เชื่อใจ

อ่าน: 4608

เมื่อวันอาทิตย์ ลูกกตัญญูพาคุณแม่ไปช็อบปิ้ง ระหว่างคุณแม่เพลิดเพลิน ผมก็แวะเข้าร้านหนังสือ B2S เจอหนังสือของ Covey อีกเล่มหนึ่งชื่อ The Speed of Trust: the one thing that changes everything

พลิกๆดูก็ชอบครับ แต่ไม่ได้หยิบมา คิดว่าค้นเน็ตอาจจะเจออะไรดีๆ ก็ได้ แล้วก็เจอจริงๆ มีหนังสือแปลด้วย ชื่อว่า พลานุภาพแห่งความไว้วางใจ: The speed of trust

คนบางคน ไม่มีความเชื่อใจใครเลย ระแวงไปหมด ปสด.แบบนี้ ป่วยการจะพูดถึงสันติวิธีและการสมานฉันท์ หรือว่าจะพูดถึงเป้าหมายร่วม ประโยชน์ของส่วนรวม อาจจะเป็นจากความเจ็บปวดที่ถูกทำร้ายจิตใจอย่างใดอย่างหนึ่งในอดีต จึงระแวงไปหมด และกลายเป็นคนขาด self-esteem ไปในที่สุด ไม่สามารถจะวางใจ หรือชื่นชมใครอย่างจริงใจได้

อาการนี้เป็นเช่นเดียวกับระบบราชการ ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ไว้ใจใคร เพราะมีประสบการณ์ที่เลวร้ายมาจากอดีต เลยเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ จนทำให้แทบจะปฏิบัติงานไม่ได้ หรือเป็นไปด้วยความล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ ปรับเปลี่ยนตามความต้องการในพื้นที่ไม่ได้ (เนื่องจากขัดกับเอกสาร แล้วเอกสารก็ไม่เคยเขียนได้ครอบคลุมทุกกรณี)

แต่การเชื่อใจ ก็ไม่เหมือนกับการอ่อนต่อโลก+มองโลกในแง่ดี ใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ซึ่งนั่นก็เป็นฉันทาคติซึ่งเป็นหนึ่งในอคติ ๔

ในทางธุรกิจ เรามักจะได้ยินผู้รู้กล่าวว่า Strategy x Execution = Result แต่หนังสือเล่มนี้ กลับบอกว่า Strategy x Execution x Trust = Result คือว่า ไม่มี trust ก็ไม่มี result


คลิกบนรูปเพื่อขยาย

หนังสือเสนอโมเดลของความเชื่อใจไว้เป็นหลายมิติ คือ แก่นทั้ง 4 ของความน่าเชื่อถือ, พฤติกรรม 13 อย่างที่สร้างความเชื่อใจ และความเชื่อใจ 5 ระลอก

ความเชื่อใจ (trust) ในนัยนี้คือการมีความมั่นใจ (confidence) ในผู้อื่นหลังจากได้ประเมินแล้่ว ว่าเชื่อมั่นว่าจะทำได้ Jack Welch อดีต CEO ของ GE พูดถึง trust ไว้ว่า “You know it when you feel it.” — กรุณาเข้าใจด้วยครับ ว่าอาจเป็นการประเมินผิดก็ได้ แต่ว่าถ้าไม่เชื่อใจนั้น หมายถึงระแวงสงสัย (suspicious)

Speed happens when people…truely trust each other.

Edward Marshall

If you’re not fast, you’re dead.

Jack Welch

You can have all facts and figures, all the support evidence, all the endorsement that you want, but if you don’t command trust, you won’t get anywhere.

Naill Fitzgerald, อดีตประธานกรรมการ Unilever

You can’t have success without trust. The word trust embodies almost everything you can trieve for that will help you to succeed. You tell me any human relationship that works without trust, whether it is a marriage or a friendship or a social interaction; in the long run, the same thing is true about business, especially businesses that deal with the public.

Jim Burke อดีต ประธานกรรมการ และ CEO
Johnson & Johnson

The moment there is a suspicion about a person’s motives, everything he does becomes tainted.

