ประชุมสุภาษิตสุนทรภู่ (1)

โดย Logos เมื่อ 21 June 2010 เวลา 1:44 ในหมวดหมู่ ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ #
อ่าน: 6398

วันที่ ๒๖ มิถุนายน เป็นวันสุนทรภู่ (2329-2398) กวีเอกของโลกซึ่ง UNESCO ได้ยกย่องไว้ตั้งแต่ปี 2529 แล้ว

ก็คุยกับป้าจุ๋มในลานปัญญานี้ แล้วพบเรื่องน่าแปลกใจที่ตรงกัน ว่าเดี๋ยวนี้หาซื้อหนังสืออันเป็นผลงานของท่านไม่ได้เลย มีแต่ที่ตัดตอนออกมาเป็นส่วนย่อยๆ เท่านั้นที่ยังพอหาได้บ้าง แต่ก็กระจัดกระจายอยู่มาก

ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจพิมพ์ใหม่อีกที ให้อยู่ในรูปแบบของข้อความที่ค้นหาได้ด้วย search engine เพื่อประโยชน์แห่งการศึกษา โหลดต้นฉบับมาอ่านได้ที่นี่ครับ ตัวสะกดคงไว้ตามต้นฉบับซึ่งตีพิมพ์ในปี 2498 แต่ผมแยกหนังสือให้เห็นชัด และมีทั้งการสะกดแบบโบราณเช่น เปน และการสะกดสมัยใหม่เช่น เป็น

โดยเหตุที่หนังสือมีความยาวมาก จึงขอแยกสุภาษิตจากพระอภัยมณีออกไป

จะอ่านก็ได้นะครับ แต่เตือนว่ายาว ผมตั้งใจจะให้ใช้ search engine (และ control-F) ค้นหามากกว่า

ในภาษาโบราณนั้น ใช้ฟองมัน (๏) เป็นเครื่องหมายเริ่มบทกวี และใช้อังคั่นคู่ (๚) วางไว้ตรงท้ายเพื่อแสดงว่าจบบทกวี มีคำอธิบายเรื่องนี้ไว้บนเว็บของราชบัณฑิตยสถาน แต่น่าเสียดายที่เว็บนี้ติดไวรัสมานานแล้วครับ ไม่มีใครแก้ไข

นิราศพระบาท

๏ เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน
ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล ๚

๏ เห็นเทพีมีหนามลงราน้ำ
เปรียบเหมือนคำคนพูดไม่อ่อนหวาน
เห็นกิ่งกีดมีดพร้าเข้าราราน
ถึงหนามกรานก็ไม่เหน็บเหมือนเจ็บทรวง ๚

นิราศภูเขาทอง

๏ ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเปนน่าอาย ๚

๏ ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตจะคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน ๚

๏ ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า
ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา
ทั้งผัดหน้าจับกระเหม่าเหมือนชาวไทย
โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง
เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย
นี่หรือจิตคิดหมายมิหลายใจ
ที่จิตใครจะเปนหนึ่งอย่าพึงคิด ๚

๏ ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลานมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ๚

๏ ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด
บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน
อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา ๚

๏ โอ้เจดียะที่สร้างยังร้างรัก
เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น
กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ
จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
เปนผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น
คิดก็เปนอนิจจังเสียทั้งนั้น ๚

นิราศวัดเจ้าฟ้า

๏ อสุภกรรมฐานประหารเหตุ
หวนสังเวชว่าชีวังจะสังขาร์
อันอินทรีย์วิบัติอนัตตา
ที่ป่าช้านี่แหละเหมือนกับเรือนตาย
กลับหายกลัวมัวเมาไม่เข้าบ้าน
พระนิพพานเพิ่มพูนเพียงสูญหาย
อันรูปเหมือนเรือนโรคให้โศกสบาย
แล้วต่างตายตามกันเปนมั่นคง ๚

๏ ถึงเกาะเรียนเรียนรักก็หนักอก
แสนวิตกเต็มตรองเจียวน้องเอ๋ย
เมื่อเรียนกนจนจบถึงกบเกย
ไม่ยากเลยเรียนได้ดังใจจง
แต่เรียนรักรักนักก็มักหน่าย
รักละม้ายมิได้สมประสงค์
ยิ่งรักมากพากเพียรยิ่งเวียนวง
มีแต่หลงลมลวงน่าทรวงโทรม ๚

