กระสุนข้าว

อ่าน: 3582

สักสองสัปดาห์ก่อน ผมได้รับอีเมลจากพี่ที่นับถือกัน ซึ่งรู้จักกันบน soc.culture.thai เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว-ก่อนเมืองไทยมีอินเทอร์เน็ต ผมอยู่บริษัทฝรั่งจึงมีใช้ ในขณะนั้น พี่ทวิชเป็นวิศวกรนาซ่า ปัจจุบันท่านสอนอยู่ มทส.

พี่ทวิช เสนอวิธีการปลูกข้าว ที่

  1. ไม่เพาะกล้า ซึ่งต้องไปดำนา ไม่ค่อยเหมาะกับปัจจุบันเนื่องจากแรงงานเข้าไปอยู่ในโรงงานหมด
  2. ไม่หว่าน เนื่องจากดินนาไม่ได้สมบูรณ์

พี่แกว่าเอา’ดินดี’มาปั้นเป็นกระสุน ใส่เมล็ดข้าว 4 เมล็ด เอากระสุนนี้ไปดำด้วยเครื่อง การดำคือการฝังลงไปในดิน ด้วยความลึกและระยะห่างที่ได้ทดลองศึกษาบอกเล่ากันมาหลายชั่วอายุคน ใช้เครื่องดำทำเองได้ครับ (ไม่ใช้น้ำมัน เข็นเครื่องไป พอล้อหมุนไปได้ระยะ ก็ฝังกระสุนลงไปในดิน และดำแห้งๆ ได้ ปล่อยน้ำเข้าทีหลัง)

‘ดินดี’ที่เอามาปั้นกระสุน มีความหมาย เพราะเป็นสารอาหารแรกที่กล้าข้าวใช้สร้างโครงสร้างสำหรับการเติบโตต่อไป — ไม่ได้ใช้เยอะนะครับ

มีแปลงนาสาธิตอยู่โคราช พี่ทวิชรู้จัก อ.หลิน และรู้จักครูบาด้วย ปากเหมาะเคราะห์ดี จะไปขอความรู้เรื่องกังหันลมครับ

Posted by Wordmobi


ส่งของมาเสียที

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 14 May 2010 เวลา 16:31 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2687

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สั่งซื้อ GuruPlug Server Plus ไป มันเป็นระบบ embedded Linux 2.6.32 มี 1.2GHz ARM CPU, มี 2 Gigabit Ethernet, 2 USB 2.0, eSATA @3Gbps SATA II และ MicroSD slot แถม JTAG board ด้วย — ทั้งหมดกินไฟ 5 วัตต์

รูปร่างก็เหมือนอแดปเตอร์ที่ชาร์ตไฟโทรศัพท์มือถือนั่นล่ะครับ

ไปเสียเวลา certify CE กับ FCC อยู่เป็นเดือน ตอนนี้เค้าส่งมาแล้ว — ถ้าถามว่าก้อนนี้ทำอะไรได้บ้าง คำถามนี้ไม่น่าตอบหรอกนะครับ อิอิ


พระมหาชนก

อ่าน: 7029

ชื่อโพธิยาลัยนี้ ได้ยินครั้งแรกก็ในหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก เป็นตอนที่นางมณีเมฆลามาช่วยนำพระมหาชนก ซึ่งว่ายน้ำในมหาสมุทรมาแล้วเจ็ดวัน ขึ้นไปส่งที่เมืองมิถิลาเพื่อทวงคืนราชสมบัติ ดังความตอนหนึ่งว่า

… พร้อมกันนั้น เทวดาก็ได้กล่าวอดิเรกคาถาว่า :

