จำใจปฏิเสธ
อนุสนธิจากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 5 พค 2557 เวลา 18:08น ความแรง 6.3 ตามมาตรฐานริกเตอร์ ลึกประมาณ 7 กม มีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ อ.พาน จ.เชียงราย ราชการช่วยเหลือบ้านเรือนที่เสียหายหลังละสามหมื่นกว่าบาท แน่นอนว่าไม่พอหรอกครับ เพราะในระยะ 100 กม จากจุดศูนย์กลาง มีประชาชนอาศัยอยู่ 2,387,170 คน ดังนั้นความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยจึงมากตามไปด้วย
ผมก็เข้าใจความลำบากของการเบิกจ่ายงบฉุกเฉินของทางราชการ งบประมาณถูกโกยจากส่วนราชการไปกองไว้ที่งบกลางฉุกเฉินซึ่ง ครม จะเป็นผู้อนุมัติ แต่ตามรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลเพียงแต่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามารับงานต่อ ในการนี้ การเบิกจ่ายไม่คล่องตัวเหมือนก่อนยุบสภา ประกอบกับการเก็บภาษีอากรไม่เข้าเป้า ขาดไปเป็นแสนล้านบาทเนื่องจากเงินตึงตัวเพราะรัฐบาลไม่สามารถชำระหนี้ใบประทวน(จำนำข้าว)ได้ ทำให้เกษตรกรเป็นหนี้ เจ้าหนี้ของเกษกรก็เป็นลูกหนี้ กระทบกับไปเป็นทอดๆ หนี้ครัวเรือนขึ้นสูงถึง 80% ของ GDP สถาบันการเงินไม่ค่อยปล่อยกู้เนื่องจากอาจกลายเป็นหนี้เสียได้ง่ายและจะทำให้สถาบันการเงินต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีก แม้หนี้นอกระบบซึ่งคิดดอกเบี้ยมหาโหด ก็หากู้ได้ยากเพราะหนี้เก่ายังไม่ได้ใช้
เนื่องจากความช่วยเหลือจากภาครัฐมีจำกัดมาก ภาคประชาชนผู้ใจบุญร่วมกับไทยพีบีเอสจึงจะขยับเข้ามาช่วยเหลือ ก็ไปนึกถึงกระบวนการการรับบริจาคและสั่งจ่าย ที่มูลนิธิโอเพ่นแคร์ ร่วมกับอาสาดุสิต และ ไทยฟลัด ร่วมกันทำมาตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 2553 ในกระบวนการนี้ แสดงรายการรับบริจาค (ซึ่งระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินได้) *ทุก*รายการ ส่วนการสั่งจ่าย แสดงใบเสร็จให้ตรวจสอบด้วย จึงมีความโปร่งใสมาก ไม่ใช่แค่อ้างว่าโปร่งใสตรวจสอบได้เท่านั้น แต่ทุกคนไม่ว่าบริจาคหรือไม่ สามารถตรวจสอบรายการได้เองบนเว็บ
เมื่อมูลนิธิถูกขอให้ช่วยดำเนินการเรื่องนี้อีกสำหรับการบรรเทาทุกข์แผ่นดินไหว เชียงราย ผมคิดไปคิดมา ก็จำเป็นต้องปฏิเสธไป เนื่องจากเวลานี้ ผมย้ายมาอยู่ในป่าบุรีรัมย์ ห่างจากเครื่องอัพเดตสมุดคู่ฝาก ไป-กลับ 25 กม ต้องลุยถนนลูกรังออกไปอัพเดตสมุดคู่ฝาก ในเวลาที่ฝนตก อาจติดหล่มด้วย
หากเงินบริจาคเข้ามาในบัญชีของมูลนิธิ การโอนเงินออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน จะต้องไปทำรายการที่สาขาของธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ (ซึ่งอยู่ที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี) ห่างจากที่ที่ผมอยู่เกือบ 420 กม และไม่สามารถทำรายการทางอินเทอร์เน็ตได้เนื่องจากเป็นบัญชีนิติบุคคล มีมาตรฐานการบัญชีกำกับอยู่ มีการเก็บหลักฐานทางบัญชีทั้งเงินเข้าและเงินออก… จึงต้องขอปฏิเสธไปเนื่องจากความไม่สะดวก เมืองไทยนี้ จะช่วยชาวบ้านอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา ทำยากจริงๆ เงื่อนไขเยอะมาก
ดังนั้นทีมที่ติดต่อมา ก็จะพยายามหามูลนิธิอื่นทำ และอาจจะขอให้ช่วยอธิบายกระบวนการทำ ทั้งในแง่บัญชี และ ความโปร่งใส ซึ่งผมก็ยินดีครับ
« « Prev : นิสิต OCARE จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 57
Next : ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์สำหรับสวนป่า » »
ความคิดเห็นสำหรับ "จำใจปฏิเสธ"