ชาวบ้านริมแม่น้ำ

โดย Logos เมื่อ 14 September 2011 เวลา 12:59 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว, เทคโนโลยีชาวบ้าน #
อ่าน: 6575

ได้รับอีเมลจากตัวแทนชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนที่อยุธยาซึ่งอยู่ติดแม่น้ำ และอยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วมครับ

เรียน ท่านผู้มีจิตศรัทธาและมีน้ำใจ

เรื่อง ขอความช่วยเหลือจากผลกระทบน้ำท่วมหนัก

ผมเป็นตัวแทนชาวบ้าน จะของบประมาณในการสร้างสะพาน เนื่องจากน้ำท่วมสูง และกระแสน้ำแรง ประชาชนในหมู่บ้านต้องเดินทางไปทำงานหรือติดต่อกับ ภายนอกด้วยความยากลำบาก เพราะหลายคนทำงานโรงงาน ต้องใส่ชุดอยู่บ้านลุยนำ ออกไปเปลี่ยนชุดข้างนอก ที่ถนนใหญ่ทั้งชายและหญิง เพื่อขึ้นรถไปทำงาน พายเรือก็เป็นความเสี่ยงที่เรือจะล้ม เพราะกระแสน้ำแรงมากต้องพายทวนกระแสน้ำ และเรือมักจะล้มอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจากสภาพปีที่แล้ว (2553) เป็นความลำบากมาก และเมื่อมาถึงปีนี้น้ำก็มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และน่าจะคงสภาพความลำบากเช่นนี้อีกนาน เพราะอีกฝั่งกั้นขั้นดินไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนนา ซึ่งระยะทางในการออกไปถนนใหญ่ประมาณ 3-4 ร้อยเมตร จึงเรียนมาเพื่อขอคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือ ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 14 ต.ปากกราน อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา ส่วนรายละเอียดต่างๆสามารถติดต่อผมได้ ที่ 089-xxxxxxx ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

ด้วยความเคารพและขอบคุณ

อับดุสสลาม xxxxxxxx

ตัวแทนชาวบ้านผู้เดือดร้อนจากผลกระทบน้ำท่วม

จดหมายไม่ได้เจาะจงแต่ส่งมาถึงมูลนิธิ เช้านี้ผมติดต่อกลับไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันประมาณ 15 นาที และได้ความว่าอยู่ติดกับวัดไชยวัฒนาราม อยุธยา ตรงนั้นมีสภาพเป็นคุ้งน้ำ ทำให้น้ำพัดเข้าพื้นที่ด้วยความแรง จนเรือพายล่มได้บ่อยๆ ชาวบ้านต้องลุยน้ำออกมาหลายร้อยเมตร ผู้หญิงลำบาก น่าเห็นใจมากครับ

สำหรับเรื่องสะพานไม้ยาวหลายร้อยเมตรที่ขอมานั้น เกรงว่าจะเกินกำลังของมูลนิธิ หากทำให้หมู่ 14 ชาวบ้านหมู่อื่นก็คงตั้งคำถามว่าทำไมเขาไม่ได้บ้าง จะเป็นเหตุให้ชุมชนแตกแยกได้ และระดับน้ำในปัจจุบัน ก็ยังไม่ใช่ระดับน้ำสูงสุดเนื่องจากน้ำเหนือยังมีปริมาณอีกมาก แล้วยิ่งกว่านั้น การออกจากบ้านมาขึ้นสะพาน ก็ยังเปียกอยู่ดี

เรื่องนี้มีสามประเด็นครับ

  1. ด้วยสภาพของพื้นที่ ทำกำแพงเบี่ยงเบนกระแสน้ำได้ยาก เนื่องจากแนวกระสอบทรายเบี่ยงเบนน้ำ ตัดทับซอยที่เป็นทางเข้าออกหลายซอย
  2. กระแสน้ำมีความแรงมาก เรือของชาวบ้านที่พอมีอยู่ ล่มได้
  3. สืบเนื่องจากกำลังของน้ำ พายเรือทวนน้ำกระแสน้ำไม่ไหว

แค่แสดงความเห็นใจนั้น ไม่พอแล้วครับ ต้องหาทางช่วยเหลือด้วย ตอนนี้เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้าแล้ว

