แก่นของความน่าเชื่อถือ
อ่าน: 7425ความน่่าเชื่อถือ เป็นสิ่งที่มอบหมาย/แต่งตั้งให้ไม่ได้ จะต้องสร้างขึ้นมาด้วยเอง แล้วก็ไม่ขึ้นกับว่าตัวเราจะคิดอย่างไรด้วย เพราะความเชื่อถือนั้นเกิดกับคนอื่น ไม่ใช่สิ่งที่เราบอกไปแล้วคนอื่นจะเกิดความรู้สึกตามนั้น จึงใช้การประชาสัมพันธ์ไม่ได้
ความน่าเชื่อถือ (Credibility) เกิดจาก บุคลิก (Character) และความสามารถ (Competence) ซึ่งแบ่งได้เป็นแก่นสี่อย่าง คือ
-
ความซื่อตรง (Integrity) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ และคนเป็นจำนวนมากให้น้ำหนักเมื่อจะประเมินความน่าเชื่อถือใคร — ความซื่อตรงเปรียบเหมือนรากของต้นไม้ ซึ่งเป็นรากฐานของทุกอย่าง
สำหรับคนเป็นจำนวนมาก ความซื่อตรงหมายถึงความซื่อสัตย์ ซึ่งที่จริงแล้วความซื่อตรง รวมความซื่อสัตย์ไว้ แต่ยังมีความหมายกว้างไกลไปกว่านั้นมาก เช่นความชัดเจน การรักษาคำพูด การกระทำอันไม่เป็นอีแอบ ความกล้าหาญที่จะยืนหยัดอยู่บนจุดยืนที่ชัดเจน ฯลฯ
ในยุคสมัยที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฉาบฉวยนี้ หาคนซื่อตรงได้ยากกว่าหาคนเก่งมากมายนัก
ความซื่อตรงเป็นเรื่องที่อ่านได้ยาก (เหมือนรากที่อยู่ใต้ดิน มองไม่เห็น) แต่มักให้ความสำคัญกันสูง ดังนั้นเมื่อเราพบว่าคนที่เราคิดว่ามี Integrity ที่ดีไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง ก็เลยรู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง
เรากลับไม่ได้ย้อนดูตัวเองเลยว่าตัวเรานั่นล่ะที่อ่านผิด แล้วดันไปโทษคนอื่น
-
เจตจำนง (Intent) เป็นจุดเริ่มต้นของแรงจูงใจ (Motive) วาระซ่อนเร้น (Agenda) และผลของการกระทำต่างๆ
เรามักให้ความเชื่อถือกับคนที่มีเจตจำนงตรงไปตรงมาได้ง่ายกว่าพวกเขี้ยวลากดิน ร้อยเล่ห์ ยอกย้อนได้มาก
ทำไมล่ะ ก็เพราะว่าคนที่มี Integrity และ Intent ที่ดีเหล่านี้ ทำเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายรวมถึงตัวเราด้วย แล้วเขาก็ไม่มั่ว ไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้ (แต่มันก็อยู่ที่เราด้วย ว่าฟังที่เขาบอกมาหรือไม่)
เจตจำนงเป็นเหมือนลำต้นของต้นไม้ ที่ส่งสารอาหารและน้ำจากรากไปยังทุกๆ ส่วนของต้นไม้
There are no moral shortcuts in the game of business — or life. There are, basically, three kinds of people: the unsuccessful, the temporary successful, and those who become and remain successful. The difference is character.
