หลักปฏิบัติของบล็อกเกอร์

โดย Logos เมื่อ 17 September 2010 เวลา 19:20 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3390

เมื่อสามปีที่แล้ว Tim O’Reilly ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงบนอินเทอร์เน็ต (Google ค้นพบชื่อนี้ในกว่าสองล้านแปดแสนเอกสาร) เกิดอาการทนไม่ได้กับการใช้เสรีภาพเกินขอบเขต (ตามความเห็นของเขา) ของบล็อกเกอร์จำนวนมาก จึงได้ร่างหลักปฏิบัติของบล็อกเกอร์​ (Blogger’s Code of Conduct) ออกมาให้ใช้โดยสมัครใจ แต่ทำให้เกิดการถกเถียงมากมาย

เรื่องที่ถกเถียงกันนั้น ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ มันมาจากฐานคิดเรื่องสิทธิและเสรีภาพของกฏหมายอเมริกัน ซึ่งโดยทั่วไปนั้น อะไรที่ไม่ได้ห้ามทำได้ทุกอย่าง ส่วนอะไรที่ห้ามทำ ก็จะต้องออกกฏหมายที่ผ่านสภามาห้าม — อันนี้ค่อนข้างอยู่คนละขั้วกับบ้านเรา ซึ่งคล้ายๆ กับว่า อะไรที่ให้ทำจึงจะมีกฏหมายออกมากำกับ และมีหน่วยงานรัฐออกใบอนุญาต หรือเข้ามาจัดการจดทะเบียนอะไรต่อมิอะไรให้ เช่นตั้งโรงงาน ทำธุรกิจ ฯลฯ จนกระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับหลังๆ ถึงได้รองรับสิทธิ เสรีภาพ (และหน้าที่) ของปวงชนชาวไทย และผมหวังว่าคงไม่มีผู้หวังดีมาเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้อีกนะครับ เพราะปวดหัวเวียนเฮดมากพอแล้ว

กลับมาที่หลักปฏิบัติของบล็อกเกอร์ ท่านผู้ใดอยากอ่านภาษาอังกฤษ เชิญที่นี่ครับ ผมเอาร่างแรกมาให้ดู เพราะมีหลักการและเหตุผลเขียนอธิบายไว้ด้วย

และเพื่อประโยชน์ของผู้อ่านอีกจำนวนหนึ่ง ก็จะตีความ+แปลตามสไตล์ของผมข้่างล่างนี้ครับ ถ้าไม่ถูกใจ เชิญอ่านภาษาอังกฤษ หรือแปลเองนะครับ

เรา (We) ชื่นชมบล็อกเพราะว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถแสดงความคิดเห็นอย่างได้อิสระ ตรงไปตรงมา แต่ในความตรงไปตรงมานั้น ก็ไม่จำเป็นต้องละทิ้งความเป็นสุภาพชน ดังนั้นเราจึงขอเสนอหลักปฏิบัติของบล็อกเกอร์ ด้วยหวังว่าจะสร้างสังคมที่สนับสนุนส่งเสริมการแสดงความคิดเห็น (ส่วนตัว) ที่สร้างสรรค์

1. บล็อกเกอร์ทุกคน รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเราเอง และต่อความคิดเห็นที่แสดงไว้ในบันทึก (เนื่องจากมาแสดงไว้ในพื้นที่ที่เรารับผิดชอบ)

เราสร้างสังคมของสุภาพชน และจะทำให้บล็อกของเราเป็นบล็อกของสุภาพชน เราจะไม่เขียนข้อความอันไม่เหมาะสม และเราจะลบความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าว

สำหรับข้อความอันไม่เหมาะสมนั้น ให้นิยามไว้ว่าเป็นข้อความที่กล่าวถึง หรือเชื่อมโยงไปยังข้อความที่:

  • ถูกใช้เพื่อให้เกิดความเสียหาย เหยียดหยาม ทำร้่าย กล่าวร้าย ดูถูก รบกวน รังควาน รบกวนความเป็นส่วนตัว หรือขู่เข็ญผู้อื่น
  • ดูหมิ่นให้เกิดความเกลียดชัง กล่าวเท็จทั้งที่รู้ ยกเหตุผลเพื่อสนับสนุนการสบประมาทผู้อื่น บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับผู้อื่น
  • ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
  • เปิดเผยความลับของผู้อื่น ซึ่งละเมิดต่อพันธะที่จะปกปิดไว้
  • ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น

เราประเมินและพิจารณา “ข้อความอันไม่เหมาะสม” เป็นรายกรณี และนิยามนี้ ก็ไม่จำกัดเพียงรายการข้างบน หากเราลบข้อความหรือการเชื่อมโยงใด เราจะให้เหตุผลไว้ [เราขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ต่างๆ เมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า]

