แผนกับการปฏิบัติ

10 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 30 June 2010 เวลา 18:30 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ, ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3851

คนเคยเป็นนักบริหารมาแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องวางแผนเป็น และเข้าใจด้วยว่าแผนกับการปฏิบัตินั้นเป็นคนละเรื่องกันครับ

ถ้าวางแผนแล้วคิดว่าอะไรๆ จะต้องเป็นอย่างนั้น ก็ไม่เรียกว่านักบริหาร แต่เรียกว่านักฝัน เพราะนักบริหารเข้าใจเรื่องข้อจำกัด และจะพยายามอย่างที่สุด ที่เอาชนะข้อจำกัดเหล่านั้น ถึงที่สุดแล้ว เมื่อไม่ได้ มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า

I. พอพี่ครูอึ่งรู้ว่าจะมาบรรยายที่เชียงใหม่ แต่อยากจะนอนลำพูน ก็ชวนไปนอนที่บ้าน (1) ผมเกรงใจจึงต้องปฏิเสธไป (2) อีกอย่างหนึ่งคือผมรู้ตัวดีว่ายังปรับเวลานอน+ตื่นไม่ได้ พักอยู่ในโรงเรียนก็เกรงจะไม่สะดวก (3) ยิ่งกว่านั้นผมรู้ว่ายังเตรียมตัวสำหรับการบรรยายไม่พร้อม จึงต้องการการเข้าถึงเครือข่าย โดยในการนี้ ผมวางแผนจะยกคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ทุกวันขึ้นมาด้วย (แต่ไม่ได้บอกใคร — นี่เป็นเหตุผลที่เขียนบันทึกนี้ได้ และยังออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดิมครับ)

II. วันนี้วางแผนจะออกจากบ้าน 7:30น. แต่เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน (I.3) จึงเริ่มหอบสมบัติตั้งแต่ 6:30 และออกเดินทางได้ล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมง เกือบบ่ายโมงก็มาถึงลำปางแล้ว วางแผนใหม่ทันที ขืนขับไปลำพูน จะโดนรุมประนามว่าทำไมมาเร็ว แล้วยิ่งถ้ารู้ว่าไม่ได้นอนมาด้วยละก็​ โหย ไม่อยากคิด แวะกินข้าว แล้วไปเที่ยววัดศรีชุมซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว เป็นโบราณสถานศิลปะพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

อ่านต่อ »


กล?

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 30 June 2010 เวลา 1:06 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4034

คำว่า Myth and Magic นี้ใช้คู่กันบ่อยๆ หมายถึงเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่สองคำกลับเป็นด้านตรงกันข้าม

Myth หมายถึงสิ่งที่คิดว่าทำได้ แต่ที่จริงไม่ได้

Magic หมายถึงสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ แต่กลับทำได้

ผมได้รับอีเมลหว่านโฆษณาการแสดงกลของ David Copperfield อีกครั้งหนึ่ง ส่งเป็นไฟล์การนำเสนอมา (ที่ชอบเรียกกันว่า PowerPoint ซึ่งที่จริงเป็นชื่อของผลิตภัณฑ์) แสดงไพ่ให้ดู 6 ใบ ให้เลือกเอาใบหนึ่ง ไม่ต้องชี้ ไม่ต้องบอก ไม่ต้องทำสัญญาณอะไรให้รู้ว่าเลือกใบไหน — ถึงทำไปก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะว่ามันแค่ไฟล์การนำเสนอที่เราดูบนจอ

อ่านต่อ »


หลอดน้ำแข็ง

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 29 June 2010 เวลา 0:15 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3619

ดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้อง ดีกว่าดื่มน้ำร้อนหรือน้ำเย็นนะครับ แต่ว่าบางทีเราก็ต้องการอุณหภูมิของน้ำที่แตกต่างออกไปบ้าง

ไม่มีใครชงกาแฟด้วยน้ำที่อุณหภูมิห้อง ในช่วงที่ร้อนจัด ก็อาจจะต้องดื่มน้ำเย็นเข้าช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายบ้าง หรือถ้าเหนื่อยมาก บางทีก็อยากดื่มน้ำอัดลม — เราทำน้ำให้ร้อนโดยการต้ม และทำให้เย็นโดยการใส่น้ำแข็ง

