บ่ายหนึ่งกับ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น
บ่ายวันนี้ @iwhale เชิญ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น มาใน closed group meeting เพื่อมาบรรยายเกี่ยวกับภูมิอวกาศ (Space Weather) และข้อสังเกตเกี่ยวกับผลกระทบต่อโลก
ผมเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ฟังคำอธิบาย แม้ว่าจะเห็นข้อมูลบางส่วนแล้ว ก็เลยชวนผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือสองท่านไปฟังด้วย คือ @htk999 และ @romhiranpruk ไปเริ่มศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ ต่อจากความสนใจส่วนตัวของ ดร.ก้องภพ
การบรรยายครั้งนี้ (ผม)ไม่ได้ถือเรื่องการทำนายเป็นสาระสำคัญ แต่พบว่าการตรวจวัดหลายอย่างที่เข้ามาจากอวกาศ ไกลกว่า magnetosphere ของโลก มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนโลก เช่นแผ่นดินไหว ลมฟ้าอากาศแปรปรวน ฯลฯ
เพื่อทดสอบสมมุติฐาน จึงมีการระบุวันให้สังเกต ซึ่งบางส่วนของผู้ที่ได้รับข้อมูล อาจเกิดการตีความว่าเป็นการทำนายภัยพิบัติ ซึ่งโดยนิยามแล้วไม่ใช่นะครับเนื่องจากไม่ได้ระบุสถานที่และเวลา — อย่างไรก็ตาม ที่ระบุวันล่วงหน้ามาก็ถูกมากกว่าผิด เมื่อศึกษาย้อนกลับไปในอดีต พบ correlation อย่างมีนัยสำคัญเหมือนกัน
แน่ละครับ เวลามองเหตุการณ์ย้อนหลัง เราก็มักจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ — ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าแล้วมันเป็นปัญหาอะไร!!! — อธิบายได้ก็ดีแล้วไงครับ ถ้านำคำอธิบายมาระบุช่วงเวลาที่ต้องระวัง ก็ยิ่งดีใหญ่เลย รู้ตัว ดีกว่าไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ดี ความเข้าใจของมนุษย์ต่อธรรมชาตินั้นยังน้อยนัก อาจจะไม่มีปรากฏการณ์อย่างเดียว ที่สามารถอธิบายช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถ้ามีแบบที่มี correlation สูง ผมว่าน่าสนใจมากครับ ที่จริงการบรรยายนี้ เป็นเรื่องของการสังเกตและ correlation ทั้งนั้นเลยครับ
สำหรับสไลด์ ดร.ก้องภพไม่ได้ทิ้งไว้ให้เนื่องจากจะรีบไปธุระต่อ ก็เลยเอาสไลด์เก่ามาปะให้ดู ซึ่งที่บรรยายวันนี้ มีงอกมาอีกหลายสไลด์ครับ แต่ว่าผมไม่แตกฉานพอจะอธิบาย การบรรยายยาวหลายชั่วโมง เขียนไม่ไหว แถมอาจตกหล่นอีกด้วย
จุดสังเกต โดยคร่าวๆ มี
- ดวงอาทิตย์: Solar activities / Coronal mass ejection (CME) / Geomagnetic storm
- การเรียงตัวของดาวเคราะห์: ที่สังเกตดู การเรียงตัวของดาวเคราะห์ชั้นในๆ (ไปถึงดาวพฤหัส) ส่งผล — เรื่องนี้อาจเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นบ่อย ซึ่งเวลาตรวจสอบย้อนหลังก็มักจะเจอ
- ตำแหน่งของดวงจันทร์ขณะเกิดแผ่นดินไหว: ที่สังเกต พบว่าดวงจันทร์มักอยู่ใกล้ๆ จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว
เชื่อโดยไม่ได้พิจารณา กับปฏิเสธโดยไม่ได้พิจารณา อันตรายพอกันนะครับ
สไลด์ 124: 2011-02-17 2011-04-17 2011-05-08…16 2011-08-10 2011-10-20…27 2011-12-31
« « Prev : ถ้าจะมีอนาคต ต้องผ่านปัจจุบันให้ได้ก่อน
Next : หากเดินทางไปซื้อของไม่ได้… » »
5 ความคิดเห็น