ข้าแต่บัณฑิต วาจาอันมีปาฏิหารย์มิบังควรหายไปในอากาศ. ท่านต้องให้สาธุชนได้รับพรแห่งพระโพธิญาณจากโอษฐ์ของท่าน. ถึงกาลอันสมควร ท่านจงตั้งสถาบันการศึกษาให้ชื่อว่า โพธิยาลัยมหาวิชชาลัย. ในกาลนั้นท่านจึงจะสำเร็จกิจที่แท้.
คำว่า โพธิยาลัย หมายความ ที่อาศัยแห่งแสงสว่าง. คำว่า มหา วิชฺชาลย หมายความที่อาศัยแห่งความรู้อันยิ่งใหญ่. …

ซึ่งวาจาอันมีปฏิหารย์นั้น หมายถึงวิริยบารมี ความเพียรอันยิ่งยวด [อ้างอิง] ดังคำว่า “ท่านใดถึงพร้อมด้วย ความพยายามโดยธรรม ไม่จมลงในห้วงมหรรณพ ซึ่งประมาณมิได้ เห็นปานนี้ ด้วยกิจคือความเพียรของบุรุษ ท่านนั้นจงไปในสถานที่ ที่ใจของท่านยินดีนั้นเถิด.

ยังมีอีกเยอะครับ

… สิ่งที่มิได้คิดไว้จะมีก็ได้ สิ่งที่คิดไว้จะพินาศไปก็ได้ โภคะทั้งหลายของหญิงก็ตาม ของชายก็ตามมิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น …

อ่านต่อ »


ความเท่าเทียมในการเข้าถึงข้อมูล

อ่าน: 4327

เมื่อคืนฟังอดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน พูดถึงปัญหาความยากจน ว่าเป็นรากเหง้าของปัญหาต่างๆ มากมาย มีความบางตอนที่กรุงเทพธุรกิจสรุปมาว่า

ผมอยากจะเลิกพูดเรื่อง โรดแมพ 5 ข้อ เพราะอยู่บนโต๊ะแล้ว  ต้องถามว่าปัญหาคืออะไร การเมือง หรือสังคม  ถามว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ผมว่ารากเหง้าของปัญหาอยู่ที่ความยากจน ที่พูดๆ กันเป็นปัญหาปลายเหตุ ปัญหาใหญ่คือความยากจน หากทำให้ความยากจนลดลงไป ถ้าปลดเปลื้องหนี้สิน ชีวิตก็จะดีขึ้น

คนยากจนคือ จนรายได้ หาเช้ากินค่ำ พวกไม่มีงานทำ ทุพพลภาพ พวกมีงานทำ แต่อยู่นอกระบบประกันสังคม นอกระบบประกันสุขภาพ แต่บางคนมีงานทำ อาจจะเป็นคนจนได้ พวกจนโอกาส หมายความว่า เกิดมาในครอบครัวที่มีรายได้ไม่ดี  ไม่สามารถไปหาหมอ เข้าถึงถึงระบบพยาบาล ขาดโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษาที่ดี บางคนเรียนดีแต่ไม่มีเงินเรียนมัธยม หรือมหาวิทยาลัย

อีกพวกหนึ่งคือจนสิทธิ เช่น สิทธิมนุษยชน รัฐธรรมนูญเขียนไว้สวย แต่เขาเข้าไม่ถึง หรือระบบยุติธรรม และเป็นธรรม เขาขาดสิ่งเหล่านี้ อาจไม่มีความยุติธรรมในกฎหมายบางเรื่อง ความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายฉบับเดียวกันคุณกับผมต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน และมันก็มีเรื่องคอร์รัปชันตามมาด้วย

ปัญหาคนจนที่ผ่านมา เป็นการให้ทานมากกว่า คนไทยใจดี ขนาดเศรษฐกิจไม่ดียังให้วัด ให้โรงพยาบาล ซึ่งก็ไม่ผิด ดีด้วย แต่ต้องช่วยเสริมสร้างให้เขาดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี เขาเป็นมนุษย์แล้วเขามีสิทธิอะไรบ้าง