จะย้ำอีกครั้งว่าน้ำอัดลมที่อัดแรงดันด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ภายใต้แรงดัน ก็จะละลายน้ำได้มาก กลายเป็นกรดคาร์บอนิคซึ่งเป็นกรดอ่อน แต่ถึงเป็นกรดอ่อน ก็ยังเป็นกรดอยู่ดี กินเข้าไป แล้วมันก็กัดกระเพาะ ยิ่งซ่าก็ยิ่งกัด — หากจะกินน้ำอัดลม ควรรินให้ฟองออกมากที่สุด มันอาจจะซ่าน้อยลง แต่ยิ่งซ่ามาก ก็ยิ่งอันตรายมาก

ทีนี้เวลาเราลดอุณหภูมิของน้ำด้วยการใช้น้ำแข็งนั้น น้ำแข็งก็ทำหน้าที่ของมัน คือรับเอาความร้อนในน้ำเข้ามา ทำให้น้ำมีอุณหภูมิเย็นลง

แต่ว่าน้ำแข็งที่ยังเหลืออยู่คือความสูญเสีย เราต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำเป็นน้ำแข็ง ดังนั้นน้ำแข็งที่ใส่มาเกิน ก็หมายความว่าเราใช้พลังงานเกินในการทำน้ำแข็ง แล้วก็ปล่อยทิ้งเปล่าให้น้ำแข็งละลายไป

มีความคิดใหม่ว่าแทนที่จะเทน้ำแข็งลงไปในแก้ว ให้ทำหลอดน้ำแข็งแทน เพราะว่าน้ำที่ถูกดูดขึ้นมาไหลผ่านน้ำแข็งตลอดความยาวหลอด จะทำให้น้ำมีความเย็นพอ เรื่องนี้เหมาะกับเมืองร้อนชื้นแบบบ้านเรามากกว่าเมืองหนาวที่อากาศแห้ง ถ้าอยู่เมืองหนาว ดูดไปดูดมา ริมฝีปากอาจติดหลอดน้ำแข็ง ฮาๆๆๆ

อ่านต่อ »


ผลของเรื่องเล่า

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 28 June 2010 เวลา 0:11 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4040

ฝรั่งมีศัพท์คำหนึ่งว่า Urban Legend ซึ่งเป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันไป โดยหาต้นตอไม่พบ แต่ผู้เล่าเชื่อเรื่องนั้น(จึงเล่า) แต่เพราะหาต้นตอไม่ได้ จึงไม่อาจสืบหาความจริงหรือปฏิเสธเรื่องนั้นได้ อาจมีการแต่งเติมเสริมต่อเรื่องให้น่าเชื่อถือขึ้น ไม่ว่าโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม

Urban Legend ในยุคดิจิตอลนั้น การส่งต่อเรื่องราวง่ายมาก แล้วอย่าคิดเอาง่ายๆ ว่าการส่งต่ออีเมลจะไม่เพี้ยนนะครับ ตัวอย่างก็มีเยอะ เช่นเรื่องหญิง 7 คนดมตัวอย่างน้ำหอมแล้วตาย ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่เกิดหลังเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกในปี 2544 แต่ยังเล่ากันอยู่อย่างเมามันแม้ในปัจจุบัน

ส่วนรูปภาพนั้นตกตกแต่งได้ง่ายมาก [แบบทดสอบ] เรื่องเสียงก็เห็นตัวอย่างในเมืองไทยแล้ว (การเมือง)

คนดังมักโดน

ก็ไม่รู้ว่าความดังมาเกี่ยวอะไร ในบริษัทที่ผมเคยบริหารงานอยู่ก็เหมือนกันครับ ชอบมีคนอ้างว่าผมว่าอย่างโน้นอย่างนี้ จนต้องบอกให้รู้ทั่วกันว่าหากมีใครอ้างอย่างนั้น ให้ไม่เชื่อไว้ก่อน เพราะว่าถ้าอยากให้ใครทำอะไร ผมจะติดต่อตรง แล้วคำกล่าวอ้างนี้ ให้ถามมาได้ทุกกรณี (จะผ่านหรือไม่ผ่านใครก็ได้ แต่ถ้าผ่าน คำตอบก็เป็นคำกล่าวอ้างเช่นกัน)

