ถกเฮ

โดย Logos เมื่อ 17 December 2008 เวลา 11:15 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3321

ที่มาถกกัน ก็เพราะมีสมาชิกและที่ไม่ใช่สมาชิก รู้สึกว่าความคิดเรื่องเฮฮาศาสตร์อาจจะยังไม่ชัดเจนนัก ไม่เป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ หรือเข้าใจยากเนื่องจากไม่มีใครฟันธง ผมจดมาประมาณหน้าหนึ่ง แต่คงจะสรุปในบันทึกนี้ ไม่เหมือนกับที่จดมาหรอกนะครับ

เฮฮาศาสตร์คืออะไร

ก็นั่นนะซิ เฮฮาศาสตร์คืออะไร อย่างนี้เป็นศาสตร์ด้วยหรือครับ

เฮฮาศาสตร์ เป็นความเชื่อในกระบวนการทางใจ เป็นความผูกพัน ใช้สัมผัสเอา — ก่อนจะวิจารณ์ได้ ค้นให้พบเสียก่อนว่าเฮฮาศาสตร์คืออะไร อย่าทำเหมือนไปเที่ยวต่างประเทศ แค่ผ่านไปวันหนึ่งจะบอกว่ารู้จักประเทศนั้นแล้ว เป็นเรื่องที่หลอกตัวเองเกินไป ศาลจะตัดสินอะไร แม้จะเห็นชัดจากแง่ของกฏหมาย+พยานหลักฐาน ก็ยังต้องดำเนินการตามกระบวนการ ไม่ใช่ตัดสินด้วยอารมณ์ ความสะใจ หรือใครขอมา

ไม่ใช่บอกว่าจะ “ต้อง” เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เฮฮาศาสตร์ไม่ได้ผลิตคนออกมาเหมือนกันไปหมดเป็นอิฐบล็อค ไม่ได้เป็นลัทธิที่มีผู้นำคอยสั่งสอนและจูงจมูก ไม่ได้มีความพยายามจะเปลี่ยนคนอื่นให้เหมือนตัวเรา ถ้าเราเข้ากับกลุ่มไม่ได้ และไม่คิดจะปรับเปลี่ยนตัวเอง ก็ไปหากลุ่มอื่นได้

เฮฮาศาสตร์เป็นแบบจำลองพลวัตของสังคม มีความเกรงใจกัน มีความเชื่อถือ มีความเกื้อกูล แต่ไม่มีใครสั่งใครให้ทำอะไร สมาชิกแต่ละท่าน มีดีกันคนละอย่าง ใช้จุดดีนั้นเพื่อให้สังคมเล็กๆ นี้ อยู่ได้ เป็นระบบเครือญาติ ที่ในขณะนี้ ใช้ lanpanya.com เป็นเครื่องมือเชื่อม เสริมด้วยการพบปะกันเป็นครั้งคราว ทั้งกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย

คำว่า “เฮฮาศาสตร์” ที่จริงเป็นคำเรียกขานแนวคิดอันนี้ จัดเป็นรูปแบบอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาแล้วไม่ได้ศึกษาพิจารณาอย่างถ่องแท้ ก็จะไปติดกับประสบการณ์ส่วนตัวว่า เฮฮา กันอย่างเดียว ซึ่งเรื่องนั้นก็เป็นปัญหาส่วนตัวของผู้ประเมินครับ

แท้ที่จริงแล้ว แก่นของเฮฮาศาสตร์ คือปฏิสัมพันธ์ของคน ที่ยอมรับในความแตกต่าง และมีเป้าหมายเพื่อสมาชิกทั้งกลุ่ม และการช่วยเหลือกันในกลุ่ม เฮฮาศาสตร์อาจจะไม่เหมาะกับพวกติดภาพลักษณ์ของตนเอง หรือเน้นที่ฟอร์มมากนัก — นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของกลุ่ม — เฮฮาศาสตร์ ไม่ใช่ศาสตร์ทางวิชาการ แต่ผมคิดว่าวิชาการอาจลึกไม่พอจะอธิบายเฮฮาศาสตร์ด้วยซ้ำไป

ศาสตร์ของจิตใจคน

ผมเห็นว่าสุดยอดของศาสตร์แห่งจิตใจคือพุทธศาสตร์ แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งสมาชิกแต่ละคนยังวางไม่ลง (ก็คนนี่หว่า) เป้าหมายยังอยู่อีกไกลมาก การเดินไปสู่จุดหมายปลายทาง จึงเปลี่ยนเป็นการเดินไปให้ถูกทิศทาง ถ้าเป๋ ก็ช่วยกันดึงกลับมา เฮฮาศาสตร์เป็นกระบวนการตามธรรมชาติ พัฒนาต่อเนื่อง อาจมีหลักชัยย่อย (Milestone) ได้หลายอัน แต่ไม่ได้วัดด้วยกะปิ (KPI)