การแก้ไขปัญหายากจน ประเทศอื่นเขาผ่านมาแล้ว ของเราค่อนข้างลำบาก ใจผมอยากเห็นภาคประชาชนเป็นผู้ชี้นำรัฐบาล ผมไม่อยากเห็นการพึ่งรัฐบาลอย่างเดียว เวลาคนพูดอยากให้ปฏิรูปประเทศไทย ผมฟังแล้วผมยิ้ม ผมยิ้มด้วย 2 เหตุผล คือ ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ทำไม่สำเร็จสักที อันที่สองคือ ปฏิรูปอะไร ปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข สื่อ เอาเวลาจากไหนมา ในเมื่อขณะนี้เป็นปัญหาเฉพาะหน้า  อยากทำทำไปไม่ได้ขัดข้อง ดี แต่ต้องมองว่าปัญหาไหนสำคัญกว่า ระยะยาว กลาง สั้น  และใครเป็นคนทำ

แก้ปัญหาก็ต้องมองที่สาเหตุ จะแก้ให้เป็นอะไรก็ร่วมกันกำหนดที่เป้าหมาย นักบริหารก็จะมองอย่างนี้ล่ะนะครับ; ส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านั้น ไม่ได้แก้อะไรที่สาเหตุเลย เป็นเพียงแต่เลื่อนปัญหาไปไว้ในอนาคตเท่านั้น

อ่านต่อ »


นักการเมืองแนะนำ “วิธีขายความคิด” ให้นักการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 11 May 2010 เวลา 20:52 ในหมวดหมู่ การเมือง การปกครอง กฏหมาย #
อ่าน: 2986

อยากเปลี่ยนแปลงอะไรในบ้านเมือง ก็น่าจะทำผ่านผู้แทนนะครับ… อืม…ใช่ ผมก็ว่าไม่น่าจะเวิร์ค แต่นั่นก็น่าจะเป็นช่องทางที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นจะเลือกไปเป็นผู้แทนทำไม

แม้ว่าการสื่อสารในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก แต่วิดีโอนี้ กลับแนะนำว่าวิธีการที่เหมาะที่สุดที่จะขายความคิดให้นักการเมือง (คือสื่อสารความคิดจนเขาฟัง) คือการเขียนจดหมายด้วยลายมือ!


บทเรียนจากสวนป่า 4-9 พ.ค.

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 10 May 2010 เวลา 12:58 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3826

ไปสวนป่าเที่ยวนี้ เป็นครั้งที่ยี่สิบเห็นจะได้ แต่เป็นทริปยาวที่สุด และน่าจดจำเหลือเกิน ประสบการณ์ชีวิตเป็นประสบการณ์เฉพาะตัว ไม่มีวันใดเวลาใดเลยที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ต่อให้ดูหนังในโรงหนังสองรอบ ผู้ชมก็ไม่เหมือนกัน

สวนป่าคราวนี้ ต้นไม้ฟื้นขึ้นจากฝน ต่างกับเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วซึ่งเป็นคราวที่คณาจารย์และนิสิตแพทย์ไปเยี่ยมสวนป่า คราวนี้พักที่กุฏิริมป่าที่แม่หวีจัดให้ เหมาะกับการปลีกวิเวก อากาศยังคงร้อนอบอ้าว สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในห้องแอร์และมีความสะดวกสบายตามควร อาจจะคิดว่าเป็นเรื่อง “ลำบาก” “ไม่ได้” “ไม่ไหว” หรืออะไรต่อมิอะไรที่จะยกมาเป็น “เหตุผล” ซึ่ง “เหตุผล” นี้เป็นเพียงความคิด ถ้าใครๆ ก็อยู่ได้ ทำไมผมจึงจะอยู่ไม่ได้ — แต่ในอีกมุมหนึ่ง สักสิบกว่าปีก่อน เคยพาลูกน้องโขลงหนึ่งไปทำเวิร์คช็อปที่แพริมน้ำซึ่ง “ไม่มีอะไรเลย” เตรียมข้าวสาร น้ำ ปากกา ฟลิปชาร์ต กับเทปสองหน้าไป ส่วนวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหาร ก็ซื้อเอาจากเรือที่มาขาย แล้วทำอาหารกินกันเอง ผมรู้สึกสนุก แต่ลูกน้องแซวแบบขำๆ ว่า “พี่สนุกอยู่คนเดียว สงสัยไม่เคยลำบาก” เออหว่ะ! ลืมคิดประเด็นนี้ไป แต่ผมก็อยากเห็นว่าใครเป็นยังไงเหมือนกันครับ

