นิสิต SAR จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 58

อ่าน: 2754

นิสิตในสำนักงานคณะกรรมการศึกษาวิจัยทรัพยากรการเกษตร (SAR ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก OCARE) เป็นรุ่นที่สามที่มาส่วนป่า แต่เป็นรุ่นที่สี่ของคณะ (รหัส 56) ซึ่งประกอบไปด้วยนิสิต 48 คน อาจารย์ 4 ท่าน รวมท่านคณบดีด้วย และเจ้าหน้าที่อีก 1 ท่าน เป็นบัณฑิตรุ่น 1 ของ OCARE ซึ่งมาเยือนสวนป่าระหว่างวันที่ 5-7 มิย 58

วันแรก คณะเดินทางมาจากสระบุรี มาถึงแล้วพักรัปทานอาหาร ก่อนฟังครูบาคุยสักครู่ แล้วเริ่มเรียนกับผมเลยครับ คุยกันเรื่องการเรียนรู้ที่สวนป่า ซึ่งชวนสังเกตรื่องเกี่ยวกับชีวิต ไม่จัดเป็นวิชา ไม่มีหลักสูตร ต้องสังเกตและจับประเด็นเอาเอง เห็นไม่เหมือนกัน ได้ไม่เท่ากัน ก็ไม่เป็นไร แล้วเราก็คุยกันเรื่องความมั่นคงสามแนวทาง อาหาร น้ำ พลังงาน ทำไมจึงสำคัญแบบคอขาดบาดตาย คุยกันเรื่องไบโอชาร์ในฐานะของเครื่องมือปรับปรุงดิน กับเรื่องโซลาร์เซล อย่างละนิดหน่อย แล้วคุยเรื่องการเริ่มต้นออกไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ทำอย่างไรจึงจะเริ่มต้นได้ แล้วปล่อยกลับไปเก็บของเข้าที่พัก แล้วกินข้าวเย็นกัน… มีถอดบทเรียนกันเองทุกคืนหลังอาหารเย็นครับ

อ่านต่อ »


รอบปีที่หกในการเป็นบล็อกเกอร์ที่ลานปัญญา

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 July 2014 เวลา 14:08 ในหมวดหมู่ ลานปัญญา #
อ่าน: 4507

ความจริงครบรอบหกปีไปตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. ครับ แต่งานเยอะเลยไม่ได้เขียน อีกอย่างหนึ่ง มันก็แค่อีกวันหนึ่งเท่านั้น

ในปีที่ผ่านมา ผมไม่ได้เขียนเรื่องบนลานซักล้างมากนัก เขียนไปเพียง 18 บันทึก (จากปีแรก:470 ปีที่สอง:343 ปีที่สาม:371 และปีที่สี่:247 บันทึก ปีที่แล้ว:34 บันทึก) เดิมคิดว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับทุกกลุ่มที่เข้ามาเรียนที่สวนป่า แต่ก็ไม่รู้จะเขียนได้หมดอย่างไร

ปีนี้มาอยู่สวนป่าครบสองปีแล้ว ปรับปรุงไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็เป็นแนวของความมั่นคงสามแนวทาง (อาหาร น้ำ พลังงาน) โดยจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายคือการพึ่งตัวเองได้เรื่องพลังงานทำสำเร็จแล้ว คำว่าพึ่งได้นี่หมายความว่าหากไฟฟ้าจากภายนอกดับลง สวนป่าจะยังมีไฟสูบน้ำ พอมีน้ำ ก็มีอาหาร

อ่านต่อ »


ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์สำหรับสวนป่า

อ่าน: 3500

เรื่องค่าไฟฟ้ามหาโหดก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ความไม่มีเสถียรภาพของระบบจ่ายไฟ เป็นประเด็นสำคัญที่สุดเสมอมาครับ

ไฟดับบ่อย ถ้าดับไม่นานก็ไม่เป็นไร เราอยู่โดยไม่ใช้ไฟฟ้าได้ชั่วคราว แต่ถ้าดับนานเหมือนเมื่อคราวนิสิตแพทย์ จุฬา รพ.ชลบุรีมาเข้าค่ายเมื่อหลายปีก่อน ไฟดับนาน 40 ชั่วโมง สูบน้ำบาดาลไม่ได้ น้ำในหอเก็บหมดลง เดือดร้อนกันมาก

