เกลือกับแผ่นดินอีสาน
จากบันทึกเรื่องเกลือ ซึ่งเป็นข้อกังวลเรื่องการกระจายตัวของเกลือ ทำให้ดินเค็ม เพาะปลูกไม่ได้ แต่ก่อนที่จะหาทางจัดการเรื่องนี้ให้ได้ ก็ต้องเข้าใจสาเหตุที่เกิดขึ้นเสียก่อน
ในอดีตกาลนานมาแล้ว อีสานเคยเป็นทะเลมาก่อน เมื่อแผ่นดินยกตัวขึ้น/ระดับน้ำลดลง น้ำทะเลก็ถูกขังอยู่ใน “แอ่ง” และเมื่อน้ำระเหยไปเรื่อยๆ จึงเหลือแจ่เกลือตกตะกอนอยู่บนแผ่นดินอีสาน แล้วก็มีซากพืชซากสัตว์มาทับถม กลบฝังเกลือปริมาณมหาศาลเอาไว้ใต้แผ่นดิน ใต้แอ่งโคราช และแอ่งสกลนคร
จากคำถามในบันทึก
อีสานมีฝนเฉลี่ย 1000 มม. (เกือบ)ทุกพื้นที่ แต่มีปัญหาเก็บกักน้ำไม่อยู่ เมื่อฝนตกลงมา ก็ซึมลงไปใต้ดินหมด หากชั้นของเกลืออยู่ตื้น น้ำที่มีความเค็ม ก็จะทำให้ดินเค็ม ใช้เพาะปลูกไม่ได้
กรมทรัพยากรธรณี อธิบายไว้ว่า
![]() รูปแสดงภาพตัดขวางแสดงชั้นเกลือหิน จาก อ.พล จ.ขอนแก่น ถึง จ.หนองคาย (จาก นเรศ สัตยารักษ์, 2533)
|
||
![]() พื้นที่ดินเค็ม บริเวณอำเภอจตุรัส จังหวัดนครราชสีมา ปรากฎคราบเกลือสีขาวพบผิวดิน ไม่สามารถทำการเกษตรได้
|
![]() พื้นที่ห้วยคอกช้าง บ.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม เป็นพื้นที่ดินเค็ม ซึ่งแม้จะ ไม่มีคราบเกลือให้เห็น แต่ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรมได้
|
![]() พื้นที่ หนองบ่อ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม แสดงความแตกต่างของระดับพื้นที่พื้นที่ใกล้ ระดับน้ำใต้ดินจะมีคราบเกลือบนผิวดิน ปลูกพืชไม่ได้พื้นที่เนินที่อยู่ด้าน หลัง อยู่สูงกว่า มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น
|
โดยเกลือหินชั้นล่างสุด จะมีความหนามากที่สุด และจากการที่ชั้นเกลือมีความหนาแน่นต่ำ (1.8-2.1 ตัน/ลูกบาศก์เมตร) ในขณะที่ชั้นหินที่ปิดทับมีความหนาแน่นสูง กว่า (2.5-2.7 ตัน/ลูกบาศก์เมตร) จึงเกิดความแตกต่างของความหนาแน่นระหว่าง มวลทั้งสองขึ้น ดังนั้น มวลเกลือจึงสามารถดันตัวเองให้ “ลอย” ขึ้นมา เกิดเป็น “เนินเกลือ (salt pillow)” “โดมเกลือ (dome)” หรือ “แท่งเกลือ (salt diapir)” ขนาดต่างๆ ได้ และจากการเจาะสำรวจพบว่า แท่งเกลือบางแห่งทางตอนกลางแอ่งโคราช มีความสูงถึง 1 กิโลเมตร จากระดับชั้นเกลือ เดิม (ดังรูปลำดับชั้นหินของหมวดหินมหาสารคามดัดแปลงจาก ผลการเจาะสำรวจบริเวณ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์) กรมทรัพยากรธรณีเรียกหน่วยหินที่มีชั้นเกลือหินแทรกสลับว่า “หมวดหิน มหาสารคาม (Maha Sarakham Formation)” ซึ่งลำดับชั้นดั้งเดิมประกอบด้วย ชั้นเกลือหิน (rock salt) 3 ชั้นแทรกสลับกับหินตะกอนสีน้ำตาลแดง มี ความหนารวมกันประมาณ 300-400 เมตร
« « Prev : CSR คือหน้าที่ ใช่อาสา
Next : กล้าไหม » »
4 ความคิดเห็น
พี่เพิ่งส่งข้อมูลเกลือมาให้คอนนะครับ อิอิ
เกลืออีสานนั้นมีมหาศาลดังกล่าว ที่ว่าอีสานเคยเป็นทะเลมาก่อนนั้นนักธรณีก็กล่าวว่า ลักษณะการท่วมแล้วเหือดแห้งไปนั้นเป็นถึงสองครั้ง จากหลักฐานต่างๆทางธรณีวิทยาว่างั้น…