นิราศสุพรรณ

๏ คลองคดลดเลี้ยวล้วน หลักตอ
เกะกะระเรือรอ ร่องน้ำ
คดคลองช่องแคบพอ พายถ่อ พ่อเอย
คนคดลดเลี้ยวล้ำ กว่าน้ำลำคลอง ๚

๏ ชุมนักผักตบซ้อน บอนแซง
บอนสุพรรณหั่นแกง อร่อยแท้
บอยบางกอกดอกแสดง เหลือแหล่ แม่เอย
บอนปากยากจะแก้ ไม่สิ้นลิ้นบอน ๚

นิราศอิเหนา

๏ จะหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดชาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ ๚

นิราศพระแท่นดงรัง

๏ เห็นขนุนหนามหาไม่น่ากิน
แต่รสกลิ่นภายในชอบใจคน
เหมือนรูปชั่วใจดีเจ้าพี่เอ๋ย
ไม่เลือกเลยสุดแท้แต่กุศล
ที่รูปดีใจชั่วตัวซุกซน
ไม่เปนผลคบยากลำบากใจ ๚

๏ มีเพื่อเล่นก็ไม่เหทือนกับเพื่อตาย
มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม
ถึงจะมีวิมานสถานทิพย์
ให้ลอยลิบเลิศมนุษย์สุดปฐม
ถ้าไม่มีคู่เคียงเรียงภิรมย์
จะเตรียมตรมตรึกหาเปนอาจิณ ๚

นิราศพระประถม

๏ ที่ท้ายบ้านศาลเจ้าของชาวบ้าน
บวงสรวงศาลเจ้าผีบายศรีตั้ง
เห็นคนทรงปลงจิตอนิจจัง
ให้คนทั้งปวงหลงลงอบาย
ซึ่งคำปดมดท้าวว่าเจ้าช่วย
ไม่เห็นด้วยที่จะได้ดังใจหมาย
อันเจ้าผีนี้ถึงรับก็กลับกลาย
ถือเจ้านายที่ได้พึ่งจึงจะดี
แต่บ้านนอกคอกนาอยู่ป่าเขา
ไม่มีเจ้านายจึงต้องพึ่งผี ๚

๏ ถึงถิ่นฐานบ้านเพนียดเปนเนินสูง
ที่จับจูงช้างโขลงเข้าโรงหลวง
เหตุเพราะนางช้างต่อไปล่อลวง
พลายทั้งปวงจึงต้องถูกมาผูกโรง
โอ้อกเพื่อนเหมือนหนึ่งชายที่หมายมาด
แสนสวาทหวังงามมาตามโขลง
ต้องติดบ่วงห่วงรักชักฉะโลง
เสียดายโป่งป่าเขาคิดเศร้าใจ ๚

นิราศเมืองเพชร

๏ ถึงคลองนามสามสิบสองคดคุ้ง
ชวากวุ้งเวียนซ้ายมาฝั่งขวา
ให้หนูน้อยคอยนับในนาวา
แต่หนึ่งมาถ้วนสามสิบสองคด
อันคดอื่นหมื่นคนกำหนดแน่
เว้นเสียแต่ใจมนุษย์สุดกำหนด
ทั้งลวงล่องอเงี้ยวทั้งเลี้ยวลด
ถึงคลองคดก็ยังไม่เหมือนใจคน ๚