หลักความมั่นคงสามแนวทาง: อาหาร น้ำ พลังงาน เมื่อไม่มีไฟฟ้า ก็ไม่มีน้ำ เมื่อไม่มีน้ำ ผลิตพืชอาหารได้ลำบาก ดังนั้นจึงรวนไปหมด… อาจารย์นันท์ ภักดี จัดสองอาชีวะพลังงานในเขตบุรีรัมย์หลายครั้ง ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม อาจารย์ก็ชวนให้ไปดูด้วย ก็อยากไปล่ะนะครับ แต่สวนป่ามีงานอบรมเหมือนกัน ทิ้งไปไม่ได้ จนวันหนึ่งใกล้จะหมดกำหนดของงานติดตั้งพลังไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่โณงเรียนมีชัยพัฒนา อ.ลำปลายมาศ บุรีรัมย์ ผมชวนครูบากับแม่หวีไปเที่ยวสำเร็จ จึงชวนอาจารย์นฤมลกับฤๅษีอ้นไปด้วย ก็ได้เห็นหลายอย่างครับ แต่ความต้องการของสวนป่านั้น มีชัดเจนอยู่แล้ว

อ่านต่อ »


พ่อแม่มาเยี่ยม

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 January 2013 เวลา 15:00 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4509

บ้านที่สร้างที่หมู่บ้านโลก ในสวนป่า มหาชีวาลัยอีสานนั้น แม้ผมจะย้ายเข้ามาอยู่ได้สองเดือนแล้ว ก็ยังไม่นับว่าเสร็จดีหรอกนะครับ

ยังมีการก่อสร้างบ้านเฟสสองอยู่ หลังที่อยู่นี้ ทำไว้อยู่คนเดียวโดยกำหนดทุกอย่างที่ผมใช้ประจำ อยู่ห่างโต๊ะทำงานผมไม่เกินสองก้าว ถ้าเวลาน้องผมมาช่วยสร้างบ้าน อยู่กันสองคน การจราจรภายในบ้านยังไม่สับสน… เมื่อพ่อแม่มาเยี่ยมระหว่างวันที่ 15-19 ม.ค. 2556 แม้บ้านไม่พร้อม ก็ถือว่าเป็นสิริมงคล พ่อแม่ยกพระมาให้องค์หนึ่ง เข้าประตูหน้าบ้านมา เห็นพระเลย

อ่านต่อ »


กำเนิดหมู่บ้านโลก

อ่าน: 3579

ครูบาขอให้ช่วยเขียนเรื่อง “กำเนิดหมู่บ้านโลก” ไปเสริมหนังสือโมเดลบุรีรัมย์ (Buriram Model) แต่เขียนเรื่องลึกลับอย่างนี้ ยากเหมือนกันครับ

หมู่บ้านโลกไม่ได้เกิดจากเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เรื่องเกี่ยวกับชีวิตนั้น ไม่ใช่สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว มีทั้งเรื่องเหตุผล อารมณ์ ความเหมาะสม การเรียนรู้ ประสบการณ์ ประโยชน์ และความเข้ากันได้

จุดใหญ่ใจความคือ ครูบากับแม่หวีทำงานหนักมาสามสิบปี ปลูกป่าจากที่แห้งแล้งไม่มีอะไรเลย จนเป็นป่าที่สมบูรณ์ พืชพรรณหลากหลาย เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ในนาม มหาชีวาลัยอีสาน มาเป็นสิบปีเช่นกัน มีผู้คนผ่านมาเรียนรู้วิถีธรรมชาติปีละหลายพันคน ทำงานตอบแทนคุณแผ่นดินด้านการศึกษา แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างอย่างชัดเจนว่า คนกับธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุขโดยไม่ต้องเบียดเบียนกัน แต่ใช้วิธีพึ่งพาอาศัยกันและกัน

เรียนในห้อง…ได้ความรู้
เรียนนอกห้อง…ได้ความจริง

เอาความรู้บวกกับความจริง
เราได้…ความรู้จริง

ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ หนังสือ “คนนอกระบบ”

