ข้างบ้าน
อ่าน: 3342วันนี้กล้องวิดีโอกันน้ำที่ซื้อเอาไว้มาส่งแล้ว กล้องนี้ผมซื้อตามคุณพิภพ @Panitchpakdi ณ. ตะกั่วป่า นักสร้างสารคดีมืออาชีพ — ไม่ได้ขอคำแนะนำจากคุณพิภพหรอกครับ เห็นภาพที่แกถ่ายลองกล้องแล้วก็ซื้อเลย เป็นเครื่องมือที่ไม่ยุ่งยากสำหรับการเรียนรู้ และการแบ่งปันประสบการณ์
หลังจากชาร์ตไฟ ก็เลยเอาไปถ่ายเล่น ขี่จักรยานออกไปนอกบ้าน พอลูกน้องเห็น ก็กรูกันเข้ามา จะมาขอขนมกิน ผมลองอะไรเล่นหลายอย่าง
คลิปแรกนี้ ลอง re-time ให้ภาพช้าลง 5 เท่า (ค่อนข้าง aggressive) เห็น vector estimation error ระหว่าง tweening คือมีภาพในบริเวณที่อยู่ไกล้เคียงกับส่วนที่เคลื่อนไหว ผิดเพียนไปบ้าง ในคลิปแรก มีหมา 9 ตัว โสรยา (ยาย) ลูกโสรยา 2 ตัว (แม่กับลุง) และหลานโสรยา 6 ตัว ทั้งหมดไม่ได้สนใจกล้องหรือจักรยานหรอกครับ เขามาขอขนมเพราะใกล้เวลาอาหารแล้ว
ในคลิป ยังมองเห็นป่าหญ้าที่ผมถางเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว ช่วงนี้ฝนตกหนักน้ำท่วม เอกมหาชัยเคยปลูกไว้แถวนี้หลายต้น ก็จมน้ำตายหมด มีไผ่กิมซุ่งซึ่งปลูกหลังสวนป่าสักปีหรือปีครึ่ง เป็นรุ่นเดียวกับที่ให้ออตไปปลูกที่นาเพราะไปซื้อกิ่งพันธุ์มาปลูกพร้อมกัน กอไผ่ของผมแตกหน่อมานานแล้ว แต่โดนคนงานก่อสร้างขโมยไปเป็นประจำ จนในที่สุดต้องเขียนป้ายไว้ว่า ถ้าจะเอาไปกินก็ไม่ว่าอะไร แต่ควรจะมาขอก่อน ไม่ใช่มาแอบขุดไปเฉยๆ
ที่แปลงที่ปลูกไผ่ไว้นี้ เจ้าของไม่โผล่มาเลยสัก 20 ปีแล้ว ถ้าจะครอบครองปรปักษ์ก็คงทำได้ แต่ที่ผมถางป่าหญ้าออกไปนั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะยึดครอง ป่าที่รกก็เป็นอันตรายต่อบ้านผมและบ้านน้องซึ่งอยู่ติดกัน (คน งู หนู) แล้วผมอยากได้ที่เอาไว้ทดลองปลูกต้นไม้ หรือทำอะไรบ้าๆ บอๆ หลายปีก่อนน้องชายปลูกต้นไม้ไว้ต้นหนึ่ง เอาไว้บังแดดที่ห้องทำงานของเขา จนต้นไม้โตแตกกิ่งก้านสาขา และกิ่งใหญ่หักไปด้วยแรงพายุครั้งหนึ่งแล้ว เจ้าของที่ก็ยังไม่เคยโผล่มาดูที่ของตัวเอง
คลิปที่สอง ลองใหม่ ลดความเร็วลงเหลือ 50% (แทนที่จะเป็น 20% เหมือนคลิปแรก) คุณภาพก็ดีขึ้นจริง คลิปนี้อธิบายสวนของผมซึ่งเป็นที่รกร้างข้างบ้าน รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมเนื้อที่สัก 80-100 ตารางวา มีกำแพงอยู่สองด้าน ที่เห็นอยู่ด้านไกลเป็นกำแพงบ้านน้องสาวผม ส่วนทางขวาเป็นกำแพงบ้านผม ซึ่งอยู่กับพ่อแม่ผม และครอบครัวน้องชาย กับเด็กช่วยงานในบ้าน และหมา มีเนื้อที่ใช้สอย (พื้นที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุก่อสร้างแต่ไม่ใช่ถนน) ประมาณ 700 ตารางเมตร
