อยู่กับน้ำ

โดย Logos เมื่อ 3 September 2011 เวลา 21:43 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4885

ที่จริงไม่อยากเขียนเรื่องเฉพาะกาลเลย เพราะอยากให้บันทึกใช้ได้นานๆ แต่คงเลี่ยงไม่ได้ล่ะครับ มีเรื่องต้องเตือน

  • ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ มีระดับ 94% ของความจุของเขื่อน เขื่อนภูมิพลมีระดับ 78% ของความจุของเขื่อน (ความจุของเขื่อนอื่นๆ ดูได้โดยคลิกที่รูปแผนที่ประเทศไทยในบล็อกนี้)
  • สัปดาห์นี้ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่า “ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง” แปลว่าจะมีน้ำฝนมาเพิ่มอีก
  • ระบบประเมินสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ​ (สทอภ.) พัฒนาขึ้น ดูได้ที่ http://flood.gistda.or.th/
  • สำหรับภาพถ่ายจากดาวเทียมของวันนี้ (3 ก.ย. 54 — ดูด้วย Google Earth) เห็นน้ำท่วมในลุ่มน้ำยม ตั้งแต่ใต้ อ.เมือง สุโขทัย ยันนครสวรรค์ ส่วนลุ่มน้ำน่าน ก็ท่วมที่ อ.พรหมพิราม (พิษณุโลก) ข้าม อ.เมืองไป แล้วท่วมต่อไปยันบึงบอระเพ็ด
  • พิจิตรอาการหนัก เพราะน้ำท่วมทั้งสองลุ่มน้ำ (ยม น่าน) ตลอดแนวเหนือใต้ของจังหวัด
  • ดูแล้ว เห็นน้ำปริมาณมหาศาลมารออยู่แล้ว พื้นที่ใดอยู่ทางใต้น้ำแต่น้ำยังไม่ท่วม ก็อย่านิ่งนอนใจครับ
  • อ.ชาติตระการ อ.นครไทย (พิษณุโลก) พื้นที่เป็นภูเขา เมื่อฝนตก น้ำก็จะไหลลงมากองอยู่ในหุบเขา ไหลไปรวมกับแม่น้ำน่านเหนือ อ.เมืองพิษณุโลก น้ำส่วนนี้อยู่ใต้เขื่อนเรศวร อ.พรหมพิราม
  • ทุ่งแสลงหลวง (พิษณุโลก) อ.เขาค้อ (เพชรบูรณ์) เป็นพื้นที่รับน้ำฝน และไหลลงแม่น้ำเข็ก ไหลเรื่อยมาทางตะวันตก จนมาถึง อ.วังทอง (พิษณุโลก) ก็วกลงใต้อ้อม อ.เมืองพิษณุโลก ลงไปพิจิตรอีกเด้งหนึ่ง
  • หากจะแก้ปัญหาน้ำท่วม อย่าไปดูเฉพาะที่น้ำท่วมอย่างเดียวนะครับ มองหาสาเหตุให้เจอแล้วแก้ไขบรรเทาเสีย

สำหรับผู้ที่ใช้ Google Earth ได้และอยู่ในบริเวณใกล้น้ำท่วม หรืออยู่ในแนวลุ่มน้ำ สามารถใช้เมาส์เลื่อนไปวางบนแผนที่ ตรวจระดับความสูงของพื้นที่ของตนเองได้ เป็นการประเมินด้วยตนเองว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ (ที่จริงประสบการณ์ในอดีตก็บอกได้) แต่การที่รู้ว่าพื้นที่ของตนมีระดับความสูงเท่าไร สูงกว่าแนวของแม่น้ำเท่าไร ส่วนต่างนี้พอจะบอกได้ว่า หากจะเสริมแนวกั้นน้ำเป็นการป้องกันตนเอง จะต้องเสริมขึ้นสูงเท่าไหร่