๏ โอ้เอ็นดูหนูน้อยร้องหอยเหาะ
ขึ้นไปเกาะกิ่งตลอดยอดพฤกษา
ล้วนจุ๊บแจงแผลงฤทธิ์เขาปลิดมา
กวักตรงหน้าเรียกให้มันได้ยิน
จุ๊บแจงเอ๋ยเผยฝาหาข้าวเปียก
แม่ยายเรียกจะให้ไปกฐิน
มั้งงวงทั้งงาออกมากิน
ช่วยปัดลิ้นปัดยุงกระทุงราย
เขาร่ำเรียกเพรียกหูได้ดูเล่น
มันอยากเปนลูกเขยทำเงยหงาย
เยี่ยมออกฟังทั้งตัวกลัวแม่ยสย
โอ้นึกอายด้วยจุ๊บแจงแกล้งสำออย
เหมือนจะรู้อยู่ในเล่ห์เสน่หา
แต่หากว่าพูดยากเปนปากหอย
เปรียบเหมือนคนจนทุนทั้งบุญน้อย
จะกล่าวถ้อยออกไม่ได้ดังใจนึก ๚

โคบุตร

๏ เจ้าโฉมงามทรามรักของแม่เอ๋ย
อย่าลืมเลยจงจำคำแม่สอน
ภัสดาอุปมาเหมือนบิดร
จงโอนอ่อนฝากองค์พระทรงฤทธิ์
สรงเสวยคอยระวังอย่าพลั้งพลาด
เมื่อไสยาสน์ผ่อนพร้อมถนอมจิต
ถ้าท้าวโศกแม่อย่างสรวลจงควรคิด
ระวังผิดอย่าให้ผ่านวรกาย
ผัวเคียดแม่อย่าเคียดทำโกรธตอบ
เอาความชอบมาดับให้สูญหาย
ถึงท้าวรักก็อย่าเริงละเลิงกาย
ครั้งระคายแล้วมักมีราคีคาว
ความลับแม่อย่าแจ้งแถลงไข
จงกล้ำกลืนกลบไว้อย่าให้ฉาว
แม้ปากชั่วตัวจะดีก็มีคาว
พระทัยท้าวเธอจะแหนงระแวงความ
อันหญิงชั่วผัวร้างนิราศรัก
อัปลักษณ์ข้าคนจะหยาบหยาม
มารดาพร่ำร่ำสอนจงทำตาม
แล้วโฉมงามแต่งกายให้สายใจ ๚

๏ ใครเกิดมาถ้าจิตนั้นติดปราชญ์
ย่อมหมายมาดขันตีเปนที่ตั้ง
เหมือนเขาสุเมรุมาศไม่พลาดพลั้ง
ใครชิงชังเหมือนหนึ่งว่าพายุพาน
ถึงแสนลมที่จะหมายทำลายโลก
ไม่คลอนโยกหนักแน่นเปนแก่นสาร
ใครเกิดจิตอิจฉาเปนสามานย์
สันดาลพาลผู้ใดทำกรรมอนันต์ ๚

๏ ตามโบราณก่อนเก่าท่านกล่าวมา
ว่าญาติใครได้ดีเขามีทรัพย์
ตัวแค้นคับเข็ญใจอย่าไปหา
ถึงรักแรงแขงขันได้สัญญา
อนาถาแล้วไม่นับเขาอับอาย ๚

๏ อันมนุษย์สุดจะเชื่อมันเหลือปด
พูดสบถแล้วสบัดไม่ขัดสน
เพราะแต่คำน้ำจิตคิดประจญ
ปากเปนผมใจเปนพาลเหลือมารยา
ใครหลงลิ้นกินลูกยอก็พอม้วย
ต้องตายด้วยปากมนุษย์ที่มุสา
คนทุกวันมันมิซื่อถือสัจจา
สู้สัตว์ป่าก็ไม่ได้ใจลำพอง ๚