ทั้งครูบาและแม่หวี ต่างอายุมากขึ้นเรื่อยๆ จะให้ทำงานหนักเหมือนสมัยก่อนคงไม่ได้แล้ว สิ่งที่มีค่ามากในตัวท่าน คือความรู้และประสบการณ์ จึงควรใช้สิ่งนั้นให้คุ้มค่าที่สุด แทนที่จะให้ท่านมาออกแรงทำเองทั้งหมดเหมือนก่อน

การทดแทนคุณแผ่นดินเป็นสำนึกของแต่ละคน ไม่ต้องให้ใครเห็นหรือชื่นชม และไม่มีใครบังคับให้ทำหรอกครับ ทำแล้วมีความสุขเอง ถ้าหากมีความพร้อม ยามแก่เฒ่าคงไม่ลำบาก แต่สำหรับชีวิตเกษตรกรซึ่งไม่มีลูกหลานดูแล แล้วปลูกและรักษาป่ามาทั้งชีวิต ตอนนี้แก่เฒ่า จะทำอย่างไรดี ถ้าตัดไม้ขายคงจะรวยอื้อซ่า แต่ว่าป่าคือชีวิตครับ ทั้งสองท่านทุ่มเทอย่างยากลำบากกว่าจะทำให้สวนป่าเป็นป่าที่สมบูรณ์มาขนาดนี้ ตั้งใจจะทิ้งป่าไว้ในแผ่นดินอีสาน

อ่านต่อ »


หมู่บ้านโลก (4)

อ่าน: 3925

ผู้ที่ศึกษาทางพุทธมาบ้าง จะเข้าใจว่าชีวิตเป็นไปตามกฏของไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่สามารถกำหนด บังคับ ควบคุมได้ หากแต่ชีวิตนั้นมีค่า ไม่ควรปล่อยเวลาและศักยภาพทิ้งให้สูญเปล่า (”เรื่องใหญ่ของมนุษย์ มีอยู่แค่เรื่องเดียว คือเรื่องความไม่รู้ ว่าเรื่องใดน่ารู้” — คิดจากความว่าง โดยดังตฤณ)

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เมื่อนำมาปฏิบัติให้ได้ผลแล้ว ชีวิตจะไม่ตกต่ำลง เนื่องจากปัจจัยสี่มาจากดิน เป็นการเก็บกินไม่ใช่ทำกิน ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องเป็นลูกจ้าง ในเมื่อมีชีวิตอยู่ได้ หากสิ่งใดที่ทำแล้วเกิดคุณค่า ต่างเป็นกำไรของชีวิตทั้งนั้น ในเมื่อทุกคนเป็นนายจ้างของตนเอง จะทำกำไรได้มากเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ว่าทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อคนอื่นหรือไม่ และขยันขันแข็งเพียงใด

แต่ว่าร่างกายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา คนจำเป็นต้องหาเครื่องมือผ่อนแรงช่วยให้ เครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนพลังงานรูปหนึ่งเป็นอีกรูปหนึ่ง มีส่วนต่างที่เกิดเป็น “งาน” ขึ้น ซึ่งงานตรงนี้ เรานำเอามาใช้ผ่อนแรง เช่นแทรกเตอร์ ปั้นจั่น ปั๊มน้ำ ลิฟต์ รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ​ เตา ฯลฯ คงจะพูดไม่ได้ว่าอะไรจำเป็นกว่าอะไร เนื่องจากแต่ละคนมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน

ที่กลับมาอัพเดตความคืบหน้าของโครงการหมู่บ้านโลกหลังจากไม่ได้เขียนมาปีหนึ่งนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครเสียกำลังใจ ตรงกันข้ามเลยครับ ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มทำโครงการนี้มาอย่างเงียบๆ (ซึ่งเพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อสิ้นปีที่แล้ว) ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย อยากนำประสบการณ์นี้มาแบ่งปัน เพื่อให้ผู้ที่คิดจะออกจากระบบเมืองแล้วกลับสู่วิถีธรรมชาติ ได้มองเห็นประเด็นและเตรียมตัวต่างๆ ล่วงหน้า ตั้งความคาดหวังให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง เมื่อพาครอบครัวออกไปสู่วิถีนี้แล้ว จะได้ไม่ต้องผิดใจกันว่ามันไม่เป็นอย่างฝันที่โรแมนติค มีอะไรจะต้องทำอีกเยอะเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรก ถ้าคิดว่าจะไปตายเอาดาบหน้า อาจได้เจอดาบเร็วกว่าที่คิดเพราะความไม่รอบคอบครับ