น้ำท่วมครั้งนี้ ไม่มีทางอื่นนอกจากจะระบายน้ำออกไป ซึ่งไปได้เร็วแค่ไหน ก็ขึ้นกับว่าใช้พลังงานแค่ไหน และภูมิประเทศมีความลาดเอียงขนาดไหน มีสิ่งกีดขวางน้ำไหลขนาดไหน — สำหรับพื้นที่ที่มีความลาดเอียงต่ำ เกรงว่าน้ำจะไม่ลดลงเร็วให้เตรียมใจไว้เลยครับ ไม่ต้องภูมิใจกับเงินชดเชยจากทางรัฐ ซึ่งเทียบไม่ได้กับความเสียหายหรอกครับ

การแก้ไขปัญหาอทุกภัย (หรือภัยธรรมชาติอื่นๆ) ไม่อาจกระทำได้รวดเร็ว เพราะมนุษย์นั้นไม่มีกำลังพอที่จะไปต่อกรกับธรรมชาติ แถมยังจะทำแต่ส่วนลูกศรสีแดง โดยไม่หาทางป้องกันบรรเทาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า หมดตัวซ้ำซากไม่สนุกหรอกนะครับ

เมื่อเกิดภัยแล้วจะลงไปช่วยเหลือชาวบ้าน (ก่อนจะช่วยชาวบ้าน ช่วยตัวเองให้ได้ก่อน อย่าไปเป็นภาระแก่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ให้มาต้อนรับดูแลวุ่นวายไปหมด) ก็ถือโอกาสเอาความรู้ใหม่ๆ ลงไปให้ชาวบ้านด้วยครับ บางทีเวลาชีวิตอับจนหนทางก็นึกไม่ออก/นึกไม่ถึง ซึ่งเมื่อเราแนะแล้ว ชาวบ้านพิจารณาได้เอง ว่าอะไรทำได้-อะไรทำไม่ได้ ไม่ต้องไปตัดสินใจแทนชาวบ้านหรอกครับ

สำหรับกรณีน้ำท่วมซ้ำซากนั้น แก้ไม่ได้ด้วยการบ่นหรือโทษโชคชะตานะครับ ควรถามตัวเองว่าท่านได้ทำอะไรเพื่อแก้ไขบรรเทาไปแล้วบ้าง เช่น

  • น้ำแรง->มีที่อพยพไปหรือไม่
  • น้ำท่วงขัง->มีแพ มีเรือหรือไม่
  • น้ำท่วมนา->ปลูกข้าวบนแพไหม
  • น้ำเน่า->ทำน้ำหมักจุลินทรีย์กำจัดกลิ่นบำรุงดินดีไหม
  • Dutch opt for living on water rather than fight it
  • ทางปลายน้ำที่น้ำเริ่มท่วมแล้วหรือกำลังจะท่วม ประเด็นใหญ่อาจไม่ใช่ว่าท่วมอยู่เท่าไหร่หรอกครับ น้ำเหนือยังมีอีกเยอะ การเตรียมรับนั้นดีอยู่แล้ว (หนับหนุน) แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าดีพอ ถ้าไม่รู้ว่ากำลังจะมีอะไรมา

« « Prev : น้ำท่วมขัง (2)

Next : แผลบ แผลบ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7 ความคิดเห็น

  • #1 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2011 เวลา 0:14

    เอาแบบ้านลอยน้ำมาฝากเพิ่ม http://www.agrinaturetwo.com/content/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%B0

  • #2 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2011 เวลา 17:31

    ผมเกิดแนวคิดมาโครแบบนี้ …สำรวจหาแหล่งผืนนาริมแม่น้ำที่ความต่ำเป็นพิเศษ จากนั้นสร้างถนนสูงขวางทางน้ำ ส่วนสะพานั้นมีประตูกันน้ำ พอน้ำหลากมาก็งับประตูให้น้ำไหลออกไปได้เท่าที่จะไม่ท่วมเมืองท้ายน้ำ ส่วนน้ำที่เหลือก็ไหลท่วมท้องนา อาจเสียหายไปหมื่นไร่ ชดเชยไร่ละ 5000 บาท ก็แค่ 50 ล้านบาท

