เมืองไทยเรานี้ ทำดีย๊ากยาก
อ่าน: 5075ในขณะที่บ้านเมืองโหยหาคุณความดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีความไม่ไว้วางใจกันอยู่มาก ไม่เชื่อว่าผู้อื่นก็ทำความดีได้เหมือนกัน ใช่ว่าตัวเองจะทำเป็นคนเดียวซะเมื่อไหร่
ในสถานการณ์ที่มีความไม่ไว้วางใจกัน แล้วตัวเองรวบความดีมาทำเสียเองคนเดียว ใครทำอะไรก็บ่นว่า ติติงไปหมดทุกอย่าง การทำแบบนี้นอกจากตัวเองจะทำไม่ไหวแล้ว ยังไม่สร้างกำลังใจให้คนที่พยายามจะทำดีอีกด้วย ในที่สุดก็กลายเป็นสังคมธุระไม่ใช่ ต่างคนต่างอยู่ พอมีเรื่องของส่วนรวม ก็โบ้ยไปให้ใครก็ไม่รู้ หาเหตุผลต่างๆนานาที่จะไม่ทำ (เพราะทำไม่ไหว ทำไม่เป็น ฯลฯ)
ฟังดูเป็นเหมือนการบ่น แต่ไม่ได้บ่นหรอกครับ ในนี้มีคำถาม ว่า “การทำดี” คืออะไร ใครได้ประโยชน์ ถูกใจใคร ทำเพื่ออะไร — ถ้าเรื่องนี้ไม่ชัด ก็ยากจะตัดสินได้ว่า “ดี” อะไร “ดี” อย่างไร แล้วก็ไปจบที่การชี้นิ้วเหมือนเดิม
« « Prev : คำนวณปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่เก็บได้บนหลังคา
Next : เมืองไทยที่ไม่มีไฟฟ้า » »
4 ความคิดเห็น
เห็นนิ้วแล้วนึกขำ เพราะหลวงพี่รูปหนึ่ง (พวกเณรเรียก ตาหลวง) ชอบชี้สั่งโน้นสั่งนี้ เวลาทำอะไรอยู่ พอท่านเดินมา เณรเห็นก็จะบอกว่า “นิ้ววิเศษมาแล้ว…” แต่ท่านก็เป็นที่รักของบรรดาสามเณรพอสมควร…
อาจารย์ท่านหนึ่งเคยเล่นสำนวนว่า “ไม่รู้ ไม่ชี้” ก็ดีไปอย่างหนึ่ง เบื่อแต่พวก “ไม่รู้ แต่ชี้” ... ซึ่งสังคมไทยก็มีพวกหลังนี้เยอะเหมือนกัน
อนึ่ง ดี คือ อะไร ? เป็นแขนงหนึ่งที่ศึกษาอยู่ในจริยศาสตร์ เรียกว่า อภิจริยศาสตร์ (http://en.wikipedia.org/wiki/Meta-ethics) เคยเขียนเล่าไว้ ๔-๕ ตอน (ที่นี้ http://gotoknow.org/blog/bmchaiwut/175075) แต่ยังเขียนไม่จบ ทิ้งไว้ปีกว่าแล้ว…
เจริญพร
เรื่องการชี้นั้น ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่เริ่มต้นจากความปรารถนาดีครับ เพียงแต่บางทีอาจไม่จบด้วยดี ทำให้โกรธเคืองกันไป เช่นกรณีความเสื่อมของร่างกายพ่อแม่ ซึ่งผมอ้างหลายบันทึกจากสิงคาลกสูตรด้วยนะครับ แต่การชี้ที่ประสงค์ร้ายนั้น เป็นไปเพื่อปกป้องตัวเอง ให้คนอื่นไปรับเคราะห์แทนซึ่งจะเป็นกรรมติดตัวคนชี้ไป
การชี้ที่ไม่รู้ ปัญหาอยู่ที่ไม่รู้ (ซึ่งก็ต้องนิยามก่อนว่า “รู้” คืออะไร) อาจเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้+เสนอความเห็นถึงความเป็นไปได้ทางหนึ่ง หรือเป็นความหลงก็ได้ครับ
เมื่อมีผู้ชี้มา เป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้รับคำชี้แนะจะต้องพิจารณา เพราะว่าการชี้ที่ไม่รู้+ไม่ได้ประสงค์ดีนั้นเป็นอันตรายต่อตัวผู้ปฏิบัติเอง ผมจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนกับการชี้สั่ง ในชีวิตที่ผ่านมา เนื่องจากหน้าที่การงาน+ความเชื่อใจที่ได้รับ เวลาผมพูดอะไร คนก็มักจะถือเป็นจริงจังเหมือนเป็นคำสั่ง จนต้องบอกกันไปทั่วในบริษัท ว่าถ้าใครนำชื่อผมไปอ้าง ขอให้ไม่เชื่อไว้ก่อน ถ้าเป็นคำสั่งของผมจริงๆ จะติดต่อโดยตรงหรือออกเป็นลายลักษณ์อักษร
รู้แล้วชี้ — ดีที่สุด
รู้แล้วไม่ชี้ — เพิกเฉย ละเลย อาจเกิดความเสียหาย
ไม่รู้แล้วชี้ — แย่
ไม่รู้ไม่ชี้ — อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าไม่รู้อะไร
ทำดีไม่ยากหรอกครับ แค่คิดว่าอะไรดีก็ทำไป
ที่ยากคือทำแล้วอยากให้คนอื่นเห็นว่าดี……อันนี้คงยากจริงๆแหละครับ อิอิ
แต่มีงานบางเรื่องที่ซับซ้อนเกินว่าคนคนเดียวจะทำได้ ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของคนเป็นจำนวนมาก เช่นการบริหารราชการ การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปสื่อ ฯลฯ