บิล เกตส์ แห่งไมโครซอฟท์ก็โดนครับ ความจริงเค้าก็เป็นคนทำมาหากินนะ การเข้าใจโอกาส ฉกฉวยโอกาส และประสบผลสำเร็จนั้น ไม่ใช่ความผิด ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมาย หรือเบียดเบียนใคร

อ่านต่อ »


เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง

8 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 27 June 2010 เวลา 16:14 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 6430

ถูกใจประโยคที่ว่า เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง มานานแล้ว ไม่รู้ใครคิดขึ้น แต่ก็อยากขอบคุณครับ

ประโยคนี้ ตรงกับสภาพของจิตที่รับอารมณ์ได้ทีละอย่าง หรือไม่ก็อยู่เฉยๆ ได้เท่านั้น (เหมือนระบบไบนารี่) แต่จิตมีความไวสูง บางทีถ้าเราไม่ละเอียดพอ ก็จะไปคิดว่าเราคิดอะไรได้ทีละหลายๆ อย่าง พอไม่สังเกตเรื่องนี้เข้านานๆ ด้วยความเคยชิน ก็มักจะคิดว่าคนเก่งสามารถทำอะไรได้ทีละหลายๆ อย่าง พร้อมๆ กัน ซึ่งขัดกับธรรมชาติของจิต

ด้วยความไม่เข้าใจ และด้วยความฉาบฉวยเร่งด่วนของสังคมปัจจุบัน เราก็มักให้คุณค่ากับคนที่ทำอะไรได้สำเร็จ-รวดเร็ว-หลายอย่างพร้อมกัน จนคนเหล่านั้น กลายเป็นกระโถนรองรับความคาดหวังของคนรอบข้าง โดยไม่ยอมเรียนรู้ถึงเคล็ดลับในการทำอย่างนั้น ว่าเป็นเรื่องของการวางแผน วางจังหวะที่จะทำงานแต่ละอย่างอย่างพอเหมาะ เพื่อให้เกิดงานโดยไม่มีการรอ (เป็น pre-emption)

คนที่ทำงานสำเร็จนั้น ทำทีละอย่างครับ พิจารณาให้ชัดก่อนลงมือทำ ไม่รีบร้อนลงมือทำโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร

หากปริมาณงานหรือปริมาณปัญหาที่ต้องแก้ไข มี 10 ปัญหา ปัญหาละ 10 หน่วย ก็ต้องการกำลังสำหรับการทำงาน 100 หน่วยงาน จะมาคิดว่าคนที่ทำอะไรก็สำเร็จ เป็นคนบ้าพลัง ทำอะไรก็ได้นั้น มันไม่ถูกหรอกครับ คนแต่ละคนอาจจะมีกำลังไม่เท่ากัน อาจจะมีจุดแข็งจุดอ่อนไม่เหมือนกัน

อย่างไรก็ดี งาน 100 หน่วย ก็ต้องการกำลังในการทำงาน 100 หน่วย บางทีอาจมากกว่านั้นเสียอีกในกรณีที่มีความสูญเปล่าในกระบวนการ (เช่นความขัดแย้ง หรือการเมือง ซึ่งนับเป็น overhead หรือ loss)

ซึ่งก็เหมือนกับความพยายามแก้ปัญหาอันซับซ้อนของสังคมไทย นะจ๊ะ หมักหมมมาหลายสิบปี จะแก้ให้หายแบบชั่วข้ามคืน เมพไปหรือเปล่า??