    แต่ถ้าปล่อยไป น้ำจะท่วมนาอีก 2 แสนไร่ ก็ต้องชดเชย 2000 ล้านบาทไปแล้ว แถมยังความเสียหายในเมืองอีกหลายร้อยล้าน

    ทีนี้พอน้ำลดแล้ว เราก็ใช้น้ำที่กักไว้ได้ค่อยๆ ปล่อยเอาไปทำนาที่ท้ายน้ำได้อีก แบบว่าเป็นนาปรังไปเลย

    วิธีนี้ยังได้ถนนเป็นของแถมอีกด้วย

    แบบนี้ไม่ได้อยู่กับน้ำ แต่เปลียนวิกฤตเป็นโอกาสด้วยซ้ำ นิ อิอิ

    เอาปลามาปล่อยเลี้ยงปลาได้อีก (รายได้ดีกว่าทำนา)

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2011 เวลา 17:58
    ขอบคุณครับ ทุกความคิดมีค่าเสมอ เพียงแต่คนฟังจะรับรู้ได้แค่ไหนเท่านั้น

    ตอนนี้มีทั้ง เน้นแจ้งเตือน และ จ่ายเงินชดเชย ไม่รู้เล่นอะไรกันนะครับ ;-)

  • #4 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2011 เวลา 19:35

    วันนี้คุยกับทางเขาพนม เขาเล่าว่าทางการเน้นให้ช่วยตัวเองเรื่องเตือนภัยแล้วอพยพเป็นหลัก ส่วนความคิดเรื่องการจัดการเชิงป้องกันด้านอื่นนั้นอาศัยอิงการวิจัยของนักวิชาการ ฟังแล้วเหมือนคิดว่า การมีส่วนร่วมคือ เชิญมาให้ความเห็นแล้วมาจึงใช่ การพึ่งพาตัวเองคือ การมาฟังแล้วกลับไปทำตามข้อแนะนำ

  • #5 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2011 เวลา 20:02
    ชาวบ้านนั้นรู้จักพื้นที่ดีกว่าคนนอก รู้ข้อจำกัด รู้กำลัง รู้ภูมิประเทศครับ

    คนนอกที่เข้าใจสถานการณ์ของพื้นที่+รู้จักเรียนรู้บริบทของพื้นที่ มักจะให้คำแนะนำที่ดี ท้ายที่สุดแล้ว ชาวบ้านต้องตัดสินใจเอง ว่าจะใช้คำแนะนำนั้นเลย นำคำแนะนำไปปรับใช้ หรือหาวิธีการที่ดีกว่าเหมาะกว่า แต่ที่แน่ๆ คือการไม่ทำอะไรเลยนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโอกาสเกิดเหตุ และทำให้ชาวบ้านยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงเดิม ซึ่งอาจเกิดภัยซ้ำซ้อนได้ครับ

    การลงพื้นที่จึงไม่ใช่แค่การเอาข้าวของไปแจกให้ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไป แต่เป็นโอกาสที่จะนำความรู้ไปให้ชาวบ้าน ให้เขาพึ่งพาตัวเองได้ดีขึ้น สร้างโอกาสใหม่ในการพลิกฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ให้ดีกว่าเดิมด้วยครับ

    ถ้าไม่มีความรู้(จริง) แจกของไปอย่างเดียวดีแล้ว เพียงแต่ว่าอย่าไปรบกวนเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งมีงานช่วยชาวบ้านหนักอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่น่ะ บ้านเขาก็โดน เขาไม่มีเวลาจะมารับรองแต่ละคณะหรอกครับ

  • #6 ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดพิษณุโลก | อาสาดุสิต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2011 เวลา 21:51

    [...] ขอบคุณ ข้อคิดดีๆ จาก ลานซักล้าง ลานปัญญา คะ : http://lanpanya.com/wash/archives/2622 [...]

  • #7 ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดพิจิตร | อาสาดุสิต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 September 2011 เวลา 12:52

    [...] ขอบคุณ ข้อคิดดีๆ จาก ลานซักล้าง ลานปัญญา คะ : http://lanpanya.com/wash/archives/2622 [...]


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.19940209388733 sec
Sidebar: 0.13457489013672 sec