ผมมีน้องสามคน แต่งงานไล่ขึ้นมาตั้งแต่น้องคนสุดท้อง ปีนี้หลานคนโตเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว แม่เค้าดูแลลูกอย่างดีทุกคน หลานผมเรียนเก่งเล่นเก่ง สอบตรงเข้าคณะโก๊ะศรีที่ไม่เหน่อ และเข้านิเทศสามย่านได้
ดีใจกันทั้งบ้าน แต่ไม่ได้คลั่ง
ย้อนหลังไปสามสิบกว่าปี ผมมีอาการอย่างนี้มาก่อน เพิ่งเอ็นท์ติด ยังไม่ทันจบเลย ดีใจแล้ว; เมื่อจบแล้ว ยังไม่ทันประสบความสำเร็จเลย ดีใจอีก; ตอนนี้นะ ทั้งจบจากคณะมีชื่อ ทั้งผ่านความสำเร็จที่น้อยคนจะเคย ยังรู้สึกเฉยๆ เลย
ความพอใจหรือไม่พอใจ มาเร็วไปหรือเปล่า มันเป็นเพียงอารมณ์ ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ไม่ได้อยู่นานเลย
สมัยผมสอบเอนทรานซ์ วันแรกเลยสอบคณิตศาสตร์ ปีนั้นมีคณิตศาตร์แผนใหม่มาสอบด้วย นักเรียนจึงเลือกทำข้อสอบแผนใดก็ได้ ให้ขีดฆ่าอีกฝั่หนึ่งออก ปัญหาคือผมไม่ได้ขีดออกหรอกครับ กลับบ้านมาทบทวน รู้ตัวว่าทำผิดคำสั่ง ก็เลยฟุ๊งซ่านว่าวืดแน่ ถ้าคณิตศาสตร์ได้ศูนย์ ไม่ติดแน่
พ่อมาปลอบ บอกว่าถ้าจะเรียน เรียนที่ไหนพ่อก็ส่งได้ นั่นแหละจึงได้สติครับ ผลเป็นอย่างไร ยังไม่รู้เลย จะตีโพยตีพายไปล่วงหน้าทำไม
ปรากฏว่าผมตอบแต่ส่วนของคณิตศาสตร์แผนเก่า แม้ไม่ได้ขีดคำตอบข้อสอบแผนใหม่ออกตามคำสั่ง ก็ไม่ได้ปรับเป็นศูนย์ ผมจึงได้เรียนในคณะที่อยากเรียนมาตั้งแต่เด็ก
ถ้าอยู่กับความเป็นจริง react ต่อผลลัพท์ และรับมันให้ได้ครับ
การเตรียมทางเลือกไว้ล่วงหน้า pro-active ก็เป็นวิธีการที่ดี แต่แยกให้ออกระหว่างความจริงกับความคิด
อะนะ ผมดู DVD เฮหก มาสิบกว่ารอบ ยังยิ้มทุกรอบครับ นั่นล่ะของจริง