เรื่องความมั่นคงสามแนวทางสำหรับสวนป่าและหมู่บ้านโลกนั้น กล่าวไปแล้วในบันทึกที่แล้วว่าอาหารไม่เป็นห่วงเลย น้ำมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงและปรับปรุงได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องที่ยังไม่ได้พูดนั้นคือเรื่องพลังงาน

อ่านต่อ »


หมู่บ้านโลก (3)

อ่าน: 5394

มีหนึ่งในกลุ่มคนมีการศึกษาที่คิดจะทิ้งเมืองขอให้เล่าความเป็นมา จะขอศึกษาเพื่อนำไปปรับใช้ ผมก็ถือโอกาสนี้อัพเดตโครงการไปด้วย

แผนงานเรื่องของหมู่บ้านโลกปรับเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง แผนที่ยังไม่ดีก็ปรับเปลี่ยนได้ครับ ถ้าไม่เปลี่ยนเป็นการดันทุรังหรือไม่ยอมรับความจริง

เดิมทีคิดจะสร้างที่พักให้ผู้ที่มาเยือนสวนป่า ตอนนี้ไม่ทำแล้ว อาคารเก่ายังใช้ได้ ทำไมจะต้องสร้างใหม่ ที่พักสำหรับวีไอพี จะลองปรับปรุงเตาเผาถ่านดูก่อน น่าจะเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น หมู่บ้านโลกไม่ใช่หมู่บ้านจัดสรร (ไม่ขายที่ ไม่ขายบ้าน ไม่ให้ตัดต้นไม้ ถ้าอยากสร้างต้องขออนุญาตเจ้าที่แล้วสร้างเอง) ไม่ใช่รีสอร์ต (ไม่ใช่ว่ามีเงินจ่ายก็เข้าอยู่ได้ ถ้าไม่อยากมาเรียนรู้ อยู่บ้านสบายๆ ดีแล้วครับ ไม่มีรูมเซอวิส จะทำอะไรต้องทำเอง) และไม่ใช่โรงทาน (สวนป่ามีค่าใช้จ่าย อย่าแอ๊บลืมนะครับ)

บ้านผม ครูบากรุณาจัดที่เหมาะให้ เนื้อที่สักไร่หนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ในชายป่า พายุมาก็พัดข้ามยอดไม้ไปหมด… ขยับมาเป็นครั้งที่สามแล้วครับ ครั้งแรกเป็นที่โล่งซึ่งตอนนี้คิดว่าเอาไปปลูกไร่ทานตะวันน่าจะดี ครูบาบอกว่าคนสันโดษ(และกวนโอ๊ย)อย่างผม อยากให้อยู่สงบๆ ไม่พลุกพล่าน ครั้งที่สองเป็นที่ขนาดสักสี่ห้าไร่คงจะได้ แต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่เช่นกัน แล้วอยู่ห่างจากน้ำบาดาลเกินไปหน่อย ครั้งที่สามนี้เป็นทำเลที่เหมาะมาก ถูกใจทั้งท่านเจ้าของที่และผู้อยู่อาศัยจนกระทั่งครูบาเอากระต๊อบบัญชาการมาตั้งไว้ข้างหน้าที่แปลงนี้ และกินนอนมาเดือนกว่าแล้ว โซนของหมู่บ้านโลก อยู่ทางตะวันตกของบ้านผม ห่างไปสักห้าสิบเมตร