ถ้าพื้นที่สวนแทนด้วยหมายเลขบน keypad (ส่วนของกลุ่มตัวเลขบนคีย์บอร์ด) โดยที่ 123 อยู่ด้านล่างใกล้กล้อง และ 789 อยู่ด้านบนไกลจากกล้อง คลิปเริ่มถ่ายจากจุดที่ 3 ซึ่งมีต้นมะรุมที่ป้าจุ๋มให้มานานแล้ว ปลูกลงดินไปสองต้น ต้นหนึ่งโตงอกงามดีสูงประมาณสองเท่าของตัวผม อีกต้นหนึ่งนึกว่าไม่รอด มันก็กลับรอดแต่ว่าโตช้าหน่อย ส่วนต้นที่สามลงกระถางไว้ในบ้าน โตช้าเหมือนกันซึ่งดีแล้ว เก็บง่ายๆ บริเวณที่ 3 มีกอตะไคร้ซึ่งผมเคยตัดไปโดยความไม่รู้ (นึกว่าเป็นหญ้า จนมันหอมผิดปกติจึงหยุด) มีพริก มีกะเพรา มีกล้วยเล็บมือนางซึ่งไปซื้อกับ อ.แฮนดี้และครูบา ก่อนที่อาจารย์จะย้ายลงไปไชยา และมีจอมปลวกด้วย
ในบริเวณที่ 6 มีต้นไม้ใหญ่ที่น้องชายปลูกเอาไว้บังแดด แล้วหน้าต้นไม้ใหญ่ ก็มีต้นโนราที่ได้มาจาก อ.อภิชาติ (ฤๅษีอ้น) ณ.ลำปรายมาศ ป้าจุ๋มได้มาสองกิ่ง ผมเห็นเข้าก็อยากได้บ้าง ซึ่งได้มาสองกิ่งเหมือนกัน กิ่งหนึ่งปลูกนอกบ้านตรงบริเวณ 6 นั่นแหละ (นึกว่าไม่รอด แต่ก็รอด) อีกกิ่งหนึ่งเอาลงกระถางไว้ในบ้าน ดอกโนราหอมมาก ออกดอกหน้าหนาว ทั้งสองต้นยังไม่ออกดอกเสียที
บริเวณ 5 กลางสวน เป็นที่ต่ำ ที่นี้ เขาถมไว้แล้ว แต่คงไม่ได้บดอัด จึงมีการทรุดตัว กลายเป็นที่ต่ำ ต่ำกว่าที่แปลงรอบๆ รวมทั้งต่ำกว่าป่าหญ้าทางซ้ายซึ่งยังไม่ได้ถางด้วยนิดหน่อย น้ำฝนก็ไหลมารวมกันตรงกลาง น้ำไม่ซึมลงไปใต้ดินคงเพราะระดับน้ำใต้ดินสูง ที่ตรงนี้อยู่ห่างแม่น้ำเจ้าพระยากิโลกว่าๆ แต่อยู่ห่างทะเลสาบที่มีน้ำไม่ต่ำกว่าสองล้านลูกบาศก์เมตร อยู่เป็นระยะไม่ถึง 100 เมตร — ผมก็ขุดดินตั้งใจจะทำบ่อน้ำ แต่ดันไม่มีบุ้งกี๋สำหรับขนดิน มันก็เลยเป็นรูอยู่ตรงกลางที่
บริเวณ 4 และ 7 เคยปลูกต้นเอกมหาชัยเอาไว้ แต่พอฝนลงหนัก รากก็เน่าหมด เพราะน้ำท่วมสวนนานมาก… นี่ถ้าขนดินที่ขุดบ่อมาถมบริเวณ 4 และ 7 ให้สูงขึ้นมาได้ ก็จะมีที่ปลูกต้นไม้มากขึ้น (ซื้อบุ้งกี๋พลาสติกมาแล้ว ราคา 30 บาท แต่ตอนนี้น้ำยังท่วมอยู่ เก็บเอาไว้ก่อน)
บริเวณ 1 ปลูกกิ่งไผ่กิมซุ่งไว้ 1 กิ่ง มันเติบโตแตกกอ ที่จริงควรจะโตกว่านี้เยอะครับ แต่ผมไม่ตัดแต่งอะไรเลย ปล่อยให้ใบเป็นพุ่มหนาและหนัก ลำไม้ไผ่ก็โค้งงอ ไม่ใหญ่นัก เรื่องนี้เคยเขียนบอกไว้ในบันทึกเก่าว่าเจตนาให้เป็นอย่างนั้น คือว่าผมไม่คิดจะอยู่ในเมืองนานนัก การย้ายถิ่นฐานเป็นเรื่องใหญ่ มีพ่อแม่ซึ่งแก่แล้ว ไม่ควรเอาท่านไปลำบาก ที่ทางก็ควรเตรียมโดยปลูกต้นไม้รอไว้ก่อน ทีนี้ในขณะที่ยังทิ้งบ้านนี้ไปไม่ได้ ก็จะไม่มีเวลาคอยตัดแต่ง จึงต้องปล่อยให้ต้นไม้โตตามธรรมชาติ