Jon Huntsman, ประธานกรรมการ Huntsman Chemical
-
ความสามารถและศักยภาพ (Capabilities) ซึ่งประกอบด้วยความพิเศษเฉพาะตัว เช่นพรสวรรค์ ทัศนคติ ทักษะ ความรู้ หรือแม้แต่สไตล์; ความสามารถและศักยภาพ คือสิ่งที่จะเปลี่ยนวัตถุดิบ/องค์ประกอบที่ดี ให้เป็นผลลัพท์ที่ดี เปรียบเหมือนกิ่งก้านของต้นไม้ ซึ่งถ้าไม่มี ก็ไม่มีใบ ไม่มีดอก ไม่มีผล
-
ผลลัพท์ (Results) หมายถึงประสิทธิผล ถ้าในอดีตเราไม่เคยทำอะไรได้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ จะไปให้ใครเค้ามาเชื่อถือ การพล่ามไปเรื่อยๆ โดยไม่มีผลลัพท์ออกมา ในเมืองไทยรู้กันว่าเป็นคุณสมบัติของนักการเมือง แต่ฝรั่งเรียกว่าขี้วัว
Integrity กับ Intent เป็นแก่นสำคัญของบุคลิก (Character); ส่วน Capabilities และ Results เป็นแก่นของความสามารถ (Competence)
ถ้าพูดอะไรแล้วคนอื่นไม่ค่อยเชื่อ ทำอะไรแล้วคนอื่นไม่ค่อยเชื่อน้ำยา ลองประเมินตัวเองในแก่นทั้งสี่นี้ดูสิครับ
« « Prev : เชื่อใจ
Next : ขึ้นบ้านใหม่ “มูลนิธิ OpenCARE” » »
6 ความคิดเห็น
เป็นบันทึกที่ดีมาก ชอบ : )
สินเชื้อ ความเชื่อ ถ้าเห็นว่าดีว่าชอบก็ถือไว้
ขอบคุณครับ
นี่แหละก่อนที่จะไปเชื่อถือ หรือไว้วางใจใครนั้น เราควรที่จะเริ่มต้นที่ตัวเราก่อน ว่าเรามีความน่าไว้วางใจได้มากน้อยแค่ไหน โดยวิธีการสำรวจความน่าเชื่อถือ แบบแนวคิดทางตะวันตก หรือของตะวันออกก็ได้ค่ะ ถ้าเรายังไม่สามารถไว้วางใจตัวเราเองได้ แล้วจะให้ใครเขามาไว้วางใจเราได้ ความรู้จักตัวตนของตัวเอง แล้วพยายามยอมรับข้อผิดพลาดข้อจำกัด แล้วปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นกุศลกับตัวเองมากค่ะ สิ่งที่ตามมาที่หลังคือการกระทำกรรมคือสิ่งที่ส่อเจตนาเมือ สร้างกรรมดี ซื่อตรง สม่ำเสมอมันก็เป็นธรรมชาติ ย่อมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้ค่ะ
ชอบใจบันทึกนี้ แวะเวียนเข้ามาหลายครั้งแล้ว…
ลองสำรวจตัวเอง ก็คงจะเข้าข้างตัวเองเป็นธรรมดา รู้สึกว่าสถานภาพปัจจุบันจะมีครบทุกข้อ (ถ้า ๒๐ ปี ก่อน ไม่แน่ 5 5 5…) แต่ผลสะท้อนกลับรู้สึกว่ายังน้อย (คงจะหวังมากเกินไปมั้ง ! )
คำสอนทางพระพุทธศาสนาในเรื่องความน่าเชื่อถือที่ตรงประเด็นที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่อง ปมาณิกา แปลว่า การถือเป็นประมาณ มี ๔ ประการ กล่าวคือ
ลองนำแนวคิดนี้มาเทียบกับที่คุณโยมนำมาเล่าไว้ จะเห็นได้ว่า ๔ ประการตามที่คุณโยมยกมานั้น อาจสงเคราะห์เข้าแต่เพียงในธัมมัปปมาณิกาเท่านั้น…
อีกอย่างหนึ่ง บรรดาปมาณิกาเหล่านี้ รูปร่างขึ้นก่อนเพราะเห็นได้ง่าย… เสียงตามมาเพราะเพียงเอ่ยปากพูดออกมาก็สัมผัสได้… ปอนๆ ก็จัดไว้สำหรับบางคนเท่านั้น… ส่วนธรรมอยู่ท้ายสุดเพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากสัมผัสได้ยาก…
เอวํ ก็มีโดยประการฉะนี้
เจริญพร
ก่อนอื่น เค้าให้ประเมินตัวเองก่อน พอทำเสร็จ ก็จะมี email template ให้แจ้งผู้อื่น ก๊อบปี้ URL ในอีเมลมาใช้ก็พอ เหมือนอย่างลิงก์ในความเห็นอันนี้
หลังจากเราเอาลิงก์ (URL) ให้คนอื่นไป เมื่อมีเพื่อนอย่างน้อยสองคนประเมินเราเข้ามา เราจะเห็นคะแนนที่เพื่อนประเมินมา โดยไม่เห็นว่าใครประเมินไว้เท่าไหร่
ในขณะที่เขียนนี้ มีเพื่อนประเมินผมมา 5 คน คะแนนเฉลี่ยออกมาเท่ากับที่ผมประเมินตัวเองเป๊ะเลย