ก่อนจะตัดสินใจบอกครูบาว่าจะขอมาอยู่ด้วยเมื่อปลายปีที่แล้ว ผมหาที่ที่เหมาะสมอยู่หลายปี หลายจังหวัด หลายภาค แต่หาไม่ได้ครับ ที่ “สวยๆ” มีคนจะขายเยอะ แต่มันไม่เหมาะครับ ผมไม่ได้ซื้อมาทำรีสอร์ต ผมจะซื้อมาทำเกษตร ซึ่งที่ดินที่ทำเกษตรที่บอกขายมา เป็นที่ดินที่ทำเกษตรเชิงเดี่ยว เกษตรเคมี ต้นไม้เตี้ย แล้วยังต้องใช้ชีวิตแบบซื้อแหลกเหมือนอยู่ในเมือง ถ้าอาการหนักก็จะเป็นบริโภคนิยมแบบรสนิยมสูงรายได้ต่ำ แย่หนักเข้าไปอีก ผมไม่ปฏิเสธเรื่องการใช้เงินหรอกนะครับ ใช้ได้ตามแต่ความจำเป็น ซื้อพวกเครื่องมือมาทำเองจะพึ่งตัวเองได้กว่า แต่สิ่งที่หาซื้อไม่ได้คือต้นไม้ ธรรมชาติ และคนที่เข้ากันได้ครับ ที่ดินหัวโกร๋น ไม่มีร่มเงาไม้ ดินถูกแดดเผา จะร้อน ร้อน และโคตรร้อน พายุจะมีความรุนแรง

เมื่อตั้งใจไปอยู่ที่สวนป่าแล้ว ต้องทำให้อยู่ได้จริงๆ ด้วย ถ้าเสนออะไรแล้วครูบาเห็นด้วย ก็ต้องทำให้มันเกิดขึ้นจริง อย่ามัวเอ็นจอยแต่การชี้นิ้ว อยากทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในสวนป่าโดยไม่ต้องออกไปภายนอกเลย ขนาดที่ว่าครูบา+แม่หวีอยู่ที่นี่มาสามสิบปีแล้ว มีอะไรๆ ตั้งมากมาย หมู่บ้านโลกในสวนป่าไม่ได้เริ่มจากไม่มีอะไรเลย แต่จนถึงขณะนี้ ผมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วหลายอย่างแล้ว เช่น ทำถนน ถมปรับที่ ซ่อมปรับปรุงบ่อน้ำบาดาลบ่อที่สอง กระต๊อบ อิฐอัด รั้วกรงแพะสามารถล้อมคอกแพะขนาด 25 ไร่ได้สองคอกหมุนเวียนกันไป ระบบน้ำสำหรับแปลงผักใหม่ยาวร้อยเมตร ระบบ wifi ระบบเก็บกักน้ำฝน ฯลฯ ให้ครูบาเป็นคนรัวกดปุ่ม เติมเชื้อไฟเพื่อความมันในชีวิต อ้อ…ซื้อรถอีกคันหนึ่งไว้ใช้ที่สวนป่า รถเบนซ์ที่ใช้ประจำจะทิ้งไว้ให้พ่อแม่ใช้ที่บ้าน นี่ยังไม่ได้เริ่มสร้างบ้านเลยนะครับ แต่เงินเป็นเรื่องกระจอก คิดว่าทำไปให้เกิดประโยชน์ส่วนรวมก่อนดีกว่า เรื่องบ้านผมยังเป็นเรื่องเล็ก บ้านผมที่สวนป่า จะไม่พรั่งพร้อมสะดวกสบายเหมือนบ้านที่อยู่ตอนนี้ แต่ยังทำงานได้ไม่ลำบาก ถ้าเป็นไปได้ อยากสร้างบ้านเองด้วยแทนที่จะจ้างเขาสร้าง เมื่อมีที่นอนถาวรที่เก็บของได้ คราวนี้จะขนเครื่องมือไปอยู่สวนป่าได้นานๆ จะมีเวลาสร้างสิ่งที่จำเป็นขึ้นอีก น่าจะสนุก

ครูบา+แม่หวีอยู่ที่นี่มาสามสิบปี ใช้วิริยะเปลี่ยนไร่สวนที่พื้นดินร้อนจนต้องตะแคงเท้าเดิน ให้เป็นผืนป่าขนาด 600 ไร่ (1 ตารางกิโลเมตร) และอยู่ได้อย่างร่มเย็น อุณหภูมิต่ำกว่า “ภายนอก” หลายองศา เป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ แต่โลกนี้ “เจริญขึ้น” มีคนหลากหลายมาเรียนรู้ที่สวนป่า เพื่อให้ผู้มาเยือนซึ่งไม่คุ้นเคยกับสภาพตามธรรมชาติไม่ปรับตัวต้องมากนัก สวนป่าก็ควรจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่านี้ ให้คนจากในเมืองที่ยังต้องซื้อแหลกทำอะไรไม่ค่อยเป็น (ผมด้วย) ได้รับความสะดวกสบายตามสมควร

