คิดเพ้อเจ้อไปเองทั้งนั้น

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 31 May 2009 เวลา 0:21 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3854

ทายผิด

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 30 May 2009 เวลา 0:24 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3648

นางมากาเร็ต แทชเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เคยกล่าวไว้ในวันที่ 26 ตุลาคม 2512 ว่า “It will be years –not in my time– before a woman will become Prime Minister.”

ทอมัส วัตสัน ประธานกรรมการบริษัทไอบีเอ็ม กล่าวไว้ในปี 2486 ว่า “I think there is a world market for maybe five computers.”

หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ กล่าวไว้ในปี 2479 ว่า “A rocket will never be able to leave the Earth’s atmosphere.”

ผู้บริหารบริษัท United Artists ปฏิเสธไม่ให้โรนัล เรแกน รับบทนำที่แสดงเป็นประธานาธิบดี ในภาพยนต์เรื่อง The Best Man ในปี 2507 ด้วยเหตุผลว่า “Reagan doesn’t have that presidential look.”

ลอร์ดเคลวิน นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ ประธานของ the British Royal Society กล่าวไว้ในปี 2438 ว่า “Heavier-than-air flying machines are impossible.” นั่นเป็นเวลาเพียงแปดปีก่อนพี่น้องตระกูลไรท์จะนำเครื่อง “คิตตี้ฮอก” ขึ้นบินในอากาศ

วิศวกรคนหนึ่งของบริษัทโบอิ้ง กล่าวว่า “There will never be a bigger plane built.” หลังจากการทดสอบการบินเครื่องบินโบอิ้ง 247 ซึ่งมีสองเครื่องยนต์ และบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน

พ.ท. โจเซฟ อีฟ ผู้บุกเบิกสำรวจแกรนด์แคนยอน กล่าวไว้ในปี 2404 ว่า “Ours has been the first [expedition], and doubtless to be the last, to visit this profitless locality.” ปัจจุบันแกรนด์แคนยอนมีนักท่องเที่ยวปีละห้าล้านคน

เอมมิลีน สไนเวลลี กล่าววิจารณ์มาริลีน มอนโรว์ซึ่งไปสัมภาษณ์เป็นนางแบบในปี 2487 ว่า “You better get secretarial work or get married.”

อ่านต่อ »


ทำจากทราย

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 29 May 2009 เวลา 0:32 ในหมวดหมู่ ดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม บันเทิง #
อ่าน: 4751

ไม่ว่ามองรูปข้างล่างนี้ แล้วจะมีความเห็นอย่างไร ข้อเท็จจริงคือมันคือทราย โดนน้ำก็จะพังทลาย

ไม่ว่าจะฟอร์มดี หรือตั้งใจทำขนาดไหน ถ้ายังใช้ทราย ก็ต้องยอมรับความเป็นทรายให้ได้

ที่สำคัญ เอาทรายมาปั้น มาแกะสลัก อย่าเผลอไปคิดว่าทรายเป็นคอนกรีตเข้าล่ะ อิอิ

…อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา…

อ่านต่อ »


ห้องสมุดสวย

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 28 May 2009 เวลา 0:29 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3944

ไม่รู้ว่าบรรยากาศ จะมีผลต่อการอ่านหรือไม่ แต่รูปที่นำมาให้ดูนี้ เป็นรูปของห้องสมุดสวยๆ ครับ

ถ่ายรูปมาแล้วใช้ HDR ทำต่อเพื่อเร่งความแตกต่างของสี ทำให้สีสดมาก


Abbey Library St. Gallen, Switzerland

อ่านต่อ »


ผู้นำในวิกฤตการณ์

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 27 May 2009 เวลา 0:07 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 2657

บ้านเมืองมีวิกฤตการณ์ แต่นักการเมืองจำนวนมาก ก็ยังไม่ได้ตระหนัก หรือตระหนักแต่ไม่สนใจ

ยังมีความคิดเหมือนเดิม ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่ดันอยากจะให้ผลลัพท์แตกต่างออกไป จะเรียกร้องความสมานฉันท์ โดยที่ตัวเองกลับเป็นผู้ตอกลิ่มของความแตกแยกอยู่ตลอดเวลา ชี้นิ้ว หาเหตุ สร้างความปั่นป่วน

สนทนาประสากูรู กับจอห์น ซี. แม็กซ์เวลล์ ได้ชี้ปรากฏการณ์บั่นทอนพลัง A-B-C เอาไว้อย่างน่าสนใจ