Mahatma Gandhi

เอาไว้หาหนังสือหรือ synopsis มาย่อยก่อน แล้วผมจะเขียนบันทึกอีกอันดีกว่าครับ

« « Prev : หนาวซ้ำซาก

Next : แก่นของความน่าเชื่อถือ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

12 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 9:38

    ความเชื่อ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ศรัทธา … และหมวดธรรมนั้น มีมากมายที่ขึ้นต้นข้อแรกด้วยศรัทธา แต่หมวดธรรมที่มีศรัทธาขึ้นต้นเหล่านั้น จะต้องมี ปัญญา เป็นข้อสุดท้ายกำกับไว้ด้วยเสมอ…

    หมวดธรรมที่น่าสนใจก็คือ พละ ๕ …. โบราณาจารย์อธิบายว่า ศรัทธากับปัญญาต้องเสมอกัน เพราะถ้าศรัทธามากกว่าปัญญาแล้วจะเป็นผู้หัวอ่อน งมงาย… แต่ถ้าปัญญามากกว่าศรัทธาแล้วก็จะเป็นผู้กระด้าง มานะจัด…

    เฉพาะสังคมปัจจุบัน การที่ไม่เชื่อหรือไม่ศรัทธาต่อใคร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศรัทธาต่อผู้นำ) อาจเป็นเพราะขาดปสาทะคือความเลื่อมใสต่อผู้นำในเบื้องต้น แล้วใช้ปัญญามากเกินไป จนกลายเป็นผู้กระด้าง มานะจัดไปในที่สุด…

    ไปๆ มาๆ ก็มีสาเหตุมาจาก อคติ ๔ แล้วก่อให้เกิด กรรมกิเลส ๔ ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานเดิมของคนเรานั้นเอง…

    เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้
    เจริญพร

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 15:17
    สาธุ ศรัทธาเสมอด้วยปัญญา สาธุ

    มานะในทางธรรม หมายถึงความถือตัว เป็นหนึ่งในสังโยชน์ อนุสัย และอุปกิเลส

    เรื่องนี้มีตอนสองเขียนเสร็จแล้ว แต่ตุนไว้ยังไม่โพสต์ครับ

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 19:09

    สาธุ หลวงพี่ค่ะ

  • #4 แป๋ว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 19:10

    จะรออ่านค่ะ ที่กักตุนไว้ด้วยค่ะ

  • #5 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 20:38
    ลองช่วยประเมินผมดูหน่อยได้ไหมครับ (ตอบ 8 คำถามเท่านั้น) คำตอบจะไม่มีชื่อผู้ประเมิน

    ตอนต่อไป ปล่อยออกหลังเที่ยงคืนนี้ครับ

  • #6 สายลมครับ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 20:48

    ศรัทธาต่อคุณงามความดี ยังหนักแน่น แต่ความเชื่อต่ออะไรบางอย่างกลับสวนทางกัน
    บทบาทหน้าที่บางคนบางคนต้องการหัวโขนใบใหญ่ ๆ จึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้มาและทำลาย ทำร้ายความไว้เนื้อเชื่อใจของคนรอบข้าง    จนทำให้บางความรู้สึกคิดไปว่าโลกของเราใหญ่ไม่เท่ากัน
    แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จะคืนสู่สามัญ  .. เป็นสามัญ .. ครับ

    ความศัทธา ความเชื่อใจ ความมุ่งมัน และ ความดี เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวหัวใจเราไว้รวมกัน .. ครับ 

  • #7 nontster ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 21:02

    ชอบตรง Myth vs. Reality ครับ

  • #8 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 21:16

    กรุณาอย่าปล่อยผีนะคะ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

  • #9 สร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 21:37

    เข้าไปประเมินแล้วค่ะ…แต่ว่า ..แฮ่ๆๆ ภาษาอังกฤษอาจจะแปลผิดๆถูกๆ ไปหน่อย….คุณรอกอดช่วยแปลเป็นไทยให้ด้วยซิคะ…แฮ่ม!

  • #10 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 21:54

    ดีมากครับ  บทความนี้  ผมยังไม่ได้พิเคราะห์โดยละเอียดนัก

    แต่มีความเห็น ดังนี้

    ทุกวันนี้ หลายๆคนได้ขุดเรื่องปัจเจกขึ้นมาคุยเสมอ  ล้วนจะว่าต้องเริ่มที่เราก่อน เหมือนสูตรสำเร็จรูปทีเดียว
    ขบวนการนี้ ย่อมเกิดขึ้นจากหลายๆปัจจัย  ก่อกำเนิดความท้อแท้ในการเปลี่ยนแปลงสังคม มองทุกสิ่งจากสิ่งที่ได้เห็นมาในอดีต แล้วมาสรุปกันที่ ตัวเรา
    หลายๆครั้ง เราลืมไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา และพฤติกรรมที่เราก่อขึ้น ล้วนเป็นขบวนการทางสังคมผสมรวมกันอัตตาของเรา
    หลายๆวิธีของการเปลี่ยนแปลงสังคมและตัวเรา ย่อมเอื้อต่อกัน มันจะขาดจากกันไม่ได้เด็ดขาด