ส ว น ร ก อ ย่ า ง นี้ ยั ง มี ห น้ า ม า อ ว ด อี ก
บทเรียนสำคัญสำหรับสวนนี้ก็คือ แม้เห็นว่าพื้นดินมันเรียบๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเหมาะกับทุกอย่าง จะสร้างบ้าน หรือทำอะไร ไม่ใช่แค่เห็นที่สวยก็พอแล้ว แต่จะต้องรู้จักพื้นที่นั้นจริงๆ
« « Prev : พระราชดำรัส วันเฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
Next : กู้วิกฤตแม่น้ำเจ้าพระยา » »
5 ความคิดเห็น
ปลูกต้นไม้ดีอย่างนี้เอง
ได้สัมผัสธรรมชาติผ่านความรู็สึกดี ๆ
มีความสุข ความยินดี ความรื่นรมย์ และ อิอิ
ไผ่ผมมีปัญหาอย่างเดียวกัน แต่คนขโมยหน่อไม้ คือ คนสวนที่จ้างมาทำงานวันละ 300 บาท (ช่วยกระจายรายได้) ในขณะที่ ค่าแรงขั้นต่ำรอบด้านคือ 160 บาท
นี่คือคุณภาพคนไทยบ้านนอกโดยทั่วไป …แล้วมาเรียกร้องปชต. จะให้ชาติพัฒนา?? แต่ลับหลังรับเงิน 2000 บาทเพื่อไปชุมนุม…ผมสัมภาษณ์มาแล้ว ยืนยันข้อมูล
พูดถึงกล้อง ผมผลาญเงินมามาก มาพบสุดท้ายคือ กล้อง semi compact แบบที่เรียกกันว่า range finder รุ่น G11 (เดี่ยวนี้ออกรุ่นใหม่ G12 แล้ว)
หลงโง่แบก SLR ที่เทอะทะ และ ดูถูก range finder มานาน แต่ในยุคดิจิตอลนี้ ต้องยกให้หมอนี่จริงๆ โดยเฉพาะการถ่าย macro ที่ไม่ตกพกเลนส์ เปลี่ยนเลนส์ให้ยุ่งยาก ไม่มีใครเกินเขาจริงๆ
สมดังคำสอนง่ายๆที่ว่า ให้เดินสายกลาง อิอิ
ลืมบอกยี่ห้อกล้องไปครับ คือ “ตำราศักดิ์สิทธิ์”
#2 เรื่อง “การมาชุมนุมโดยบริสุทธิ์ใจ” นั้น จากข้อมูลของสมาชิกลานทั้งที่เขียนเอาไว้ในบันทึกและได้คุย ก็ตรงกันหมดนะครับ ว่ามีเงินและบัตรประชาชนมาเกี่ยวข้องด้วยในหลายพื้นที่และหลายราคา
#3-#4 กล้อง (ยี่ห้อ “วัวกิน”) ที่ผมซื้อนี้ มันถ่ายภาพและหนังใต้น้ำได้ลึกสิบฟุตครับ ขนาดเล็กน้ำหนักเบาไม่กลัวเปียก แถมราคาเป็น 35% ของกล้อง “ตำราศักดิ์สิทธิ์” ครับ ผมมีมือถือซึ่งพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาใช้ถ่ายภาพนิ่งและหนังได้ แต่มือถือติดขาตั้งกล้องไม่ได้ การติดขาตั้งกล้องจำเป็นสำหรับการผลิตชุดความรู้ครับ http://www.youtube.com/watch?v=FbwmK2BdrIY http://www.youtube.com/watch?v=FNHn1et54v8