  1. Activity without Direction — ทำไปโดยไร้ทิศทาง
  2. Burden without Action — มีแต่ภาระโดยไม่มีการกระทำเพื่อทางออก
  3. Conflict without Resolution — ความขัดแย้งที่ไม่มีทางออก

เมืองไทยสะสมเอาไว้ครบถ้วน


เรื่องเกี่ยวกับความคิด

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 26 May 2009 เวลา 0:18 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3199

ความคิดแบบตะวันตก มีอะไรน่าสนใจหลายอย่างครับ


หนังสือ เจ้าเป็นไผ ๑

6 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 25 May 2009 เวลา 0:16 ในหมวดหมู่ ลานปัญญา #
อ่าน: 4173

มีอะไรจะแนะนำก็บอกมาเลยนะครับ เกิดมาก็ไม่เคยทำหนังสือ เคยแต่เขียนๆๆๆๆ แล้วมีคนนำไปทำต่อให้ ครั้งนี้จึงเป็นประสบการณ์ใหม่ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไง

คราวนี้
(1) เปลี่ยนขนาดฟอนต์ จาก 14pt เป็น 16pt ตัวใหญ่ขึ้น 14% ช่องว่างระหว่างบรรทัด ห่างขึ้น
(2) เพิ่ม A52S อธิบายมิติทางสังคมของเฮฮาศาสตร์ ของพี่บู๊ท
(3) เรียงเอาการแนะนำของครูบาไปไว้หน้าเรื่องทั้ง 10
(4) มีเชิงอรรถ (footnote) ท้ายหน้าทุกเรื่อง อ่านแล้วไม่งงว่าอ้างมาจากไหน
(5) เพิ่ม “ประโยคเด็ด” (quotes) แต่ยังจัดรูปแบบไม่สวย

อย่างไรก็ตาม หนังสือที่ชาวเฮตั้งใจทำ ก็มีแนวโน้มจะพิมพ์ออกมาได้ ลองทำ dummy ขยายขนาดตัวอักษรให้อ่านได้ง่ายขึ้น ใส่รูป ออกมา 148 หน้า อาจจะยังขาดอะไรอยู่เล็กน้อย เชื่อว่าหนังสือเจ้าเป็นไผ ๑ จะยาว 160 หน้า ราคาพองาม (ยังไม่ได้ส่งตีราคาครับ) แต่ก็หวังให้ราคาถูกที่สุด คงจะไม่เกิน 150 บาท รวมค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ — มั่วเอา

ช่วงนี้ ก็จะตรวจสอบความถูกต้อง และ consistency ของการจัดรูปแบบต่างๆ

คำนิยม เจ้าเป็นไผ

ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี

ประเทศไทยมีทรัพยากรมหาศาล เกินพอที่จะสร้างสรรค์สวรรค์บนดิน  หรือสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ที่เราล้มลุกคลุกคลาน ต้วมเตี้ยมเตาะแตะแตกตายอยู่เช่นทุกวันนี้ เพราะมองไม่เห็น หรือดวงตาบ่มีแวว ไม่เห็นสิ่งสำคัญที่สุด

สิ่งสำคัญที่สุดคือคนไทยทุกคน

ที่เราเห็นผิดก็คือเห็นเขาเป็นไพร่ เป็นทาส เป็นคนไม่มีการศึกษา โง่-จน-เจ็บ เมื่อเห็นผิดอย่างนี้ประเทศก็ไม่มีกำลัง

ความจริงคือเขามีคุณค่าความเป็นคน

คนทุกคนมีศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความเป็นคน และมีศักยภาพแห่งความสร้างสรรค์ ทุกคนมีความรู้ในตัว ที่ได้มาจากการทำงานและประสบการณ์ชีวิต ความรู้ในตัวคนเป็นความรู้ที่มีประโยชน์จริง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในการทำไร่ทำนา ความรู้ในการเลี้ยงควาย ความรู้ในการทำกับข้าว ในการจักสาน ในการร้องเพลง ในการทำก๋วยเตี๋ยว ในการผสมปูน ในงานช่างไม้…ฯลฯ

ถ้าเราเคารพเฉพาะความรู้ในตำรา คนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีเกียรติ คนส่วนใหญ่ไม่มีเกียรติ ประเทศที่คนส่วนใหญ่ไม่มีเกียรติจะอยู่ได้อย่างไร นั่นแหละคือปัญหาของเรา

