจัดเตรียมวาระ-เอกสารต่างๆแล้ว องค์กรก็น่าที่จะได้ข้อสรุปที่ดี นำไปใช้ได้

ในการประชุมนั้น เรากลับต้องการความแตกต่างทางความคิดหากว่าคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่รู้จะประชุมกันไปทำไม ของทุกอย่างในโลก (ยกเว้นทรงกลม) เมื่อมองจากมุมที่แตกต่างกัน จะเห็นเป็นภาพที่แตกต่างกันเสมอ แม้บางทีรูปร่างเหมือนกัน แสง-เงาก็ต่างกัน ดังนั้นหากเรากำลังเสนอสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด จะแน่ใจได้อย่างไรว่าความคิดของเราถูกต้องเสมอจนไม่ต้องฟังใคร หรือว่าการที่ผู้อื่นเห็นด้วยนั้น เป็นการเห็นด้วยจากการยอมรับในเหตุผล ไม่ใช่ความเกรงใจ หรือแรงกดดันอื่นๆ

ในด้านที่ไม่เกี่ยวกับ การเมืองนั้น ข้อสรุปจากการประชุม คือความเห็นร่วมกันถึงทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเด็นต่างๆ จึงเป็นเรื่องผิดมารยาทที่จะมีลักษณะของเสียงข้างน้อย ความเห็นที่แตกต่างจากข้อสรุปของการประชุมนั้น สามารถขอให้บันทึกไว้ในรายงานการประชุมได้ (มีผลคุ้มครองทางกฏหมายด้วย)

การลงมติ มักจะให้ความรู้สึกว่าเป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้ก็จริงครับ แต่เป็นเพียงรูปแบบ-กระบวนการ ไม่ใช่เนื้อหาซึ่งคือความรับผิดชอบต่อส่วนรวม; การลงมติ ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด เราประชุมกันเพื่อแก้ปัญหาหรือหาข้อสรุปอะไรบางอย่าง ไม่ได้ประชุมกันเพื่อให้ใครมาชื่นชมว่าใช้กระบวนการลงมติในการสรุป สำหรับผม ข้อสรุปจากการประชุมไม่น่าจะเกิดจากการลงมติ คณะกรรมการต่างๆประชุมเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาต่างๆ ข้อสรุปก็ไม่ใช่การทำข้อสอบปรนัย ไม่จำเป็นต้องเลือกจากข้อเสนอต่างๆที่เกิดขึ้น

อ่านต่อ »



Main: 0.04709792137146 sec
Sidebar: 0.2417299747467 sec