    หลายๆคนที่ไม่ยอมศรัทธาใครอีกต่อไป ขบวนการเปลี่ยนแปลงย่อมมีเงื่อนไขเฉพาะของตัวเขาเอง

    หลายๆคนที่ทุ่มเทให้กับสังคม ขบวนการทางความคิด การเปลี่ยนแปลง ย่อมมีเงื่อนไขจากทั้งภายนอกและภายใน ผสมคละเคล้ากัน

    หลายๆคนที่ปลีกวิเวก ถอยออกสู่สังคมของตนเอง ขบวนการการเปลี่ยนแปลงก็แตกต่างกันไป

    ถ้า……………….คนเราไม่สลัดทิ้งสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกจากกันโดยสิ้นเชิง สังคมนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงและแก้ไขไปในทางที่ดียิ่งๆขึ้นไป

    ผมได้เขียนเรื่อง “ทุนชีวิต” “ทุนสังคม” “ทุนทางใจ” ไว้บ้างแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์นัก  แต่ความตั้งใจไว้ว่าอยากเขียนให้สมบูรณ์     http://lanpanya.com/dol3377/?p=793

    อยากให้หลายๆท่านได้ พินิจพิเคราะห์ ดูครับ ว่า จริงๆแล้ว “ทุนชีวิต” มาจากไหนกันแน่  และใช้กันยังไง

    ขอบคุณมากๆครับ  บทความนี้ดีมากครับ  ได้ภาพที่โลดแล่นในสังคมที่เลอะเทอะ เละเทะ แบบนี้

    ทางเดินยังสดใสครับ  พวกเราช่วยๆกัน        

  • #11 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 22:13
    ลิงก์ใน #5 เหมาะกับบันทึกต่อไปครับ ลองเอามาเล่นกันดูก่อน

    คำตอบในแต่ละคำถาม แบ่งเป็น 5 ระดับคือ: ไม่เคยเลย, ไม่บ่อย/นานๆครั้ง, เป็นบางที, บ่อยๆ, มาก/เสมอๆ

    สำหรับคำถามคือ
    1. Conductor tells the truth, talks straight, and doesn’t leave false impressions.
    - (ชื่อ) พูดความจริง ตรงไปตรงมา และไม่ปล่อยให้เข้าใจผิด
    2. Conductor generally cares for others.
    - โดยทั่วไป (ชื่อ) ใส่ใจผู้อื่น
    3. Conductor treats people with respect, demonstrates concern for others, and doesn’t fake caring.
    - (ชื่อ) ให้ความเคารพผู้อื่น แสดงความห่วงใยต่อผู้อื่น และไม่ตอแหลเกี่ยวกับความห่วงใยนี้
    4. Conductor has a track record of consistently delivering results and not making excuses.
    - (ชื่อ) มีผลงานในอดีตที่ตรวจสอบได้ซึ่งให้ผลลัพท์ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และไม่แก้ตัวบ้าๆบอๆอย่างพร่ำเพรื่อ
    5. Conductor does not skirt the real issues with people. S/he confronts reality and addresses difficult issues head-on.
    - (ชื่อ) ไม่ชิ่งปัญหาเกี่ยงกับคน เขา/เธอเผชิญหน้ากับปัญหายากๆนั้นอย่างตรงๆ
    6. Conductor makes promises carefully and always keeps his/her commitments no matter how small.
    - (ชื่อ) ไม่สัญญามั่วซั่ว และรักษาสัญญานั้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยขนาดไหน
    7. I trust Conductor
    - ข้าพเจ้าเชื่อถือ (ชื่อ)
    8. Others trust Conductor
    - ผู้อื่นเชื่อถือ (ชื่อ)
    9. Conductor consistently interacts with me in a way that builds trust.
    - (ชื่อ) มีปฏิสัมพันธ์กับข้าพเจ้าในทางที่สร้างความเชื่อมั่นให้ข้าพเจ้าอย่างสม่ำเสมอ

  • #12 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2009 เวลา 23:13
    ถึงตอนนี้ ได้ผลมา 4 อัน ปรากฏว่าผมประเมินตัวเองเกือบเท่ากับที่อีก 4 ท่านประเมินผมเลยครับ “Others Trust Me” ต่างกัน 1% และ “Personal Credibility Index” เท่ากันเป๊ะเลย

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.73894500732422 sec
Sidebar: 1.8110048770905 sec