ลดความเสี่ยงจากดินถล่ม?! ตอนต่อมา
ต่อจากนี้ไป เราจะได้ยินคำเตือนเรื่องดินถล่ม ทุกครั้งที่คาดว่าจะมีฝนตกหนัก แล้วในที่สุดก็จะรู้สึกเฉยๆ ไปในที่สุด… ความรู้สึกแบบนี้อันตรายครับ ถึงเตือนแล้วไม่เกิด หรือว่าเตือนแล้วไม่มีทางออกให้ก็ตาม
บ้านเรือนที่ตั้งอยู่เชิงเขามีความเสี่ยงต่อดินถล่มเสมอ ไม่ว่าฝนจะตกหนักหรือไม่ และไม่ว่าจะมีใครเตือนภัยหรือไม่
FEMA อธิบายไว้ว่า
A landslide is defined as “the movement of a mass of rock, debris, or earth down a slope”. (Cruden, 1991). Landslides are a type of “mass wasting” which denotes any down slope movement of soil and rock under the direct influence of gravity. The term “landslide” encompasses events such as rock falls, topples, slides, spreads, and flows, such as debris flows commonly referred to as mudflows or mudslides (Varnes, 1996). Landslides can be initiated by rainfall, earthquakes, volcanic activity, changes in groundwater, disturbance and change of a slope by man-made construction activities, or any combination of these factors. Landslides can also occur underwater, causing tsunami waves and damage to coastal areas. These landslides are called submarine landslides.
Failure of a slope occurs when the force that is pulling the slope downward (gravity) exceeds the strength of the earth materials that compose the slope. They can move slowly, (millimeters per year) or can move quickly and disastrously, as is the case with debris-flows. Debris-flows can travel down a hillside of speeds up to 200 miles per hour (more commonly, 30 - 50 miles per hour), depending on the slope angle, water content, and type of earth and debris in the flow. These flows are initiated by heavy, usually sustained, periods of rainfall, but sometimes can happen as a result of short bursts of concentrated rainfall in susceptible areas. Burned areas charred by wildfires are particularly susceptible to debris flows, given certain soil characteristics and slope conditions.
ในกรณีของเมืองไทยซึ่งอยู่ในเขตมรสุม อาจมีปริมาณน้ำฝนสูงเกิดขึ้นในขณะใดขณะหนึ่งได้ ซึ่งจะทำให้ผิวดินอิ่มน้ำ ลดความแข็งแรงของเนื้อของภูเขาลง ทำให้เกิดดินถล่มตามมา
จากหนังสือ Rock slope engineering: civil and mining โดย Duncan C. Wyllie, Christopher W. Mah หน้า 109
By far the most important effect of ground water in a rock mass is the reduction in stability resulting from water pressures within the discontinuities.
เวลาขับรถผ่านหน้าผาที่มีหินถล่มบ่อย อาจจะเห็นความพยายามที่จะสร้างกำแพงคอนกรีตพยุงเอาไว้ แต่กำแพงคอนกรีตเหล่านี้ กลับไม่ใช่กำแพงทึบเหมือนกำแพงบ้าน หากแต่มีรู บางทีมีท่อโผล่ออกมาด้วย (เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้ท่อโผล่ แต่ใส่ท่อเข้าไปได้แค่นั้นเอง) ทั้งนี้เพื่อถ่ายน้ำจากดิน/หิน ออกมาทิ้งข้างนอก ลดความดันของน้ำใต้ดิน อันจะลดความเสี่ยงของดินถล่มได้
