กามนิต
อ่าน: 4262ผมเชื่อกรรมครับ มีเรื่องสะตอเบอรี่ ที่คนจิตอ่อน ติดดี หลงเชื่อไปโดยไม่ตรวจสอบ ไม่รู้จักฉุกคิด; ก็มาสงสัยว่าคนที่น่าจะดี กลายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ผมมาปลงใจที่ “อัตตา” ทำให้เพี้ยนไป…
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ มักจะแปลกันว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่แปลได้ว่า อัตตาเป็นที่พึ่งแห่งอัตตา เช่นกัน ทางจิตวิทยาว่าอัตตา(ego)พยายามปกป้องอัตตา พยายามสร้างคุณค่าสนองอัตตา แม้จะไม่จริงก็พยายามจะบอกตัวเองว่าจริง(จนเชื่อเองแฮะ) ซึ่งถ้าไม่เคลมก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่พอเคลมแล้วไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็เป็นเรื่องซิครับ… ได้พยายามให้สติหลายครั้งแล้ว กด Like กันเต็มไปหมด แต่ก็ยังทำเหมือนเดิม… คงต้องวางอุเบกขาแล้วปล่อยไป… อุเบกขาไม่ใช่แอ๊บไร้เดียงสา อุเบกขานั้นรู้ผิดรู้ถูก แต่ไม่ยุ่งเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์ เช่นเรื่องอัตตาปลอมๆ… กรุณาอย่าถามว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร เพราะเรื่องมันยาว ดราม่าไม่มีแบบตอนเดียวจบหรอกครับ ลากกันได้ทีละครึ่งค่อนปี…
กลับมาเรื่องกามนิต ซึ่งเป็นนิยายอิงพุทธศาสนา ข้อมูลจากวิกิพีเดียบอกว่า เรื่องเดิมชื่อ Der Pilger Kamanita แต่งโดยนักเขียนชาวเดนมาร์ก ในปี 2449 ผู้ซึ่ง 11 ปีให้หลัง ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม หนังสือกามนิตได้รับการยกย่องให้เป็นหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน ฉบับภาษาไทยแปลโดย เสฐียรโกเศศ–นาคะประทีป ในปีพ.ศ. 2473 มีรูปประกอบโดยอาจารย์ช่วง มูลพินิจ โดยแปลจากฉบับภาษาอังกฤษ (The Pilgrim Kamanita) ซึ่งแปลมาจากต้นฉบับภาษาเยอรมัน (Der Pilger Kamanita) อีกทอดหนึ่ง
ประเด็นหลักแบบสั้นมีอยู่ว่า ในช่วงปลายพุทธกาล กามนิตมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ระหว่างที่เดินทางไปนั้น ก็ได้ขอพักที่บ้านช่างปั้นหม้อ และได้พบภิกษุชรารูปหนึ่ง ได้สนทนากันค่อนคืน อนิจจากามนิตหนุ่ม ไม่เก็ตเลย คิดแต่จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งตนก็ไม่รู้จักแต่เชื่อว่าจะทำให้ตนพ้นทุกข์ได้ แม้ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์อยู่ดึกดื่นค่อนคืน กลับไม่ได้อะไรไปเลย [อ่านตอนนี้]
- อ่านกามนิตทั้งหมด (สมาคมคนน่ารัก)
- อ่าน Der Pilger Kamanita by Karl Adolph Gjellerup ภาษาเยอรมัน (Project Gutenberg)
สำนวนแปลไทยชั้นบรมครูครับ น่าอ่านจริงๆ ส่วนอ่านแล้วจะยังเป็นคนหลงทางเหมือนกามนิตหรือไม่ ก็แล้วแต่ครับ ฮี่ฮี่ฮี่
« « Prev : คน(ที่)มักพูดเท็จ ไม่พึงทำบาป ย่อมไม่มี
3 ความคิดเห็น
สมัยผมบวช เดินธุดงค์ไป ตัดผ่านป่ามาสู่ที่ราบ ก็ยามผีตากผ้าอ้อมพอดี ท้องฟ้าเหลืองแดง มีท้องนาสีทองคั่นอยู่ด้านหน้า ลิบๆไกลตาออกไปคือหมู่บ้านผู้คน
ยามนั้นผมนึกถึงพระพุทธเจ้า ที่เสด้จดำเนินมา เย็นย่ำก่อนค่ำ ก็เห็นภาพดังที่ผมเห็น ..คืนนั้นทรงประทับที่บ้านช่างปั้นหม้อ บ้านที่กามนิตเข้ามาหา และถามปัญหามากหลาย สุดท้ายถูกวัวขวิดตาย
ส่วนผม คืนนั้น กามนิตไม่ได้มาหา มี่แต่วิญญาณผีโจรร้ายมาหา ..ดังที่ได้เล่าให้ฟังไว้แล้ว ..แต่ลบทิ้งไปแล้ว
จำไม่ได้แน่ครับ แต่ป่าที่ตัดผ่านมานั้นคือ ป่าทับลาน หมู่บ้านนั้น น่าคือ บ้านซับเต่า อ. ครบุรี
ไม่รู้เป็นไร พอเห็นท้องนารวงทองเดือนธันวาเย็นนั้นที่มีฟ้าแสนสวยเป็นฉากหลัง ผมนึกถึงพพจ. และ บ้านช่างปั้นหม้อขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และยังจำได้ติดตาจนวันนี้ แม้ว่าผมจะลืมเรื่องอะไรไปได้เสียหมดในวันนี้ (แสดงว่า จิตมนุษย์มันเลือกจำในสิ่งที่มันอยากจำ)