ความมั่นคงสามแนวทาง 1.1
อ่าน: 2892บทเรียนและสถานการณ์ต่อเนื่องจากน้ำท่วมใหญ่คราวนี้ ทำให้ผมมานั่งเพ้อเจ้อต่อถึงบันทึกเก่า [ความมั่นคงสามแนวทาง เพื่อให้อยู่ได้]
น้ำท่วมใหญ่ความนี้ เห็นว่าคนช่วยเหลือตนเองไม่ได้เยอะครับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เรียกว่าภัยพิบัติหรอก แต่น้ำท่วมใหญ่ปี 54 นี้ ต่างกับปีก่อนที่เส้นทางความช่วยเหลือจากส่วนกลางถูกตัดขาด แหล่งผลิตอาหารเสียหายหนักเป็นวงกว้าง อุตสาหกรรมเสียหาย คนตกงาน หลังน้ำลดแล้ว เมื่อการคมนาคมขนส่งกลับมาใช้ได้ เราอาจจะพบความจริงของการขาดแคลน ว่าของที่เคยหาซื้อได้ อาจจะหาไม่ได้ หรือราคาแพงขึ้นมาก… ก็ดีไปอย่างที่จะได้แยกแยะกันได้ซะที ระหว่างความอยากกับความจำเป็น
แต่ในเรื่องของความอยู่รอดนั้น นอกจากปัจจัยสี่แล้ว ยังมี “อาหาร น้ำ พลังงาน” ซึ่งต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ สิ่งเหล่านี้ ใช้เรื่อยๆ และไม่อาจเนรมิตมาได้ทันอกทันใจ เราไปติดกับความสะดวกสบายของการใช้เงิน มีเงินซะอย่าง ซื้ออะไรก็ได้ น้ำท่วมคราวนี้ คงได้บทเรียนกันว่าไม่แน่เสมอไป ว่าข้าวของแถวบ้าน แม้มีเงินจะซื้อ แต่ไม่มีของขายเพราะสินค้าเอามาส่งไม่ได้เนื่องจากน้ำท่วมถนน ท่วมโรงงาน หรือท่วมโกดังสินค้า
อาหาร
มีอยู่สองแนวครับ แบบแรกคือผลิตตามฤดูกาล เก็บไว้ในสต็อค แล้วทะยอยกิน ซึ่งขึ้นกับความมั่นคงของที่จัดเก็บ
อีกอย่างหนึ่งคือทะยอยปลูกพืชระยะสั้น (อายุเก็บเกี่ยว 60-110 วัน ขึ้นกับชนิดและพันธุ์) พืชชนิดหัว เก็บไว้ได้นาน แต่มีอายุเก็บเกี่ยวไม่ต่ำกว่า 8 เดือนหลังจากปลูก ข้าว 3-4 เดือน แต่ถั่ว ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน จะเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่านั้น แนวทางแบบนี้ ขึ้นกับลมฟ้าอากาศที่จะอำนวยให้ปลูกในช่วงเวลาต่างๆ ได้แค่ไหน
ไม่ว่าแนวใด ก็คงไม่ใช่คำตอบสำเร็จ อาจจะต้องใช้ทั้งสองแนว หรือทุกแนวที่นึกขึ้นมาได้ครับ ยังต้องมีกระบวนการแปรรูปอย่างง่ายๆ เช่นการหีบเย็น เอาไว้กลั่นน้ำมัน หรือการโม่แป้ง ฯลฯ
น้ำ
เรามองกันแต่น้ำผิวดิน ที่จริงแล้วน้ำใต้ดินมีมากกว่าน้ำผิวดินเสียอีก น่าเสียดายที่เราคิดแต่จะใช้น้ำบาดาล แต่ไม่ยอมลงทุนเติมน้ำใต้ดินเลย ฝนตกก็ปล่อยทิ้งไปเฉยๆ ปล่อยให้ไปท่วมที่อื่น ถ้าน้ำฝนกักเก็บไว้ใช้ได้ ในส่วนที่กักเก็บไว้ไม่ไหว ก็ปล่อยลงบ่อเปิด ซึ่งเป็นการเติมน้ำใต้ดินอีกด้วย
กระบวนการเกี่ยวกับน้ำ ก็ยังมีเรื่องของการทำความสะอาดจนอยู่ในระดับที่บริโภคได้อย่างมั่นใจ
พลังงาน
เดิมที มองเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะเป็นที่แน่ชัดว่าถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ จะไม่ทำให้โลกร้อนขึ้น เนื่อจากโลกถูกดวงอาทิตย์เผาอยู่ครึ่งโลกทุกวันอยู่แล้ว แต่การนำเอาพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้นั้น ดูจะใหญ่โตเกินตัว ก็เลยเบนเข็มไปเป็นการเผา biomass ครับ
การหมักมูลสัตว์ผลิต biogas น่าจะเวิร์คสุด ไม่ว่าจะเอา biogas ปั่นไฟฟ้า หรือว่าเติมรถยนต์ ก็ต้องทดลองล่วงหน้าจนรู้จริงก่อนทั้งนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ gasification ของซากต้นไม้ อันนี้ก็น่าสนมาก และต้องลองทำล่วงหน้า
« « Prev : ฟื้นฟูไม่ใช่แค่ทำให้เหมือนเก่า
Next : ผลิต Biochar อย่างจริงจัง (4) » »
2 ความคิดเห็น
ผมลืมเรื่องความรู้มือสองที่สำคัญไปเรื่องหนึ่ง คือควรมี Wikipedia ภาษาอังกฤษพร้อมรูปไว้กับตัวด้วย
ในส่วนของผมนั้น ใช้โปรแกรม Wiki Offline โหลดตัวหนังสือทั้งหมดมาไว้ในโน๊ตบุ๊ค ส่วนรูปนั้น เมื่อเปิดหาบทความด้วยโปรแกรม มันก็จะโหลดทั้งรูปและตัวหนังสือจาก Wikipedia ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทำให้เราได้บทความล่าสุดสำหรับเรื่องที่สนใจเสมอ
[...] [ความมั่นคงสามแนวทาง] ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ [...]