ทีนี้ในส่วนของชาวบ้าน ซึ่งไม่มีทั้งเงิน และไม่มีความรู้ แต่มีบ้านตั้งขวางแนวดินถล่มอยู่ มีทั้งครอบครัวนอนอยู่ตรงนั้น จะทำอะไรได้บ้าง — นอกจากสวดอ้อนวอนแล้ว มีบ้างเหมือนกันครับ
ภูเขาเป็นพื้นที่รับน้ำฝนขนาดใหญ่ เมื่อฝนตกลงบนภูเขา ภูเขาดูดซึมไว้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็ค่อยๆ ไหลลงตามไหล่เขาเป็นน้ำหลาก ส่วนที่ภูเขาดูดซึมไว้ กลายเป็นน้ำใต้ดินซึ่งจะไปลดความแข็งแรงของภูเขา ส่วนที่เป็นน้ำหลากลงมาจากยอด กลับถูกดูดซึมโดยไหล่เขาชั้นล่างๆ ลงมา พอดูดซึมปุ๊บ ความแข็งแรงก็ลดลงเนื่องจากความดันน้ำใต้ดินเพิ่มขึ้น
ดังนั้นถ้าจะลดความเสี่ยงดินถล่มจากแรงดันน้ำใต้ดินในภูเขา ก็ต้องรีบนำน้ำฝนออกจากภูเขา โดยการทำทางด่วนของน้ำไว้รอบเขา ที่จริงเขียนไว้แล้วใน [ลดความเสี่ยงจากดินถล่ม?!] ซึ่งน่าจะลองไปอ่านดูก่อนนะครับ
ถ้ารู้ว่าภูเขานั้นมีชั้นของดิน ก็ขุดลงไปถึงระดับชั้นแล้วทำท่อระบายน้ำให้
น้ำไหลมาเจอกรวด น้ำจะไหลไปตามกรวดได้ดีกว่าจะไหลแทรกดินไป จึงเหมือนเป็นการผันน้ำออกไปตามท่อ แทนที่จะปล่อยไว้ตามเดิม ปลายท่อก็ให้ลดระดับลงต่ำไปเรื่อยๆ นำน้าไปทิ้งอีกด้านหนึ่งของภูเขาที่ไม่มีบ้านเรือนชาวบ้านอยู่
ทีนี้น้ำที่หลากไปตามไหล่เขา ไหลไปเรื่อยๆ ก็จะซึมลงไปในเขา กลายเป็นน้ำใต้ดินเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องจัดการน้ำที่ไหลไปบนผิวดินบนภูเขาด้วยครับ ใช้หลักการเดียวกัน คือขุคคูไม่กว้าง+ไม่ลึก (ไม่เกินคืบxคืบ) ดักน้ำที่หลากลงมาตามไหล่เขาเอาไว้ เช่นเดียวกับกรณีข้างบน คูนี้เอาหินกรวดใส่ไว้ ให้น้ำไหลไปข้างๆ ได้ แต่ตัวหินกรวดรับดินหรือเศษใบไม้ที่อาจไหลมากลบคู เอาน้ำไปทิ้งที่ด้านอื่นของภูเขาที่ไม่มีบ้านเรือไร่นาของชาวบ้าน หรือเอาไปรวมกันในบ่อน้ำของหมู่บ้านเลยก็ได้ครับ กลายเป็นใช้ภูเขาทั้งลูกเป็นพื้นที่รับน้ำ เอาน้ำไปเก็บไว้ใช้ในภายหลัง
ทางขวาเป็นรูประบบระบายน้ำที่ Machu Picchu ชาวเผ่าอินคา ค.ศ.1450-1540
ขั้นบันไดนี้ ใช้เพาะปลูกด้วย เนื่องจากเมืองอยู่บนภูเขาสูงไม่มีที่ราบสำหรับเพาะปลูก
Next : เลิกประชุมกันอย่างสงบเสงี่ยม? » »
4 ความคิดเห็น
มนุษย์เราเกิดมาเพื่อทำให้โลกนี้กลมขึ้น ในขณะเดียวกันกฏต่างๆ บนโลกนี้ก็จะพยายามทำให้โลกกลมขึ้นเช่นกัน
ก็ถูกล่ะนะว่าเรามักเอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่เสี่ยงภัยต่างๆ จึงต้องเจอภัยเหล่านี้ซ้ำซาก คนที่เจอน้ำท่วมก็ท่วมอยู่นั่นแหละซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะพื้นที่นั้นมีความเสี่ยง
แต่บางทีคนเราก็ไม่มีทางเลือกมากนัก บางทีตัดสินใจผิด บางทีเป็นไปโดยความไม่รู้แล้วถอนตัวลำบาก บางทีละทิ้งภูมิปัญญาซึ่งบรรพบุรุษสั่งสมกันมายาวนาน บางทีก็เรียนรู้ไม่เป็น ฯลฯ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล(หรือข้อแก้ตัว)อะไร คนเราไม่เก่งพอจะฝืนธรรมชาติ แต่ว่าเห็นคนเดือดร้อนแล้ว เพิกเฉยลำบากครับ ถ้ามีทางออกใด ก็ลองเสนอให้พิจารณา ไม่เชื่อ ไม่ทำ ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ เรื่องอย่างนี้ ต้องพิจารณาเอาเอง
ครับ เรื่องของการช่วยเหลือนั้นต้องทำอยู่แล้วครับ ส่วนแบบไหนจะดีมากน้อยแค่ไหนก็คงต้องศึกษากันต่อไปครับ
[...] กระบวนการเลียนแบบธรรมชาตินี้ เคยเสนอไว้แล้วหลายครั้งครับ [ฤๅจะถึงคราวกุลาร้องไห้ (2)] [ลดความเสี่ยงจากดินถล่ม?!] [ลดความเสี่ยงจากดินถล่ม?! ตอนต่อมา] [...]