ถ้าจะมีอนาคต ต้องผ่านปัจจุบันให้ได้ก่อน

โดย Logos เมื่อ 8 January 2011 เวลา 0:03 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3946

ในทางพระ บอกให้อยู่กับปัจจุบัน แต่ชาวโลกมักจะยกเหตุผลต่างๆ มากมายมาอ้างเสมอ “ทำไม่ได้หรอก… ถ้าไม่มีอนาคตแล้วฉันจะอยู่อย่างไร… อนาคตทำให้ฉันมีความหวัง…”

ใครจะคิดอะไร จะไปบังคับได้อย่างไรล่ะครับ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว! บันทึกนี้เพียงแต่อยากตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องการมุ่งสู่อุดมคติของแต่ละคน

อุดมคติคือจินตภาพของความสมบูรณ์แบบ คนเรามีอุดมคติเพราะชีวิตเราไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราดันอยากจะสมบูรณ์แบบ อยากอยู่ในความสมบูรณ์แบบ… อยู่ในวิมาน… อยู่ในความบรมสุข… หลงอยู่กับความ(อยากจะเป็น)สุขอย่างสมบูรณ์แบบ

แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นนั้น ตัวเราเองก็ทำไม่ได้ (ถ้าทำได้ก็สมบูรณ์แบบไปแล้ว) — เวลาคนอื่นทำให้แล้วไม่ถูกใจ ไม่พอใจ แต่กลับไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไร

จะไปหวังอนาคตที่ดีได้อย่างไรล่ะครับ ในเมื่อวันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเพื่ออนาคตที่ดีเลย บางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรดี เรื่อยเจื้อยไปตามกระแส

วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2554 วันเด็กไม่ใช่วันเที่ยว ไม่ใช่วันที่เด็กจะทำอะไรก็ได้ เด็กๆ สำคัญทุกวันนะครับ ทุกวันจึงเป็นวันเด็กโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

เด็กเป็นอนาคตของชาติ แล้ววันนี้ชาติเราเป็นอย่างไร??

ผู้ใหญ่ในวันนี้ เคยเป็นเด็กมาก่อนทั้งนั้น เคยใสซื่อบริสุทธิ์มาก่อน เคยรู้สึกถึงความกระจ้อยร่อยดูแลตนเองไม่ได้ แต่พอโตขึ้นกลับกลายเป็น… ทำครอบครัวเป็นอย่างนี้ ทำสังคมให้เป็นอย่างนี้ ทำประเทศชาติซะจนเป็นอย่างนี้

ผมเชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็ก ต่างก็รู้อยู่ว่าอะไรดีหรือไม่ดี แต่ว่ามีความกล้าที่จะทำดีและมีความละอายที่จะทำไม่ดีไม่เท่ากัน บางคนปากกล้าขาสั่น เลยไม่ทำอะไร บางคนพูดจนเรารู้สึกว่าเขา “มีเหตุผล” ทำให้เราลืมไปว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

ทั้งความกล้าและความละอาย ถ้าเป็นของจริง ไม่ต้องมีคนอื่นมารับรู้เลยนะครับ กล้าทำดีแม้ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครชื่นชม ละอายที่จะทำเลแม้ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครก่นด่า

อย่างไรก็ตาม บล็อกผมเด็กไม่อ่าน ผู้ใหญ่ก็ไม่อ่าน ส่วนคนฉาบฉวยจะอ่านหรือไม่อ่านก็เหมือนกันคือไม่ได้อะไรไปอยู่ดี งั้นเอาคลิปนี้ฝากที่เหลืออยู่ซึ่งหลงเข้ามาก็แล้วกันครับ

[สุนทรพจน์วันจบการศึกษา]

« « Prev : รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์กับการจัดการภัยพิบัติ

Next : บ่ายหนึ่งกับ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 January 2011 เวลา 2:09

    อ่านเริ่มต้นก็นึกถึงสำนวนว่า “เด็กอยู่กับปัจจุบัน หนุ่มสาวอยู่กับอนาคต แก่แล้วอยู่กับอดีต” จากสำนวนนี้ เค้าก็ให้พิจารณาคนทั่วไป โดยสังเกตการสนทนา เพราะคำพูดออกมาจากความคิด (แต่เราสังเกตความคิดโดยตรงไม่ได้ นั่นคือ ใครพูดแต่เรื่องปัจจุบันแสดงว่ายังเป็นเด็ก ใครเล็งถึงแต่อนาคตแสดงว่ายังเป็นหนุ่มสาวอยู่ (คือยังไม่แก่) ส่วนใครมักจะอ้างเล่าแต่เรื่องที่ผ่านมาแล้วแสดงว่าแก่แล้ว…

    ย่อหน้าสุดท้าย เด็กไม่อ่าน ผู้ใหญ่ก็ไม่อ่าน (ส่วนคนฉาบฉวยน่าจะไม่อ่านแน่นอน) จึงสงสัยว่าหนุ่มสาวหรือผู้สูงวัยเท่านั้น ที่อ่านบล็อกนี้ (………)

    เจริญพร

  • #2 monlada ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 January 2011 เวลา 2:48

    เพราะเด็กส่วนใหญ่ถูกถามและปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กรึเปล่าคะ

    “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร”
    แล้วคำตอบของเด็กบางคนก็ทำเอาผู้ใหญ่อย่างเราอึ้ง
    อยากเป็นดารา แต่งตัวสวยๆ รวยด้วย หนังสือก็ไม่ต้องเรียน
    กลายเป็นค่านิยมการเอาง่ายเข้าว่า นิยมการยกย่อง ตีค่าคนด้วยเงินหรือตำแหน่งทางสังคม
    พ่อแม่ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย
    เลยไม่ค่อยแปลกใจ ว่าทำไมชาติเราถึงได้เป็นแบบทุกวันนี้ค่ะ
  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 January 2011 เวลา 6:02

    วันเด็ก ชวนเด็กปลูกผักแบบครูอึ่ง
    ไม่มีแสงสี ไม่มีขนมเลี้ยง
    มีแต่บะก้วยเตดสุก
    วันเด็กผู้ใหญ่ก็ว่ากันไป
    ตอนนี้เด็กไปทาง ผู้ใหญ่ไปทาง
    ทางสุดสายป่านอยู่ตรงไหนก็บ่ฮู้ ดำน้ำกันไป


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.58480596542358 sec
Sidebar: 0.82442712783813 sec