ไปสวนป่าเที่ยวนี้ ผมขับรถเรียบร้อยมาก เพราะว่าเพิ่งหายจากอาการโลกหมุนไม่กี่วันก่อนเดินทาง คราวนี้ป้าจุ๋มไปด้วย ก็เลยขับไปเรื่อยๆ ขาไปมีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.6 ลิตร/100 กม. ขากลับดีขึ้นมานิดหนึ่ง ได้ 5.5 ลิตร/100 กม. ขับด้วยความเร็วคงที่ ทิ้งระยะห่างจากข้างหน้า ไม่ต้องเบรค/เร่งเยอะนัก ก็สามารถประหยัดน้ำมันได้เยอะเลย

อ่านต่อ »


วันลา

6 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 9 May 2010 เวลา 17:35 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3263

ไปสวนป่าเที่ยวนี้ อากาศร้อนจัด จึงอาบน้ำบ่อยมาก แล้วก็เกิดอุบัติเหตุจนได้ คือโทรศัพท์ร่วงลงมาจากกระเป๋ากางเกงที่พาดไว้ ไม่รู้เพราะโดนน้ำหรือว่าเพราะตกกระแทกหรือทั้งสองอย่าง โทรศัพท์จึงเดี้ยง ช่วงนี้ถ้าโทรศัพท์หรือ SMS มาแล้วไม่ตอบ ก็ขอให้เข้าใจด้วยนะครับ

ผมรู้สึกโชคดีที่ไปสวนป่าเที่ยวนี้ ได้เจอกับกลุ่มบ้านมกราซึ่งเป็น อ.โสรีช์และพี่น้องลูกศิษย์ของอาจารย์ พบกับผู้เป็นครูที่มีหัวใจของความเป็นครูอย่างเหลือล้น ประสบการณ์ที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับทุกท่าน ได้สังเกต ได้เก็บประเด็นต่างๆ ก็เชื่อว่าตัวเองได้พัฒนาขึ้นบ้าง(มั๊ง)

รูปข้างล่างนี้ เป็นรูปเก็บตกจากคืนวันก่อนๆ ซึ่งถ่ายด้วยกล้องที่ต้องเอากลับมาอัพโหลดที่บ้านครับ

อ่านต่อ »


วันย่อย

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 8 May 2010 เวลา 12:37 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 2634

กลุ่มบ้านมกรา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ อ.โสรีช์ จะกลับกันพรุ่งนี้ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่จะขมวดกระบวนชุดความรู้ ประจวบกับ ดร.ศักดิ์พงศ์ พา นศ.ปริญญาเอก จาก มรภ.สารคาม แวะมาด้วย ได้เจอ session เทอร์โบชาร์ต หวังว่าไม่ช็อคนะครับ

การเรียนรู้ที่สวนป่า ไม่ใช่การจับความรู้ยัดใส่กระโหลก แต่เป็นการชี้ ตั้งคำถาม กวนประสาท ให้ฉุกคิด เรียนรู้เอง เข้าใจเอง สงสัยก็แลกเปลี่ยน/ไม่เพียงตั้งคำถาม รอคำตอบสำเร็จรูปจากครูอาจารย์หรือตำรา

แผ่นดินก็พานศ.มาสมทบเป็นกลุ่มที่สามครับ หนุกหนาน
08052010297.jpg

วันนี้นอนพักครึ่งวัน เจอป้าจุ๋มสั่งอารามดีลิเวอรี่ พร้อมพญามือเหล็กทั้งขวด

บ่ายจะมีฉลองค่าย มีหมอแคนครับ

Posted by Wordmobi


วันชำแหละ

6 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 7 May 2010 เวลา 21:25 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 2903

