ภัยอะไรน่ากลัว (2)

อ่าน: 3340

ผมไม่เขียนภัยจาก ลม ไฟ ต่อจาก ดิน น้ำ ที่เขียนในตอนที่แล้วหรอกครับ คงพอจะพิจารณาต่อกันได้เองแล้ว

ตอนนี้ เป็นภัยจากอวกาศ ซึ่งตื่นเต้น เร้าใจ น่าติดตาม และถูกขยายผลโดยใช้ข้อความเพียงบางส่วน; อวกาศ กว้างใหญ่และทรงพลัง สิ่งที่เกิดในอวกาศอธิบายได้ด้วยทฤษฎีทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ซึ่งบางส่วนก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว แต่มีอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เช่นเดียวกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เกินจากความเข้าใจของคนทั่วไป เช่นทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ เมื่อประกาศออกมาก็มักจะได้รับการท้าทาย กาลครั้งหนึ่ง คนที่มีความคิดแปลกๆ ก็ยังถูกฆ่าขัดกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ได้

พอกล่าวถึงภัยจากอวกาศ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือมากมาย ซึ่งเมืองไทยไม่มีสักอย่าง ถึงมีก็คงแตะต้องไม่ได้ เราต้องอาศัยข้อมูลมือสองจากต่างประเทศทั้งนั้น เค้าจะเปิดหรือไม่เปิดให้ก็ได้ จะพลิกแพลงแบบเนียนๆ ก็ไม่มีใครรู้ แต่เราก็ยังเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ (หรือเป็นวรรคเป็นเวรก็ไม่รู้)

มีทฤษฎีต่างๆ มากมายที่อธิบายความเป็นไปได้ของเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงอันทรงพลังในอวกาศ ซึ่งหากดาวฤกษ์ในกาแลกซีทางช้างเผือกซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เกิดระเบิดขึ้น เราคงไม่รอดมายืนยันทฤษฎีนั้น เพราะรังสีที่ปลดปล่อยออกมาจะเกินกว่ามนุษย์จะต้านทานได้ เช่นกรณีดาวนิวตรอน SGR 1806-20 ขนาด 20 กม. เกิดระเบิดขึ้น และแสงเดินทางมาถึงโลกเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2547 หนึ่งวันหลังจากเกิดสึนามิทางฝั่งอันดามัน SGR 1806-20 ปล่อยพลังงานทั้งหมดออกมาใน 0.1 วินาที มากกว่าพลังงานที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมาในแสนปี — ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ในระยะ 10 ปีแสงจากโลก ชั้นโอโซนคงถูกทำลายหมด และชีวิตบนโลกคงดับลงหมด

การเกิดและแตกดับของดาว เป็นไปตามกฏเกณฑ์ทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ แต่ก็ยังมีทฤษฎีใหม่ๆอีกมาก เช่น ทฤษฎี Superwave ซึ่งยังรอการพิสูจน์ || นาซาสำรวจพบการแผ่รังสีแกมมาความเข้มข้นสูงจากกลางกาแลกซีทางช้างเผือก ซึ่งเป็นระยะพอๆ กับระยะจากโลกไปยังศูนย์กลางของกาแลกซีทางช้างเผือก อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตรวจจับรังสีที่ตั้งฉากกับระนาบการหมุนของดาวได้ ก็หมายความว่าเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นในอดีตนานแล้ว || ผลของ Superwave กับการเปลี่ยนแปลงโลก

มีทฤษฎีและสมมุติฐานต่างๆ พยายามจะอธิบายและพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคตมากมาย เจ้าของทฤษฎีก็พยายามอธิบาย ต่างคนต่างเชื่อว่าทฤษฎีของตนถูกต้อง ซึ่งสำหรับคนฟังแล้ว การเชื่อถือไปเลยนั้นออกจะพิลึกไปสักหน่อย แต่ว่าการปฏิเสธไม่เชื่อโดยไม่ได้ศึกษานั้น ยิ่งพิลึกกว่าอีกครับ เราจะตอบรับหรือปฏิเสธสิ่งที่ไม่รู้ได้อย่างไร?