== กล่าวคือเจ้าของบล็อกรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่ปรากฏอยู่ในบล็อกทั้งหมด มีสิทธิที่จะจัดการเกี่ยวกับเนื้อหาทั้งหมด ==

2. เราจะไม่กล่าวอะไรออนไลน์ที่ (สุภาพชนปกติ วิญญูชน) จะไม่กล่าวต่อหน้ากัน

3. เราจะ (พยายาม) ติดต่อโดยช่องทางส่วนตัว ก่อนที่จะต่อความ

เมื่อเราสังเกตพบความขัดแย้ง หรือการบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับผู้อื่นในบล็อกของเรา เราจะให้ความพยายามทุกอย่างเพื่อติดต่อพูดคุยกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง หรือมองหาคนกลาง คนเชื่อม เพื่อแสวงหาความจริง ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนั้น

== ไม่รู้จริง อย่าเม้าธ์ต่อ (อาจเป็นคล้ายกับกรณีของ forward mail) ==

4. เมื่อเราเชื่อว่ามีใครบางคนกำลังโจมตีผู้อื่นโดยไม่ยุติธรรม เราจะจัดการทันที

เมื่อใครก็ตาม เขียนบันทึกหรือให้ความคิดเห็นที่เป็นการก้าวล่วงต่อผู้อื่น เราจะบอกผู้กระทำทันที (โดยช่องทางการติดต่อส่วนตัว) ว่า “ควร” แก้ไขเสีย หากความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าว อาจตีความได้ว่าเป็นการขู่กรรโชก โดยที่ผู้กระทำไม่ยอมถอนและกล่าวขอโทษ เราจะให้ความร่วมมือกับผู้รักษากฎหมายทุกอย่าง เพื่อปกป้องผู้ถูกกระทำ

5. เราไม่รับความคิดเห็นที่ระบุตัวผู้เขียนไม่ได้

ทุกความคิดเห็น จะต้องใช้อีเมลที่มีจริง ทั้งนี้เรายอมให้ใช้นามแฝงแทนชื่อนามสกุลจริงได้

== อันนี้ ตรงกับ พรบ.การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ด้วยครับ ==

6. เราจะไม่สนใจข้อความล่อเป้า

เราจะไม่สนใจข้อความล่อเป้า ข้อความล่อเป้าคือข้อความที่ยั่วยุให้เรา (หรือผู้อ่านคนอื่น) ตอบสนองด้วยอารมณ์ ตราบใดที่ข้อความนั้น ไม่ก้าวล่วงไปถึงการกระทำให้เกิดความดูหมิ่นเกลียดชัง หรือหมิ่นประมาท (หรือการกระทำผิดตามกฏหมาย) เราเชื่อว่าการตอบกลับด้วยอารมณ์เช่นกัน เป็นไปตามภาษิต อย่าปล้ำกับหมู จะเลอะเทอะทั้งคู่ และหมูชอบ การเพิกเฉยต่อข้อความยั่วยุ มักจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้เรื่องสงบไป

ที่ยกกรณีศึกษาเรื่องนี้มา ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกนั่นแหละครับ ผมเขียนบันทึกชุดถอดบทเรียนชุมชนออนไลน์ไว้หลายปีก่อน เป็นเรื่องคล้ายกัน

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่า Tim O’Reilly กับอีกหลายคนที่เห็นด้วย ร่วมกันทำต่อ แต่หลักปฏิบัตินี้ ก็ไม่ได้รับความนิยม

หลักปฏิบัติอันที่สรุปกันออกมา มี 7 ข้อสั้นๆ คือ

  1. เจ้าของบล็อกรับผิดชอบต่อข้อความในบันทึกและความคิดเห็น
  2. กล่าวให้ชัดว่าท่าน “รับ” ความคิดเห็น “ที่ไม่เหมาะสม” ได้แค่ไหน
  3. พิจารณาลบความคิดเห็นที่ไม่แสดงตัวตน (anonymous comments)
  4. เพิกเฉยต่อข้อความยั่วยุ
  5. สืบความจริงด้วยช่องทางส่วนตัว
  6. ถ้าพบเห็นใครที่ประพฤติตัวแย่ ก็บอกเขาตรงๆ
  7. อย่างพูดอะไรที่ท่านจะไม่พูดกับคนอื่นต่อหน้า

[บันทึกนี้ใช้เวลาเขียนอยู่สี่ชั่วโมงครั่ง ทั้งที่แค่แปลข้อมูลที่มีเก็บไว้หมดแล้ว เพราะว่าถูกขัดจังหวะด้วยการเลี้ยงหมา รับโทรศัพท์หลายรอบ และแช็ตจนมือหงิก]

« « Prev : คนนี้ไง ‘จารย์ปู ครูพันธุ์ก๊าก!

Next : ปล่อง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "หลักปฏิบัติของบล็อกเกอร์"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.10916805267334 sec
Sidebar: 0.17412209510803 sec