เมื่อเย็น เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ที่มีผู้ใหญ่ชาวเฮ มารวมกันเป็นจำนวนมาก เราถือโอกาสนั่งคุยกันวงใหญ่
06052010273.jpg 06052010274.jpg 06052010275.jpg

ก่อนอาหารเย็นเมื่อวาน อ.โสรีช์บอกว่าเห็นชีวิตครูบาเป็นธรรมชาติมาก น่าจะดีหากสามารถเทียบเคียงชีวิตธรรมดากับพุทธปรัชญาได้

เช้านี้ หลังเดินชมสวนและอาหารเช้า ก็เป็น session ชำแหละครูบา
07052010281.jpg

หลังกินข้าวกลางวัน พี่บางทราย ลุงเปลี่ยน และป้าหวาน แยกกลับขอนแก่น อ.ไพลิน+คุณพรรณา กลับลำพูน ครูปูกลับกรุงเทพ

แล้วก็ปั้นดินกัน ชั่วโมงแรกก็ขึ้นรูปกันได้ทุกกลุ่ม
07052010283.jpg 07052010284.jpg 07052010285.jpg 07052010286.jpg

มีกลุ่มพิเศษอยากทำครับ ต่างเป็นศิลปินเดี่ยวเพราะกติกาบอกไม่ให้พูดกัน สองคนจึงแยกกลุ่ม-คุยกันมันกว่า
07052010290.jpg 07052010291.jpg

ใช้เวลาปั้นสามชั่วโมง พอห้าโมงเย็น เด็กๆ ก็ไปเก็บผักมาทำกับข้าวกัน

อาจารย์โสรีช์ไปเดินเที่ยวสวนป่าอย่างเจาะลึก กลับมาทันตอนฝนตกจะพอดี ไม่ได้หลงหรอกนะครับ อาจารย์เดินกลับมาเอง ตามเสียงนกยูงมา มาถึงมืดไปหน่อย อาจารย์เห็นมอเตอร์ไซค์ แต่มอเตอร์ไซค์ไม่เห็นอาจารย์ แม่หวีจุดทูป นกยูงร้องทันที แง้วววว แง้วววว

ปั้นพระสองครั้ง ฝนตกทั้งสองครั้ง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อิอิ
07052010292.jpg

ผมโดนฝนเมื่อเย็น รีบมาอาบน้ำ แต่ท่าทางรอดยาก กินพญามือเหล็กของป้าจุ๋มไปสามเม็ด วันนี้จะรีบนอน ถ้ามีถอดบทเรียนปั้นดิน ต่างคนต่างมีประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ต้องรอเฉลยหรอกครับ ได้อะไรก็ได้เองนะ

Posted by Wordmobi


สองผู้ยิ่งใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 6 May 2010 เวลา 7:59 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3640

บันทึกนี้ เขียนไปเรื่อยๆ ทั้งวัน ตามแต่จะมีอะไรน่าเล่าหรือไม่

รศ.ดร.โสรีช์ โพธิแก้ว นำลูกศิษย์ประมาณ 20 ท่านมาสวนป่า บอกอยากมาเรียนชีวีต ชาวเฮซึ่งได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ระลึกงานเกษียณอายุท่านอาจารย์ ต่างก็อยากแลกเปลี่ยน+ขอคำแนะนำถึงพุทธวิถีของอาจารย์

งานนี้ การเชื่อมกรุงเทพ-บุรีรัมย์เกิดขึ้นได้เพราะพี่อึ่ง (ผอ.ดวงพร รร.มงคลวิทยา ลำพูน) ซึ่งอยู่ในทั้งสองกลุ่ม ขอบคุณครับ
05052010242.jpg
อ่านต่อ »



Main: 0.074715852737427 sec
Sidebar: 0.21344804763794 sec