อ่านต่อ »


กลับสู่ความคุ้นเคยเก่าๆ

อ่าน: 3092

หลังจากที่พาพ่อแม่อพยพไปอยู่หัวหินเสีย 44 คืน วันนี้ก็อพยพกลับบ้านแล้วครับ

ที่ต้องอพยพไปก็เพราะพ่อแม่ผมอายุมากแล้ว สองท่านอายุรวมกัน 155 ปีแล้วครับ ดังนั้นจึงไม่ควรเอา สว.มาเสี่ยงกับน้ำท่วมด้วย จริงอยู่ แม้ว่าที่บ้านจะไม่ท่วม แต่ก็ต้องเผชิญกับความขาดแคลนและความไม่สะดวกทั้งปวง ไปหัวหินคราวนี้ ที่จริงพ่อแม่ยังไม่อยากกลับ แต่เผอิญผมมีงานในวันที่ 8 ธค. แล้วไม่อยากให้พ่อกับแม่อยู่กันตามลำพัง เลยพากันกลับบ้านก่อนดีกว่า ถ้าจะกลับไปอีกค่อยหาเวลาเหมาะๆ อีกที

นอกจากแผลที่ได้มากจากหัวหินแล้ว การไปอยู่หัวหินก็ยังเขียนบันทึกอยู่สม่ำเสมอ (เขียนเป็นวรรคเป็นเวร และอ่านยาก) เหมือนเดิม ผมเขียนเพราะรู้สึกว่ามีประเด็นที่ควรจะเขียน หัวหินมี 3G เมื่อกลับมาบ้านแล้วจึงพบว่าที่บ้านก็มี 3G แล้วเหมือนกัน (ก่อนไปยังไม่มี) แต่ถึงหัวหินจะมี 3G มี Wifi ก็ยังไม่จุใจเหมือนใช้เน็ตที่บ้านหรอกครับ

เรื่องสำคัญคือได้ไฟเขียวอ่อนๆ ว่าไปอยู่สวนป่าและทำอย่างที่อยากจะทำได้ แผนเดิมของสวนป่าคือหมู่บ้านเฮ ซึ่งยังไม่ได้เรียนปรึกษาครูบาอย่างเป็นกิจลักษณะ แต่ก็เข้าใจว่ารู้กันอยู่ในที ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมก็พยายามชี้ความเสี่ยงต่อการดำรงชีวิตเท่าที่นึกออก [ความมั่นคงสามแนวทาง] ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ แต่หลังจากเกิดอุทกภัยใหญ่ในปีนี้ ผมคิดว่ามีเงื่อนไขของความไม่ปกติเกิดขึ้นมาก จนคิดว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ควรหาสถานที่ที่ดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืนอย่างจริงจังได้แล้ว พ่อแม่อายุมากแล้ว ไม่อยากให้ไปลำบากในบั้นปลายของชีวิต แต่บรรดาผู้ที่ยังพอมีกำลังวังชาอยู่และตั้งใจจะฟื้นฟูบ้านเมือง ก็ควรจะดำรงชีวิตต่อไปได้

อ่านต่อ »


ความมั่นคงสามแนวทาง 1.1

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 2 December 2011 เวลา 0:11 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 2750

บทเรียนและสถานการณ์ต่อเนื่องจากน้ำท่วมใหญ่คราวนี้ ทำให้ผมมานั่งเพ้อเจ้อต่อถึงบันทึกเก่า [ความมั่นคงสามแนวทาง เพื่อให้อยู่ได้]

น้ำท่วมใหญ่ความนี้ เห็นว่าคนช่วยเหลือตนเองไม่ได้เยอะครับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เรียกว่าภัยพิบัติหรอก แต่น้ำท่วมใหญ่ปี 54 นี้ ต่างกับปีก่อนที่เส้นทางความช่วยเหลือจากส่วนกลางถูกตัดขาด แหล่งผลิตอาหารเสียหายหนักเป็นวงกว้าง อุตสาหกรรมเสียหาย คนตกงาน หลังน้ำลดแล้ว เมื่อการคมนาคมขนส่งกลับมาใช้ได้ เราอาจจะพบความจริงของการขาดแคลน ว่าของที่เคยหาซื้อได้ อาจจะหาไม่ได้ หรือราคาแพงขึ้นมาก… ก็ดีไปอย่างที่จะได้แยกแยะกันได้ซะที ระหว่างความอยากกับความจำเป็น