เฮฮาศาสตร์มีเป้าหมายที่ความสุขหรือ? ผมคิดว่าความสุขเป็นผลพลอยได้ครับ; ความสุขมาเอง เมื่อเรามีความเป็นมนุษย์ที่มากขึ้น ทำหน้าที่อย่างไม่บกพร่อง (ผมไม่ได้ใช้คำว่า “หน้าที่ของเรา” เพราะว่ามีเรื่องอีกมากมายที่สมควรทำแม้ไม่ใช่หน้าที่) — ความสุขเป็นผล ส่วนการกระทำเป็นเหตุ หว่านพืชอย่างใดไว้ ก็ได้ผลอย่างนั้น ถ้าต้นไม้ไม่ตายไปเสียก่อน

คนเรามีความแตกต่างกัน ถ้าจะอยู่ด้วยกันได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการ impose หรือการยัดเยียดความคิดของเราให้กับผู้อื่น แบบที่สอนทฤษฎี หรือการสื่อความคิดทางเดียวแบบการบรรยาย; โลกนี้จะเลวร้ายเพิ่มขึ้น ถ้าเราสร้างคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ แบบเดียวกับตัวเราขึ้นมาอีก ดังนั้น ถ้าจะทำอะไร ก็ทำให้ดีกว่า “ตัวเรา” คนเดียวก็แล้วกันครับ

ถ้าต้องการจะนิยามเฮฮาศาสตร์ให้ชัดเหมือนจุดแดงตรงกลางเป้า (Bull’s eye) ควรไปเล่นปาเป้าครับ (Darts); ในเฮฮาศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องมาเคลมสร้างภาพว่าใครแค่ไหน เพราะในที่สุดแล้ว ทุกคนจะเห็นเอง และเรารับกันได้ในแบบที่แต่ละคนเป็น เพราะว่าคนที่สมบูรณ์แบบ ตายไปหมดแล้ว ส่วนใครที่พยายามบอกว่าตัวสมบูรณ์แบบ ก็ตอแหล อิอิ

« « Prev : โลกร้อน (2.4)

Next : ต้านสแปมในบล็อก » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 December 2008 เวลา 12:20

    ต้องรู้วิธีเฮแบบธรรมชาติ
    จึงจะ เป็น อยู่ คือ เฮๆฮาๆ ..ได้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
    ถ้าเฮแบบตั้งใจ..เดี๋ยวก็โดน..ดัดจริตเฮ อิ อิ
    จะไปทดลองฮาเฮก่อน ถึงจะมาเล่าบทเฮฮาได้
    ที่จริงก็ไม่รู้จะยุ่งไปทำไม
    อ้าปากเห็นลิ้นไก่ ปล่อยเสียงประหลาดๆ คิก คิก แค๊ก แค๊ก ออกมา ก็ อิ อิ แล้ว

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 December 2008 เวลา 14:15
    พระอาจารย์ชัยวุธ ซึ่งสอนปรัชญาที่ มจร. ท่านเคยเล่าไว้หลายครั้งครับว่า ความจริง มีเหตุผล(เสมอ) แต่เหตุผล(อาจ)ไม่ใช่ความจริง — ที่หนักที่สุดคือการนึกไปเองว่ารู้ แต่ที่จริงก็แค่คิดไปเอง

    ทั้งนี้ ผมยกย่องความพยายามที่จะทำให้ชัดนะครับ มันเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เพื่อสอบทานความเข้าใจ ตั้งคำถามแบบนี้ ดีกว่าไม่รู้แล้วตัดสินไปเลย เพียงแต่จนปัญญาที่จะอธิบายนามธรรมด้วยต้วหนังสือหรือรูปภาพ สำหรับ “ผู้ติดโลก” ใช้หลักชัยย่อยชี้ อาจดีกว่าครับ

  • #3 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 December 2008 เวลา 20:26

    เข้ามาอ่าน ถูกใจค่ะ ที่บอกว่าคนเราไม่สามารถเหมือนกันทุกอย่าง (เพราะไม่ได้โคลนนิ่งกันมา อิอิ) แต่ละคนมีความคิดต่างกัน แต่สามารถหาจุดลงตัวร่วมกันได้ ทุกอย่างเฟคไม่ได้ เป็นไปตามธรรมชาติ  อิอิ

  • #4 born2011 ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 July 2011 เวลา 10:22

    ดังนั้น ถ้าจะทำอะไร ก็ทำให้ดีกว่า “ตัวเรา” คนเดียวก็แล้วกัน ชอบและโดนใจมากเจ้าค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.25887989997864 sec
Sidebar: 0.14495801925659 sec