ผู้อ่านท่านใดมีข้อเสนอไหมครับ ข้อเสนอของทางออกควรจะใช้ได้กับพื้นที่ริมน้ำซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน คือน้ำแรง

สำหรับกรณีนี้ ผมคิดว่าดัดแปลงเรือแจวให้เป็นคาตามารัน (รูปทางขวา) เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของเรือไม่ให้ล่มง่าย แทนที่จะมีแขนเดียว เราอาจทำสองแขนเลยได้ (รูปข้างล่าง) โดยเพิ่มทุ่น (ท่อพีวีซที่เอาถุงพลาสติกปิดหัวปิดท้าย) โยงด้วยแป๊บเหล็กข้ามลำเรือ มัดด้วยเชือกติดกับลำเรือ และโผล่ออกไปทั้งสองด้านของลำเรือ เรือก็จะไม่พลิกคว่ำ; ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ ใช้เครื่องตัดหญ้าสะพายบ่า เปลี่ยนใบตัดหญ้าเป็นใบพัดแบบที่อาจารย์ทวิชเคยบอกไว้ก็ได้ครับ ราคาไม่เกินสี่พันบาทก็ซื้อได้ เปลี่ยนใบตัดหญ้าเป็นใบพัด ก็จะเป็นเครื่องเรือวิ่งทวนน้ำได้ ส่วนการดัดแปลงเรือ ราคาคงไม่เกินพันบาท แถวนั้นทำนา บางทีอาจจะมีเครื่องตัดหญ้าแบบนี้อยู่แล้วก็ได้

แถวนั้นมี “เด็กที่ไม่ได้ทำอะไร” คอยช่วยอยู่บ้าง ก็ให้เด็กขับเรือ “ทำธุรกิจ” นี้เลยครับ โดยขอให้เก็บค่าโดยสารวันละไม่เกิน 5 บาท (ขาออก จ่ายเงินแล้วให้คูปองไว้ใช้ขากลับ) เงินที่เก็บมา ก็เอาไปเติมน้ำมัน และแบ่งให้เจ้าของเรือ เจ้าของเครื่องตัดหญ้า อะไรทำนองนั้น… ที่ให้เก็บเงินถูกๆ ก็เพราะมีค่าใช้จ่ายครับ เงินจำนวนนี้ ถือว่าช่วยค่าน้ำมันกัน

« « Prev : ถังหมักของเสียจากส้วม

Next : ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่เนคเทคครบรอบ 25 ปี » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 September 2011 เวลา 22:05