แต่ในเรื่องของความอยู่รอดนั้น นอกจากปัจจัยสี่แล้ว ยังมี “อาหาร น้ำ พลังงาน” ซึ่งต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ สิ่งเหล่านี้ ใช้เรื่อยๆ และไม่อาจเนรมิตมาได้ทันอกทันใจ เราไปติดกับความสะดวกสบายของการใช้เงิน มีเงินซะอย่าง ซื้ออะไรก็ได้ น้ำท่วมคราวนี้ คงได้บทเรียนกันว่าไม่แน่เสมอไป ว่าข้าวของแถวบ้าน แม้มีเงินจะซื้อ แต่ไม่มีของขายเพราะสินค้าเอามาส่งไม่ได้เนื่องจากน้ำท่วมถนน ท่วมโรงงาน หรือท่วมโกดังสินค้า

อ่านต่อ »


สึนามิโลก

อ่าน: 4910

ความจริงเรื่องที่จะเขียนนี้ ได้รับฟังมาก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ไม่เคยคิดจะตรวจสอบ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ดูคลิปอันหนึ่งจาก Timeline ของเพื่อนในทวิตเตอร์ จึงเริ่มตรวจสอบข้อมูล แล้วก็พบสิ่งที่น่าคิดจริงๆ … แต่เนื่องจากบันทึกในลักษณะนี้ อาจตีความได้ว่าเป็นลักษณะ Wishful thinking พยากรณ์ ทำนาย แช่งชัก หรืออยากจะโดน ดังนั้นก็จะเขียนเท่าที่ค้นมา โดยไม่อ้างอิงบุคคลใดให้อาจจะเสียหายนะครับ

“สึนามิโลก” ไม่ได้หมายถึงน้ำ แต่หมายถึงความปั่นป่วนทางการเงินที่รอเวลาอยู่

เรื่องเก่านมนานปี เริ่มต้นมาจาก “สถานะพิเศษ” ที่รัฐบาลสหรัฐออกกฏหมายว่ารัฐบาลพิมพ์ธนบัตรได้เอง โดยไม่ต้องนำทองไปสำรอง เงินสกุลดอลล่าร์เป็นสกุลหลักสำหรับการค้าขายระหว่างประเทศ ไปไหนมาไหน แลกเงินสกุลท้องถิ่นด้วยดอลล่าร์ได้ไม่ยาก และที่สำคัญคือน้ำมันดิบก็ซื้อขายเป็นดอลล่าร์

แต่ภาระหนี้สินของสหรัฐก็มากล้นพ้นตัว

ขณะที่เขียนนี้ หนี้ภาครัฐ+เอกชน คิดเป็นกว่า 96% ของ GDP แล้ว ภาระหนี้บานเบอะ ยังมีค่าใช้จ่ายทางการทหาร อัตราคนว่างงานสูง ทำให้ต้องจ่ายค่าสวัสดิการสูง

การที่อัตราการว่างงานดูเหมือนลดลง เป็นการเล่นกายกรรมทางบัญชี โดยเปลี่ยนไปนับจำนวนคนว่างงานจากจำนวนคนที่รัฐจ่ายสวัสดิการให้ (ซึ่งมีระยะจำกัด) ถ้าเลยจากระยะที่กำหนดไปแล้วยังหางานไม่ได้ นอกจากรัฐไม่จ่ายเงิน+สแตมป์อาหารให้อีกต่อไปแล้ว ก็ยังไม่นับว่าเป็นคนว่างงานอีกด้วย แม้ว่ายังจะหางานไม่ได้ก็ตาม

ภาระหนี้ของสหรัฐ เคยอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้อีกครับ เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งต้องทุ่มทุกอย่างเพื่อชัยชนะ ชนะก็รอดตัวไปที แต่ถ้าแพ้ประเทศชาติก็ล่มจม

อ่านต่อ »



Main: 1.1597630977631 sec
Sidebar: 0.40171504020691 sec