เกลือแพร่ขยายการระเหิดมาอยู่บนผิวดินและกระจายตัวกว้างขึ้นทุกปี ฟังแล้วก็น่าเป็นห่วงอนาคต แต่ก็มีการทดลองสร้างโมเดลการให้คงสภาพการไม่กระจายตัวของเกลือบนผิวดินโดยการสร้างป่า ความอุดมสมบูรณ์ของป่าจะกดทับเลกือไว้ข้างล่างเฉยๆ สมัยที่ทำงานทุ่งกุลาร้องให้ ดูเหมือนเขาจะทดลองสิ่งนี้ และพี่ก็รู้ว่า ความเค็มบนผิวดินนั้นมีทั้งโทษและประโยชน์ โทษคงไม่ต้องพูดถึงมากมายมหาศาล ส่วนประโยชน์นั้นก็คือ มันกลายเป็นเงื่อนไขที่สำคัญของการผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 หรือที่เรารู้จักข้าวมะลิ ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีชั้นหนึ่งของไทย ของโลก ข้าวมะลิกลับชอบดินที่มีความเค็มในปริมาณที่นักวิชาการค้นคว้ามาแล้ว(ที่มีหน่วยเป็น ppm) ดังนั้นพืชที่มีการแนะนำให้ปลูกในพื้นที่ดินเค็มบริเวณทุ่งกุลาคือ ข้าวขาวดอกมะลิ 105
นอกจากนี้นักธุรกิจก็ทราบดีว่าเกลืออีสานนั้นทำประโยชน์มากมายมหาศาล เพียงแต่ยังไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง และดูเหมือนติดขัดหลายประการอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือ กลุ่มอนุรักษ์นิยมก็จะต่อต้านในเชิง ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็เป็นหลักการที่ต้องรับฟัง
เคยทราบมาว่า บางแห่งบางประเทศเขาขุดอุโมงค์ในบริเวณที่มีภูเขาเกลือ แล้วทำเป็นสถานที่รักษาโรคภัยไข้เจ็บบางอย่างได้ผล …?
ปริมาณเกลือที่มหาศาลนี้จะเอามาใช้อย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด คุ้มค่าที่สุด สอดคล้องกับเงื่อนไขต่างๆของสังคม ประเทศชาติ เป็นคำถามที่นักวิชาการคงต้องทำการบ้านกันต่อไป….
สวัสดีครับพี่
เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านครับ ดีมากๆ เลยครับที่เอามาถกกันต่อ สำหรับทางการเกษตรนั้นผมมองว่าจะมีพืชบางกลุ่มที่สามารถปลูกได้ในพื้นที่ดินเค็ม
ในเบื้องต้นสามารถปลูกพืชพวกที่ดูดความเค็มเอาไปไว้ในลำต้นหรือส่วนต่างๆ ของใบ พืชพวกนี้ก็หาทางนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เช่นเอาไปย่อยเพื่อทำเป็นส่วนผสมของปุ๋ยในการเติมดินหรือปรับสภาพดินในบางพื้นที่ก็คงจะมีประโยชน์ บางจำพวกก็เอาไปผสมในการทำอาหารสัตว์ การใช้พืชในการดูดเกลือออกก็เป็นแนวทางทางธรรมชาติครับ แม้ว่าจะช้าเป็นก็เปิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศครับ
สำหรับการเกษตรในการปลูกพืชเบื้องต้นสำหรับพืชเศรษฐกิจส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ดินที่ลึกมาก หากมีดินและน้ำใต้ดินไม่เอ่อท่วมขึ้นมาความเค็มก็จะไม่ย้อนกลับขึ้นมาถึงระบบรากพืช แต่ในขณะที่น้ำไหลลงดินเกลือก็จะมีการแพร่เช่นกัน จนกว่าน้ำจะอิ่มตัวเกลือก็จะแพร่ขึ้นทางด้านบน ย้อนมาจากด้านล่างขึ้นด้านบน
ปัญหาการจัดการบริหารระดับน้ำและความเค็มจึงน่าสนใจมากๆ เพราะเป็นเงื่อนไขพิเศษเพิ่มขึ้นมา หากเราจำลองการแพร่ของความเค็มในทั้งแผ่นดินอีสานก็คงจะดีครับ โดยทราบ soil profile ของทั้งระบบว่ามีรูปแบบเป็นอย่างไร แล้วผสมร่วมกับระบบการไหลของน้ำที่ตกลงผิวดินก็อาจจะนำไปสู่การบริหารจัดการได้
สำหรับพื้นที่ที่มีคราบเกลือหรือเกลือบริเวณผิวดินเลย ก็คงต้องหา KM (เค็ม) กันต่อไปว่าจะนำไปใช้อย่างไร
ขอบคุณมากๆ นะครับ
[...] และใต้ดินมีชั้นเกลืออยู่ หากที่ดินแถวนั้นมีขี้เกลือขึ้นมา [...]