อ่านต่อ »


Moving Dots++

อ่าน: 4012

เดิมคิดว่าจะเขียนโปรแกรมนี้เองเพื่อความมันส่วนตัว แต่ว่าผมติดบรรยายในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ มช. เลยคิดว่า opensource ความคิดนี้ซะเลย เผื่อจะขยายไปพัฒนาใช้กับหลายๆ platform ได้

เดี๋ยวนี้มีสมาร์ทโฟนที่สมรรถนะสูงขึ้น เริ่มทำอะไรเป็นประโยชน์ได้มากขึ้น หลังเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกที่อเมริกาในปี 2544 กสทช.สหรัฐ (FCC) ออกกฏให้โทรศัพท์มือถือที่ขายในสหรัฐ จะต้องมีเครื่องมือช่วยระบุตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือ เอาไว้ช่วยคนหายหรือคนที่ติดอยู่ในซากตึก คุณลักษณะนี้เรียกว่า A-GPS

ถึง A-GPS จะไม่แม่นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรับสัญญาณจากดาวเทียม เนื่องจากใช้สัญญาณจาก cell site ของโทรศัพท์มือถือแทนได้ นอกจากนั้น ก็ยังมีค่ายโทรศัพท์มือถือที่เปิดแพ็คเกจ Mobile Internet ที่ใช้งานในลักษณะเหมาจ่าย ไม่ขึ้นกับเวลาหรือปริมาณข้อมูลในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ดังนั้นผมจึงเสนอความคิดเกี่ยวกับโปรแกรม Moving Dots++ ดังนี้

อ่านต่อ »


ย้ายบ้านจาก Symbian ไป Android

อ่าน: 8707

ผมใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นช่วยจำนะครับ ใช้ทีละเครื่องเดียว-เบอร์เดียวเท่านั้น และไม่ได้เปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์บ่อย

คราวนี้ถึงคราวจะต้องเปลี่ยนเครื่อง เพราะเครื่องเก่าคือ Nokia E71 ซึ่งได้เป็นอภินันทนาการมาจาก Operator ดันทำตกพื้น แล้วพื้นมีน้ำ (เลยไม่รู้ว่าเจ๊งเพราะตกพื้นหรือเพราะตกน้ำ) น้องชายช่วยเอาไปซ่อมให้ทำให้ใช้งานได้พักหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าแบตเสื่อม เก็บไฟอยู่ได้ประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งไม่พอสำหรับคนที่ไม่ปิดมือถือแบบผม เปลี่ยนแบตดูจะเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่า แต่ผมเลือกเปลี่ยนเครื่องด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการ platform สำหรับการพัฒนาระบบการเตือนภัย OpenCARE

Nokia E71 ใช้ Symbian 3rd Edition ซึ่งเก่ามากแล้ว แต่ก็ยังใช้ได้อยู่; น้องชายใช้ E72 เป็น Symbian 5th Edition ใหม่กว่ามาก; @nontster ซึ่งทำ OpenCARE มาตั้งแต่ต้นใช้ iPhone iOS4; ยังขาด Windows Mobile กับ Android ผมจึงไปหา Android มาใช้เป็นเครื่องทดสอบโปรแกรม — เมืองไทยไม่ได้ร่ำรวย แม้ว่ามีเงินจะซื้อก็ไม่ควรซื้อของนำเข้า หากว่าไม่ได้สร้างประโยชน์สูงกว่ามูลค่าที่จ่ายไปหรอกนะครับ

เชื่อ @markpeak จึงไปเอา Samsung Galaxy S มา จอใหญ่ดี รู้อยู่แล้วว่าจอเป็น Super AMOLED จึงคิดว่าอายุใช้งานคงได้สักสองปี

อ่านต่อ »


ความเครียดที่ไม่ต้องจัดการ

อ่าน: 12393

คุยกับใคร ก็เครียดกันทั้งนั้น… หรือว่าเป็นเพราะผมหว่า

ตัวผมเองเคยเป็นคนที่มีความเครียดสูง มีตำแหน่งหน้าที่ และมีคนฝากความหวังไว้มากมาย ผมทำงานต่อเนื่องไม่ยอมพักผ่อน สั่งงานทิ้งไว้ตอนช่วงดึก พอเช้ามาผู้คนมาทำงาน ก็เริ่มทำไปได้ก่อน เมื่อผมเข้าไปในช่วงบ่าย ก็สามารถตามงานได้ทันที อย่างนี้บริษัทก็ดำเนินกิจการได้วันละ 20 ชั่วโมง ฝ่าช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 มาได้อย่างราบรื่น