ถ้าเราเคารพความรู้ในตัวคน คนทั้งหมดจะมีเกียรติ คนมีเกียรติก็อยากจะทำอะไรดี ๆ ประเทศก็จะแข็งแรง

ความรู้ในตัวคนมาจากวิถีชีวิต วิถีชีวิตร่วมกันคือวัฒนธรรม ความรู้ในตัวคนมีฐานอยู่ที่วัฒนธรรม วัฒนธรมคือรากของสังคม การตัดรากต้นไม้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นการตัดรากของสังคมก็เช่นเดียวกัน การพัฒนาใน 100 ปีที่ผ่านมาคือ การตัดรากทางวัฒนธรรม การเคารพความรู้ในตัวคนคือการหันไปหารากทางวัฒนธรรม

การรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง เอาความรู้ในตัวมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อยอด จะเกิดนวัตกรรมและพลังสร้างสรรค์มหาศาล

ถ้าทุกคนตระหนักรู้ถึงศักดิ์ศรีและ คุณค่าของความเป็นคนในตัวเอง และศักยภาพของความสร้างสรรค์ มีความรู้ในตัวเอง สามารถทำเรื่องดี ๆ ที่ตนถนัด สามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มและเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย จะทำให้เกิดความสุขและความสร้างสรรค์อันหลากหลายเต็มแผ่นดิน

ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ได้ริเริ่มชักชวนให้มีการลงขันเล่าเรื่องของตัวเอง “เจ้าเป็นไผ” ลงในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ถ้ามีการทำเรื่องทำนองนี้มากขึ้น ในที่สุดเราจะมีระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ของคนไทยทุกคน คนไทยทุกคนจะเป็นคนเก่งในทางที่ต่าง ๆ กัน คนไทยทุกคนจะภูมิใจในตนเอง อยากทำเรื่องดี ๆ มากขึ้น และเราจะมีแหล่งเรียนรู้มหาศาลทั่วแผ่นดิน

ขอให้ “เจ้าเป็นไผ” ก่อให้เกิดความบันดาลใจแก่เพื่อนคนไทย ให้เห็นคุณค่าความรู้ในตัวคน และเกิดการทำ”แผนที่มนุษย์” (Human Mapping) กันในทุกพื้นที่ว่าใครทำอะไร เป็นใครทำ อะไรเก่ง ให้คนไทยทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเป็นกำลังของแผ่นดิน ที่จะร่วมสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เป็นสวรรค์บนดิน หรือเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ »


บริหารแบบไม่บริหาร: Google’s Eric Schmidt

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 24 May 2009 เวลา 1:20 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #
อ่าน: 2910

ผมว่าเค้าพูดน่าฟังครับ

ถ้ามองลึกกว่าคำพูดที่ให้สัมภาษณ์ น่าจะพบองค์ประกอบใหญ่สามอย่างคือ

  1. สไลด์ 9: เลือกสรรคนที่เหมาะสมตั้งแต่ต้น — พอกันทีกับการรับคนมาก่อนเพราะกลัวว่า headcount จะหาย ถ้ารับแบบไม่เหมาะสมมาแล้วเขาทำงานไม่ได้ นอกจากมาถ่วงแล้ว headcount ก็หายอยู่ดี
  2. สไลด์ 8: ความเชื่อใจ ปล่อยให้เขาทำอย่างเต็มที่ — ถ้าไม่มีความเชื่อใจกัน จะทำงานอยู่ด้วยกันทำไมครับ
  3. สไลด์ 5: ถ้ารู้เรื่องน้อย (อาการหอคอยงาช้าง) อย่าตัดสินใจมาก

แนวคิดแบบนี้ ดูจะไปไม่ได้เลยกับระบบราชการ


ลัทธิมักขลิวาท

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 23 May 2009 เวลา 1:44 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3246

จากพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ (พุทธทาสภิกขุ แปลพระไตรปิฎก)

ทรงระบุลัทธิมักขลิวาท ว่าเป็นลัทธิทำลายโลก

ภิกษุ ท.! ในบรรดาผ้าที่ทอด้วยสิ่งที่เป็นเส้น ๆ กันแล้ว ผ้าเกสกัมพล(ผ้าทอด้วยผมคน) นับว่าเป็นเลวที่สุด. ผ้าเกสกัมพลนี้ เมื่ออากาศหนาว มันก็เย็นจัด, เมื่ออากาศร้อน มันก็ร้อนจัด. สีก็ไม่ งาม กลิ่นก็เหม็น เนื้อก็กระด้าง;ข้อนี้เป็นฉันใด, ภิกษุ ท.! ในบรรดาลัทธิต่าง ๆ ของเหล่าปุถุสมณะแล้ว ลัทธิมักขลิวาท นับว่าเป็นเลวที่สุด ฉันนั้น.

