รอบปีที่สามในการเป็นบล็อกเกอร์ที่ลานปัญญา

โดย Logos เมื่อ 7 July 2011 เวลา 0:00 ในหมวดหมู่ ลานปัญญา #
อ่าน: 2875

วันนี้ครบรอบสามปีของลานซักล้างซึ่งเป็นบล็อกแรกของลานปัญญาครับ

ผมเริ่มเขียนตั้งแต่เซอร์เวอร์ยังอยู่อเมริกา ปีแรกเขียนอยู่ 470 บันทึก เขียนทุกวันไม่เคยขาด มีคำอธิบายเกี่ยวกับการใช้งานลานปัญญามากหน่อย เพราะตอนนั้นอะไรๆ ก็ใหม่สำหรับสมาชิก ปีที่สองเดินทางเยอะ บางจังหวะเขียนไม่สะดวก แต่ก็มี 343 บันทึก เป็นเรื่องที่ผมพบเห็นมาแล้วฉุกใจ ส่วนปีที่สามนี่ บ้าได้ที่ มีอีก 371 บันทึก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องภัยพิบัติ​ ซึ่งมีอย่างต่อเนื่องตลอดปี

ทุกบันทึก ผมพยายามไม่ให้เป็นเรื่องเฉพาะกาล-อ่านครั้งเดียวแล้วผ่านไปเลย แต่ว่าพยายามเขียนให้บันทึกทันสมัยอยู่เสมอ ใครเข้ามาอ่านในภายหลังก็ยังได้อะไรไปบ้าง บันทึกที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็น [สุภาษิตสอนหญิง (ฉบับเต็ม) - สุนทรภู่] ซึ่งขณะนี้มีเกือบหมื่นแปดพัน pageviews เรื่องนี้น่าแปลกใจ เพราะลานปัญญาไม่ได้เป็นเว็บที่เด่นดังอะไร ไม่โปรโมท แถมแต่ละบล็อกก็หนักๆ ทั้งนั้น มี signal-to-noise ratio สูงผิดปกติ เข้มข้นมากจนมีผู้เสพลานปัญญาไม่มากหรอกครับ แต่เราไม่เชื่อในลัทธิกะปิ (KPI) ตัวเลขต่างๆ ไม่สำคัญเท่ากับว่าแต่ละบันทึก แต่ละบล็อกให้อะไรไว้กับผู้อ่านบ้าง

ผมยังชอบลานปัญญาในแบบที่เป็นอยู่ คือไม่มากจนเฝือ เบิ้ลกันไปมา เป็นสังคมเล็กๆ ที่รู้จักกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะคบกันนานๆ ของจริงจะหลุดออกมาเองเมื่อเวลาผ่านไป อีกทั้งสังคมลานปัญญามีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง ดังนั้นเรายอมรับสมาชิกอื่นในแบบที่เขาเป็นได้อยู่แล้ว

คุณค่าของบันทึก ไม่ได้อยู่ที่ตัวบันทึก แต่เป็นการร่วมกันเรียนรู้ในความคิดเห็นต่างหากครับ การเรียนในลานปัญญาไม่ใช่การ lecture โดยอาจารย์เขียนบันทึก นักเรียนอ่านเพื่อเชื่อฟัง (ไม่อย่างนั้นสอบตก) เราก้าวข้ามมาสู่การเรียนรู้ด้วยตนเอง สอบถาม-โต้แย้งเพื่อความกระจ่าง ดังนั้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจึงสำคัญมากนะครับ

« « Prev : รูปที่(ไม่)มีทุกบ้าน

Next : คน(ที่)มักพูดเท็จ ไม่พึงทำบาป ย่อมไม่มี » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 July 2011 เวลา 0:40

    ปัญญานั้นโดยนิยามมันต้องเล็กๆ และริบหรี่อยู่ไกลๆ อยู่แล้วครับ  เป็นแสงกระพริบส่องทาง วาบๆ ให้ตามมา ไม่งั้นตกเหว

    ถ้าวูบวาบ เด่นดัง แสงจ้า มีอะไรแว่บมาคั่นโคสะนานั้น มันก็ทำลายตัวเองไปหมดแล้ว ..ก็กลายเป็นสนุกดอทกรรมกันไปก็เถอะ

    ก่อนที่มันจะเจิดจ้าบ้าบอปานนั้นนั้นผมก็คงโดดหนีเหมือนหลวงพ่อคูณไปแล้วแหละ เพราะคงทนหวาดเสียวไม่ไหว

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 July 2011 เวลา 1:36

    เรื่องของปัญญานั้นคงจะขึ้นกับพื้นฐานด้วยครับ ไม่ง่ายเหมือนเติมน้ำมันรถ ซึ่งเมื่อเติมแล้ว วิ่งต่อไปได้อีกไกล — ผมดีใจที่มีสมาชิกใหม่ ค่อยๆ เข้ามาเติมให้ลานปัญญาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีความหลากหลายครับ

    …คุณค่าในตัวเรา ไม่ใช่สิทธิโดยกำเนิด หรือเป็นสิ่งที่ตัวเราคิดไปเองว่ามีหรือไม่มีอยู่เท่าไร คุณค่าในตัวคนเป็นสิ่งที่ผู้อื่น มอบให้จากการกระทำของเรา

    ไม่ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบัน จะถือว่าเป็นความก้าวหน้าหรือถอยหลังของมนุษยชาติก็ตาม ความรู้และประสบการณ์ของมนุษยชาติกว้างขวาง ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่มีใครที่จะสามารถรู้ในศาสตร์หนึ่งใดได้ทั้งหมด

    แต่แม้ในความไพศาลแห่งความรู้นั้น กลับไม่มีมนุษย์คนใดดำรงชีวิตอยู่ในแบบที่เป็นอยู่ได้ด้วยตัวของตัวเองเท่านั้น มนุษย์จำเป็นต้องอาศัยการช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกันและกัน เป็นมิตรและเคารพต่อธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์ ถนอมสันติสุขไว้ด้วยความอดทนอดกลั้น และเข้าใจสภาวะรอบตัวอย่างลึกซึ้ง แทนที่จะฝืนจัดการทุกอย่างไปตามแต่ใจปรารถนาเพื่อตัวเองแต่ผู้เดียว

    ในการพึ่งพาซึ่งกันและกันนั้น จะเกิดคุณค่าก็ต่อเมื่อมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากความแตกต่างได้ หากทุกคนเป็นเหมือนกันไปหมด สังคมมนุษย์ก็จะกลับสู่สังคมแรงงานหรือสังคมยุคหิน… (คำนำ เจ้าเป็นไผ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๒)

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 July 2011 เวลา 19:52

    เอาไว้จัดฉลองครบรอบ 10 ปี อิ อิ

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 July 2011 เวลา 20:11
    ฟังนโยบายเร่งด่วนแต่ละอย่างแล้ว เมืองไทยอาจไม่รอดถึงสิ้นปีนะครับ ไม่ต้องรอ 2012 เอิ๊กกกกก

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.85751485824585 sec
Sidebar: 1.1486189365387 sec