แต่การทำอย่างนี้มีผลเสียมหาศาล เพราะว่าผม “หลงเพลินอยู่กับความสำเร็จ” สนุกกับทำงานหนักโดยไม่ได้ลาพักร้อนห้าปี ในที่สุดร่างกายก็ทนไม่ไหว ปี 2544 พอลาพักร้อนครั้งแรก ก็ป่วยหนักจนคิดว่าจะทำงานไม่ได้เสียแล้ว เล่นเอาคนที่ฝากความหวังไว้ ปั่นป่วนกันไปพอสมควร

ประสบการณ์เฉียดตาย ให้บทเรียนสำคัญแก่ชีวิต

อ่านต่อ »


เขื่อนส่วนตัว

อ่าน: 5004

เขื่อนส่วนตัว ฟังดูมโหฬาร แต่ที่จริงแล้ว เป็นเรื่องที่แต่ละคนจัดการเองได้ครับ

ทุกพื้นที่ของเมืองไทย มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 1000 มม. หรือ 1 เมตร (ซึ่งถ้าปริมาณฝนต่ำกว่า 250 มม./ปี ก็จะเรียกว่าทะเลทราย) –  ปริมาณน้ำฝนหมายถึงการวัดที่เอาภาชนะรูปทรงกระบอกทิ้งไว้ในที่โล่ง เมื่อฝนตกลงมาแต่ละครั้ง ก็วันความสูงของน้ำที่อยู่ในภาชนะทรงกระบอก เอาตัวเลขทั้งปีมาบวกกัน

ทีนี้ ถ้ามีที่ดินทำนา 5 ไร่ ก็เท่ากับ 8,000 ตารางเมตร ฝนตกมาปีละ 1 เมตร ก็ได้ปริมาณน้ำฝน 8,000 ลูกบาศก์เมตร หรือ 8,000 คิว ซึ่งนั่นเหลือเฟือสำหรับการเกษตรในพื้นที่ 5 ไร่ทั้งปี โดยไม่ต้องพึ่งน้ำจากระบบชลประทานเลย — แต่ปัญหาใหญ่ก็คือฝนตกลงมา เราก็บ่นๆๆๆๆ แล้วก็ปล่อยน้ำทิ้งไปเฉยๆ ไม่ทำอะไร — นั่นล่ะครับ จุดเริ่มต้นของปัญหา คือการไม่มีการจัดการน้ำ

วิธีการที่ง่ายที่สุด คือขุดสระ ปรับระดับเพื่อนำน้ำไปลงสระเก็บไว้ใช้เมื่อต้องการจะใช้ แต่วิธีการนี้มีปัญหาอย่างหนึ่ง คือเมืองไทยแดดจัด อากาศร้อน ทำให้น้ำในสระเปิดระเหยออกไปเร็ว ต่อให้สระน้ำเก็บน้ำได้ ระดับน้ำก็จะลดลงไปเรื่อยๆ ตามอัตราการระเหย ซึ่งถ้าฝนตกสม่ำเสมอก็ไม่มีปัญหาเพราะว่ามีน้ำเติม แต่ว่าฝนไม่ได้ตกอย่างสม่ำเสมอ ถ้าไม่ใช่ฤดูกาลหรือถ้าแล้งจัด ฝนก็ไม่ตก

ถ้าขุดสระในที่ร่ม จะช่วยได้ระดับหนึ่ง น้ำก็ยังระเหยได้จากลม (ไม่นับการที่จะหาที่ร่มขนาดใหญ่นั้น หาไม่ได้หรอกครับ เมืองไทยไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่แล้ว + ต้นไม้ใกล้น้ำ รากเน่าหมด) สระใต้ดินอาจจะเหมาะกว่า

อ่านต่อ »


ประชุมสุภาษิตสุนทรภู่ (2)

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 22 June 2010 เวลา 0:03 ในหมวดหมู่ ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ #
อ่าน: 5979

บันทึกนี้เป็นตอนต่อจากประชุมสุภาษิตสุนทรภู่ (1) ซึ่งต้องแยกเรื่องพระอภัยมณีออกมาเพราะยาวมากครับ

อ่านต่อ »



Main: 0.064362049102783 sec
Sidebar: 0.19434309005737 sec