ภิกษุ ท.! มักขลิโมฆบุรุษนั้น มีถ้อยคำและหลักความเห็นว่า “กรรมไม่มี, กิริยาไม่มี, ความเพียรไม่มี” (คือในโลกนี้ อย่าว่าแต่จะมีผลกรรมเลยแม้แต่ตัวกรรมเองก็ไม่มี, ทำอะไรเท่ากับไม่ทำ. กิริยาและความเพียรก็นัยเดียวกัน).

ภิกษุ ท.! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่เคยมีแล้วในอดีตกาลนานไกล ท่านเหล่านั้น ก็ล้วนแต่เป็นผู้กล่าวว่า มีกรรม มีกิริยามีวิริยะ. มักขลิโมฆบุรุษย่อมคัดค้านพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้านั้น ว่าไม่มีกรรม ไม่มีกิริยา ไม่มีวิริยะ ดังนี้.

ภิกษุ ท.! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่จักมีมาในอนาคตกาลนานไกลข้างหน้า ท่านเหล่านั้นก็ล้วนแต่เป็นผู้กล่าวว่า มีกรรมมีกิริยา มีวิริยะ. มักขลิโมฆบุรุษย่อมคัดค้านพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น ว่าไม่มีกรรม ไม่มีกิริยา ไม่มีวิริยะ ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ในกาละนี้ แม้เราเองผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะก็เป็นผู้กล่าวว่า มีกรรม มีกิริยา มีวิริยะ. มักขลิโมฆบุรุษย่อมคัดค้านเราว่า ไม่มีกรรม ไม่มีกิริยา ไม่มีวิริยะ ดังนี้.

ภิกษุ ท.! คนเขาวางเครื่องดักปลา ไว้ที่ปากแม่น้ำ ไม่ใช่เพื่อความเกื้อกูล, แต่เพื่อความ ทุกข์ ความวอดวาย ความฉิบหาย แก่พวกปลาทั้งหลายฉันใด; มักขลิโมฆบุรุษเกิดขึ้นในโลก เป็นเหมือนกับ ผู้วางเครื่องดักมนุษย์ไว้ไม่ใช่เพื่อความเกื้อกูล, แต่เพื่อความทุกข์ความวอดวาย ความฉิบหาย แก่สัตว์ทั้งหลายเป็นอันมาก ฉันนั้น.

๑. บาลี โยธาชีววรรค ติก. อํ. ๒๐/๓๖๙/๕๗๗. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.


พบฟอสซิลอายุ 47 ล้านปี อาจเป็น “จุดเชื่อม” ที่หายไป

อ่าน: 3579

รายงานข่าวจาก BBC แจ้งว่าทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออสโลในนอร์เวย์ ค้นพบซากฟอสซิลอายุ 47 ล้านปี ซึงค้นพบในเยอรมันนีเมื่อกลางทศวรรษที่ 80 ซึ่งถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี จนเห็นขอบของหนัง/ขนก่อนเน่าสลายไป

ซากชิ้นนี้ อาจเป็นเบาะแสว่า Primates (ลิงใหญ่ มนุษย์ กอริลล่า ฯลฯ) วิวัฒนาการมาจากอะไร ลักษณะของซากสัตว์ตัวนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกขานเล่นๆ ว่า “อีด้า” (Ida แต่พวกอเมริกันคงอ่านว่า “ไอด้า”) มีรูปร่างคล้ายตัวลีเมอร์​ซึ่งเป็นสัตว์คล้ายลิง ยังพบได้ในเกาะมาดาร์กัสกาเท่านั้น

ในขณะนี้ ซากฟอสซิลได้ถูกส่งไปแสดงที่ American Museum of Natural History ในมหานครนิวยอร์คในสหรัฐ

ข่าว: BBC



Main: 0.84423112869263 sec
Sidebar: 0.42094993591309 sec