ประเทศไทย…ยังไงต่อ
อ่าน: 3044ทีแรกจะใช้ชื่อบันทึกว่าประเทศไทย…อะไรกันวะ แต่คิดว่าเขียนไปอย่างนั้น เป็นเพียงการระบายความอีดอัด แล้วก็ไม่ได้อะไร
ผมไม่รู้ว่าเมืองไทยจะเดินต่อไปได้ยังไง ในเมื่อต่างฝ่ายต่างยึดถือว่าตัวเองถูกต้อง และเป็นความถูกต้องบนผลประโยชน์ของตัวเอง แทนที่จะเป็นประโยชน์ของส่วนรวม
ถ้าประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อน ตัวเองก็จะได้ประโยชน์ด้วยครับ เพราะตัวเราเอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมเหมือนกัน
แต่ถ้าคิดกลับกัน เอาประโยชน์ของตัวเองมาก่อน ส่วนรวมรับกากเดนเศษๆ ไป หรือไม่ได้อะไรเลยเพราะโดนดูดไปหมดแล้ว จะเกิดคนทุกข์ยากที่ไม่พอใจขึ้นจำนวนมาก แล้วก็จะตามมาด้วยความวุ่นวาย
ตัวใหญ่ที่โกยเนื้อๆ ไปก่อน หนีไปที่ไหนก็ได้เนื่องจากมีพอ ส่วนพวกผู้สมรู้ร่วมคิด กะทำเนียนตามน้ำ ไปไหนไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องติดแหงกอยู่กับผลที่ตนสร้างไว้
อย่างว่าล่ะครับ ใครทำอะไร ต่างก็คิดว่าตัวถูกทั้งนั้น ไม่งั้นจะทำไปทำไม ซึ่งปัญหาใหญ่ที่ไม่ค่อยคิดกัน คือที่ว่าถูกนั้น มันถูกจากมุมของตนเท่านั้น แต่อาจจะผิด หรือมีถูกกว่าจากมุมอื่นก็ได้ ทำไมมุมมองของเราเท่านั้นจึงถูกต้องที่สุด เรารู้ทุกสิ่งทุกอย่างหรืออย่างไร???
ต่อให้มอง “ความจริง” หรือแม้แต่ “ความถูกต้อง” ก็ยังมีหลายมุมมองครับ กฎหมายซึ่งยึดถือกันว่าเป็นกติกาของสังคม ยังตีความได้หลายมุม ทำไมจึงตัองเป็นมุมมองของเราเท่านั้น จึงจะถูกต้องที่สุด
พอไม่พอใจก็ประท้วง นึกจะทำอะไรก็ทำ ใครจะเดือดร้อนไม่สนทั้งนั้น ยิ่งเดือดร้อนยิ่งดี ข้อเรียกร้องจะได้มีโอกาสสำเร็จง่ายขึ้น; คนอยู่บนเวที อยากจะพูดอะไรก็พูด ส่วน “ข้างล่าง” ตะโกนสนับสนุนได้อย่างเดียว
ถ้าประโยชน์ส่วนตน มากก่อนประโยชน์ส่วนรวมอย่างนี้ สังคมไทยจะอยู่กันอย่างไรครับ
…ว่าแล้วก็บ่นตามเคย…
« « Prev : ย่าเหล
Next : การวิพากษ์ที่ไม่อยู่บนความเป็นจริง คือการฟุ้งซ่าน » »
7 ความคิดเห็น
หงุดหงิดไปทำไมล่ะโยม ?…….
บ่นเพื่อให้ตัวเองรับรู้ว่า ยังมีใจนะซิ บ่นเพื่อปล่อยลมลุกโป่งในใจทิ้ง ก็บ่นเหอะ ปล่อยลมแล้วก็อย่าสูบลมกลับไปใส่ในอกอีกก็แล้วกัน
บอกคนข้างบนนู้นว่าบางเรื่องบ่นๆไปแล้วก็เห็นทางแก้เหมือนกันเน้อ เหมือนว่าพูดให้ตัวเองฟังไงเพ่ บ่นแบบไม่หงุดหงิดนะ เคยลองมั๊ย สนุกดีนะ ลองดูซิ
การขาดเป้าหมายร่วม จะทำให้ต่างคนต่างเดินกันไปคนละทาง แทนที่จะเกิดการรวมพลัง กลับทำให้ต้องมาขัดแย้งกัน รบราบั่นทอนกำลังกันเองภายใน เพราะว่ามนุษย์มีความเป็นปัจเจกเป็นพื้นฐาน จึงมีความแตกต่างเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่มีการรวมพลังกัน ก็ไม่รู้จะรวมกันอยู่ทำไม — ซึ่งนั่นก็เป็นอีกคำถามหนึ่งว่าเมืองไทยมีเป้าหมายร่วมกันหรือไม่ แล้วเราทำอะไรเพื่อเป้าหมายร่วมกัน (ถ้ามี) หรือไม่
อยากเรียกว่า สังคมศรีธนชัย อิอิ
หัดเป็นสังคม อิ๊กคิวซัง เณรเจ้าปัญญา ก็น่าจะดีนะ…อิอิ
พี่เคยเรียกสังคมไทยปัจจุบันว่า สังคมกึ่งสำเร็จรูป ตอนนี้ขอเพิ่มคำว่า สังคมกึ่งสำเร็จรูปแบบขอตัวช่วย
ไม่ว่าในแง่การเรียน ก็จะนิยมข้อสอบปรนัยมีตัวเลือก เหลือแค่พิจารณาตัวเลือกเพื่อให้รู้สึกว่าได้เลือกแล้ว
เวลาสงสัยอะไรก็จะถามแบบรอคำตอบจากคนอื่นแล้วเอาไปปรุงแต่งกลิ่นสี เติมไข่ ได้คำตอบใหม่ที่คิดว่าเกิดจากความคิดของตัวเอง
การตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ ก็จะมีตัวเลือกและตัวช่วย มีคนตัดสินใจให้ ถ้าเกิดปัญหาก็ยกหน้าที่ให้คนตัดสินใจหรือตัวช่วยรับผิดชอบไป
ถ้าหากว่าขาดเงินก็ไปหาตัวช่วยจะกู้หรืออะไรก็ได้ขอให้ได้ใช้เงินด่วนๆ พอไม่มีเงินจ่ายเขา ก็ร้องเรียนว่าถูกหลอกฯลฯ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เกิดจากการไม่นึกถึงคำสอนว่า ตนเป็นที่พึ่งของตนเลย
บ่นเถอะค่ะ บ่นแบบนี้ทำให้คนอ่านซาบซึ้งว่า ปัญหามีไว้บ่น….อิอิ