ส่วนหนึ่งของทฤษฎีต่างๆ เหล่านี้ ใช้สนับสนุนเรื่องเหตุการณ์ 2012 — ถึงแม้จะเป็นไปได้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็น ต่อให้เห็นในเชิงประจักษ์ เราก็ไม่เห็นเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งอาจไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่ผลปรากฏให้เห็น — สำหรับผมแล้ว เรื่องสำคัญไม่ใช่เชื่อหรือไม่เชื่อ ถูกหรือผิด แต่เป็นความเข้าใจจากหลายมุมที่สุดเท่าที่สติปัญญาจะพึงมี ไม่ต้องรีบร้อนตัดสินฟันธงหากไม่พร้อมต่างหาก

มีภัยอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมาจากอวกาศ ภัยกลุ่มนี้ ถูกเผยแพร่ถึงข้อสังเกตในเมืองไทยโดย ดร.ก้องภพ อยู่เย็น มีปรากฏการณ์อยู่สามอย่างใหญ่ๆ คือ (ก) รังสีจากนอกระบบสุริยจักรวาล (ข) ปรากฏการณ์ดาวเรียงตัว และ (ค) การระเบิดบนดวงอาทิตย์

สำหรับรังสีจากนอกระบบสุริยะ กำลังบุกทะลวงเข้ามาถึงระบบสุริยะชั้นใน เมื่อสุริยจักรวาลโคจรผ่านระนาบการหมุนของกาแลกซีทางช้างเผือก ข้อสังเกตนี้มาจากการวัดระยะไกลแถวแถบไคเปอร์และแถวเมฆออร์ต อยู่ปลายของของสุริยจักรวาล ซึ่งว่ากันว่าเป็นแหล่งของดาวหาง — ผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นข้อสังเกตนะครับ หากจะมีผลของรังสีคอสมิกหรือรังสีใดๆ ที่เข้มข้นเป็นพิเศษในแนวระนาบการหมุนของกาแลกซีทางช้างเผือก ทะลวงลมสุริยะเข้ามา คงไม่ใช่ว่ามันเพิ่งเกิดหรือจะรอมาถึงโลกพอดีในวันที่ 21 ธันวาคม 2012

ปรากฏการณ์ดาวเรียงตัว ผมได้ยินชัดว่า ดร.ก้องภพตั้งไว้เป็นข้อสังเกตว่ามี correlation สูง (เกินกว่าการเดาสุ่ม) เมื่อพล็อตเวลาที่ดาวเคราะห์หรือดวงอาทิตย์เรียงตัวกัน+การทำนายกิจกรรมของดวงอาทิตย์ กับเหตุการณ์ที่โลกมีแผ่นดินไหวหรือมีพายุใหญ่ จะพบว่าอยู่ในช่วงเดียวกัน (±2-3 วัน) มีเหมือนกันที่ดาวเรียงตัวแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น และมีเหมือนกันที่เกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดพายุโดยไม่มีดาวเรียงตัว ตลอดการบรรยาย ผมไม่ได้ยินสักครั้งเดียว ว่าผู้บรรยายบอกให้นำไปใช้สำหรับพยากรณ์ภัยพิบัติ แต่กลับเป็นการเรียกร้องของให้ช่วยกันสังเกตครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุหรือไม่ และที่ไหน

ส่วนการระเบิดบนดวงอาทิตย์นั้น พอเข้าใจได้ว่าดวงอาทิตย์ระเบิดและปล่อยมวลสาร เป็นพลาสมาซึ่งมีประจุ (และมีสนามแม่เหล็ก) ออกมา เรียกว่า Coronal Mass Ejection (CME) อาจกระทบต่อสนามแม่เหล็กโลกได้ มีทฤษฎีและการทดลองสองสามอันที่ตั้งสมมติฐานของความเชื่อมโยงเอาไว้ แต่จำไม่ได้แล้ว — สนามแม่เหล็กโลกเกิดจากแกนโลกเคลื่อนตัว แกนโลกเป็นเหล็กหลอมเหลว มีมวล 84% ของโลกแต่มีปริมาตรเพียง 15% ทีนี้หากสนามแม่เหล็กโลกถูกรบกวนจาก CME จากดวงอาทิตย์ แกนโลกไม่น่าจะหมุนไปตามเดิม คงจะถูกรบกวนบ้างล่ะครับ ถ้า core เคลื่อน mantle เคลื่อน crust อาจจะเคลื่อนได้เหมือนกัน ก็แผ่นดินไหวไงครับ

เรื่องทั้งหมดนี้ เกินความเข้าใจของผม แต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ดีครับ อะไรใช่หรือไม่ใช่ บางทีก็ไม่ได้อยู่ที่เหตุผลนะครับ เพราะว่าเราไม่ได้รู้อะไรทั้งหมดพอที่จะตัดสินได้

« « Prev : ภัยอะไรน่ากลัว (1)

Next : ภัยอะไรน่ากลัว (3) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ภัยอะไรน่ากลัว (2)"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.22705292701721 sec
Sidebar: 0.37593197822571 sec