เรื่องการทำนายด้วยวิทยาศาสตร์กับหมอดูมักมีอะไรคล้ายกัน คือ สหสัมพันธ์ที่ว่านั้นมัก “เลือก” เอามาแต่ในส่วนในช่วงที่เข้ากันได้ดี ส่วนช่วงที่เข้ากันได้ไม่ดี ก็มักไม่นำมาพิจารณา พูดง่ายๆ มักมีความลำเอียงแหละครับ
ผีเสื้อกระพือปีกในปักกิ่ง ทำให้เกิดพายุในนิวยอร์คได้ในบางครั้ง แต่ถามว่าแล้วผีเสื้อกีล้านตัวมันกระพือปีกในปักกิ่งวันละกี่พันล้านครั้งแล้วมันเกิดพายุในนิวยอร์คกี่ครั้งจากการนี้ แทบไม่มีสหสัมพันธ์อะไรเลย แต่มันก็กลายมาเป็นทฤษฎีเคออสได้จนวันนี้
ในทางตรงข้าม ผมอยากถามว่าอะไรเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน มันเป็นไปได้ไหมว่า สิ่งบอกเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงภูมิกาศในโลกต่างหากเล่าที่เหนี่ยวนำให้เกิด disturbance ในสนามแม่เหล็กอวกาศ and not the other way around เช่น มันเกิดแรงกด อุณหภูมิในบางแห่ง ทำให้สนามแม่เหล็กโลกกระเพื่อม มันก็ส่งสัญญาณออกไปในอวกาศ จากนั้นแรงกด อุณหภูมิดังกล่าวก็ส่งผลให้เกิดพายุ น้ำท่วม ในโลกในเวลาต่อมา แล้วเราก็ไปสรุปว่าอวกาศส่งสัญญาณมาให้เรา ทั้งที่เรานี่แหละส่งสัญญาณให้อวกาศ
อิๆ แย้งเล่น หนุกๆ เป็นการลับสมอง
ผมคิดว่ายากที่ระบบอันซับซ้อนอย่างธรรมชาติ จะประพฤติตัวเป็นสมการเชิงเส้น y = ax+c ทำให้ทำนายได้ด้วยตัวแปรเพียงตัวเดียว (โลกวิสัยเป็นอจิณไตย)
แต่ถ้ามีอะไรที่พอจะเตือนให้รู้ล่วงหน้าได้บ้าง เช่นถ้ารู้ว่าวันนี้อากาศจะเย็นมาก ก็จะได้แต่งตัวให้เหมาะสมครับ ส่วนการรู้่ว่าอากาศจะเย็นมาก จะใช้วิธีโบราณลากเส้น isobar จะใช้การคำนวณ จะดูเมฆดูลมอย่างขงเบ้ง ก็สุดแต่จะใช้กัน
วิทยาศาสตร์เองก็มีสมมุติฐานเยอะนะครับ บรรดาโมเดลต่างๆ เช่นโมเดลของอะตอม ไม่ได้เป็นเหมือดดาวเทียมโคจรรอบโลก อนุภาคมีเกิดดับสลับกันไป ถ้าจะมีสมมุติฐานเพิ่มอีกสักอย่างหนึ่ง แล้วเราคอยสังเกต พิสูจน์ ปรับปรุง ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนะครับ ถ้าเกิดถูกขึ้นมา แล้วคนในพื้นที่เสี่ยงเช่นตามชายฝั่งทะเลหรือแถวรอยแยก ได้รับการเตือนให้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น วิธีการและเส้นทางหลบหนีสู่ความปลอดภัย รักษาชีวิตคนได้ ก็คุ้มครับ
ทฤษฎี chaos มันก็ไม่เชิงเส้นอยู่แล้วแหละครับ เพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า input นิดเดียว แต่ out put มหาศาล มันอาจไม่ violate กฎข้อที่หนึ่งเนื่องเพราะมันตั้งอยู่บนขอบของความ ไม่เสถียร นะครับ เช่น ช้างกำลังป่วยหนัก มียุงมากัดเพิ่มอีกนิดเดียว ช้างก็ล้มได้
E=mc^2 ก็ไม่เชิงเส้น
กฎรวยแล้วไม่โกง ก็อาจเป็นกำลังสองผกผัน ได้นะครับ
พลังงานหัวใจในการสูบส่งเลือดก็กฎกำลังสามต่อความใสของเลือด
“ความคุ้ม” คืออะไร ผมว่ามันสุดแล้วแต่ปัจเจกจะนิยาม เช่น ชาวบ้านโนนหมากมุ่นออกมาต่อต้านคนไทยกลุ่มหนึ่ง (ที่ชื่อกลุ่มออกจะโจ่งแจ้งไปหน่อย) ที่จะไปเรียกร้องดินแดนให้พวกเขานั้น พวกเขาออกมาต่อต้าน หาว่าไม่คุ้ม ส่วนพวกเรียกร้องคิดว่า “คุ้ม” ก็ชักคะเย่อกันไป …คนขายยาบ้าก็ว่ากำไรที่ได้มันคุ้มต่อการสียงต่อการถูกตำรวจจับ ส่วนตำรวจก็ว่ามันคุ้มที่ติดสินบทสอบเข้ามาเป็นตำรวจเพราะมันมีผลประโยชน์มาก
ผมใช้เวลาออกมาโพสต์นี้ผมก็คิดว่ามันคุ้มนะครับ อิๆ
ขอบคุณครับที่ให้โอกาสเสนอแนวคุ้ม
[รูปประจำตัว]
[...] ดร.ก้องภพ อยู่เย็น มีปรากฏการณ์อยู่สามอย่างใหญ่ๆ คือ [...]