    ขออนุญาตเสนอความคิดเห็นที่ออกจะกว้างๆไปหน่อยนะครับ

    1. หากผมเป็นชาวบ้านมีทางไหนที่จะส่งข่าวขอความช่วยเหลือได้บ้างผมก็จะทำ
    2. แต่หากส่งไปสิบแห่ง ตอบกลับมาสี่แห่ง และการช่วยเหลือซ้ำกัน ก็จะเป็นการช่วยที่ขาดการบูรณาการ หรือสะเปะสะปะ
    3. การช่วยเหลืออาจไม่ตรงกับความต้องการ ตามลำดับความสำคัญ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย..
    4. ปกติทางจังหวัดมีศูนย์ประสานงานเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงขาดทีมงานที่มีประสิทธิภาพ (เดาเอานะครับ) เงินช่วยเหลือก็มีจากรัฐบาล มากน้อยแล้วแต่
    5. แต่ละจังหวัดมี 50 ล้านบาทในกระเป๋า ตลอดเวลา ซึ่งผมทราบมานานแล้ว ว่าจังหวัดมีงบแก้ปัญหาภัยพิบัติใช้ได้ทันที 50 ล้านบาท เพราะตอนอยู่มุกดาหารก็ของบตัวนี้มาแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ทำงาน ผ่านอำเภอ แต่นั่นเป็นกรณีเล็กน้อย แต่ลุ่มเจ้าพระยานั้นสาหัสกว่ามากนัก
    6. ผมเสนอแบบทุบกำปั้นว่า ต้องมีอาสาสมัคร ลงไปคุยกับพื้นที่ แล้ววิเคราะห์ว่าอะไรควรทำก่อนหลัง มากน้อยแค่ไหน จำนวนเท่าไหร่ แล้วเอาไปเสนอต่อศูนย์การแก้ปัญหาของจังหวัดที่มีงบประมาณมากกว่า 50 ล้านแล้วผมว่ารัฐคงส่งไปเพิ่มแล้วครับ
    7. หากทำเช่นนี้ จะตรงจุดมากกว่า และเห็นสภาพจริง คุยกับผู้เดือดร้อนจริง สรุปความต้องการจากของจริง แล้วใช้ระบบ Triage คือ ความเดือดร้อนนั้นมากมาย แต่เมื่อจัดลำดับความสำคัญโดยผู้เดือดร้อนเองมีส่วนร่วมก็น่าที่จะเข้าใจกันดี และต้องยอมรับว่า มีหลายความเดือดร้อนที่อาจไม่สามารถแก้ได้ในทันที การลงไปพูดคุยจะเกิดความเข้าใจ ยอมรับกันมากกว่า
    8. หากทำไม่ได้ ไม่มีคน ไม่มีอาสาสมัคร ไม่มีเวลา ความเห็นข้างบนก็แค่ความเห็นที่เก็บเอาไปใตร่ตรองในเวลาอันเหมาะสมได้ แล้วก็ช่วยแบบผู้อยู่ทางไกลช่วยผู้ประสบภัย ซึ่งก็ทำได้ เหมือนที่ทำกันทั่วไป ซึ่งขอย้ำว่าดี ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยครับ

    ได้ข่าวว่าบ้านผมที่วิเศษชัยชาญที่น้องสาวครอบครองอยู่ก็ปริ่มๆน้ำแล้ว เตรียมขนย้าย อพยพไปไว้บ้านหลังใหญ่เหมือนกันครับ

    สำหรับยานพาหนะ หรือเรือนั้น ต้องเป็นเรือใหญ่ แต่เรือใหญ่ก็ใช้พลังงานมากในการค้ำถ่อ แต่มั่นคงกว่า แต่คงหายากที่จะได้มาบริการ
    สำหรับน้ำแรงๆนั้นอันตราย ผมนึกถึงเรีอ hovercraft ที่ทหารไอ้กันใช้ในสงครามเวียตนาม ซึ่งช่างชาวบ้านที่วิเศษชัยชาญเคยประดิษฐ์ขึ้นใช้เอง และใช้ได้ดี บ้านเรามี เครื่องร่อนที่เรียก พาราชู๊ท ที่ใช้เครื่องดันข้างหลัง เครื่องนี้ดัดแปลงเอาไปติดเรือเบาๆก็น่าจะใช้รับส่งคนได้อย่างรวดเร็วและไปได้ทุกทีไม่ว่าน้ำตื้นน้ำลึก แน่นอนเรือแบบนี้เอาไว้ใช่ช่วยคนฉุกเฉิน เช่นคนป่วยต้องไปโรงพยาบาล เพราะมีความเร็วมาก แต่ก็อาจไม่เหมาะกับท้องถิ่นในลักษณะ ต้นทุนถูก ใครๆก็ทำได้ เพราะเครื่องมีราคาเป็นแสน ในกรณีน้ำแรงนั้น เกรงว่า เครื่องตัดหญ้าอาจสู้ไม่ไหว ผมก็คิดไปเรื่อยโดยไม่มีความรู้ด้านนี้นะครับ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 September 2011 เวลา 4:08
    กรณีที่น้ำแรงนั้น เรือผิวน้ำทุกชนิดมีความเสี่ยงครับ hovercraft ก็แพง แต่ไฮโดรฟอล์ยอย่างใน http://lanpanya.com/wash/archives/2588 อาจจะพอไหว เครื่องเรือก็เอาเครื่องที่ใช้บึ่งแข่งกันนั่นละครับ 13 แรงม้าคงพอ
  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 September 2011 เวลา 12:48
    โทรกลับไปตามเรื่องหลายครั้ง ติดต่อไม่ได้เลยครับ

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.76364898681641 sec
Sidebar: 0.16050004959106 sec