๏ พระโคบุตรสุดสังเวชด้วยเหตุทรัพย์
จึงประทับหยุดนั่งบัลลังก์ผา
เรียกภูติผีปีศาจมาดาษดา
แล้วตรัสว่าเองนั่งคอยฟังคำ
เรามีจิตคิดสังเวชจะเทศนา
พวกเองมาหลงใหลอยู่ในถ้ำ
ดูอยู่เปล่าราก็เห็นว่าเปนกรรม
ทุกคืนค่ำเฝ้าแหนแสนศฤงคาร
ไม่กินอยู่ดูเหมือนบ้าน่าทุเรศ
เที่ยวเปนเปรตเวียนวงในสงสาร
ตั้งลโมภโลภไว้ไม่ให้ทาน
ทรมาณกายาอยู่ตาปี
ที่จริงเล่าเราไม่เห็นเปนประโยชน์
มีแต่โทษทัณฑ์ทุกข์ไม่สุขี
เครื่องสาธารณ์ถมแผ่นดินหลงยินดี
สมบัติมีเสียเปล่าปล่าไม่เข้าการ
เหมือนฝันเห็นเป็นแต่ลิ้มไม่อิ่มหนำ
มาตรากตรำอยู่ไม่เห็นเป็นแก่นสาร
ใบไม้นุ่งรุงรังเที่ยวจังฑาล
ไม่ต้องการเลยมาหลงจนงงงวย
จงตรองตรึกนึกกำดัดสมบัติทิพย์
วิมานลิบลอยสลอนอัปสรสวย
สมบัติใครในมนุษย์ถึงสุดรวย
จะเปรียบด้วยทิพยสมบัติไม่ทัดทัน
ทรัพย์ทั้งนี้ที่เอาไว้ไม่กระผีก
สู้แต่ซีกหนึ่งไม่ได้ในสวรรค์
อย่าห่วงใยในสมบัติจงตัดมัน
หมายสวรรค์เถิดออเจ้าไปเฝ้าชม ๚

๏ ซึ่งสองข้างต่างแค้นแสนระคาย
ต่างมุ่งหมายคิดมาจะฆ่าฟัง
เพราะโมโหพาหลงในสงสาร
กรรมฐานนั้นจะคิดก็บิดผัน
คือเวรกรรมทำมาจึงฆ่ากัน
ขืนฆ่าฟังอีกก็เห็นเป็นเวรไป
เหมือนกงเกวียนเวียนกำดูซ้ำซาก
กรรมวิบากนี้ก็ตรงอย่าสงสัย
ทำอย่างไรได้อย่างนั้นเห็นมั่นใจ
เป็นเวรไปตั้งกัปไม่นับปี ๚

มูลบท

๏ ภุมราการุญสุนทร ไว้หวังสั่งสอน
เด็กอ่อนอันเยาว์เล่าเรียน

๏ ก ข ก กา ว่าเวียน หนูน้อยค่อยเพียร
อ่านเขียนผสม กม เกย

๏ ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย ไม้เรียวเจียวเหวย
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว

๏ หันหวดปวดแสบแปลบเสียว หยิกซ้ำช้ำเขียว
อย่าเที่ยวเล่นหลงจงจำ

๏ บอกไว้ให้ทราบบาปกรรม เรียงเรียบเทียบทำ
แนะนำให้เจ้าเอาบุญ

๏ เดชะพระมหาการุญ ใครเห็นเป็นคุณ
แบ่งบุญให้เราเจ้าเอย ๚

สิงหไตรภพ

๏ เหมือนคำพระเทศนาท่านว่าขาด
ใครคบปราชญ์ก็เป็นปราชญ์ในสัณฐาน
ใครพบพาลก็จริตติดเป็นพาล
เหมือนนิทานช้างทรงกระษัตรา
มีโจรไพรมาอาศัยในโรงช้าง
พูดแต่ข้างหุนหันจะหันฆ่า
จนช้างพลายร้ายตามไอ้โจรา
ครั้งเสนาขับโจรเสียทันที
ให้ชีพราหมณ์รามราชมาอยู่ชิด
กระทำกิจส่วนศีลพระชินศรี
พระยาช้างได้สดับก็กลับดี
พระยาลีตรงตัวไม่กลัวไย ๚

๏ ดำริธรรมกรรมฐานสังหารรัก
ด้วยไตรลักษณ์หักธุระพระฤๅษี
อันรูปทรงหลงเห็นว่าเป็นดี
คือซากผีพองเน่าเสียเปล่าดาย ๚

เพลงยาวถวายโอวาท

๏ ขอพระองค์ทรงยศเหมือนคชบาท
อย่าให้พลาดพลั้งท้าวก้าวถลำ
ระมัดโอษฐ์โปรดให้พระทัยจำ
จะเลิศล้ำลอยฟ้าสุราลัย ๚

๏ หนึ่งปราชญ์ราชครูซึ่งรู้หลัก
อย่าถือศักดิ์สนทนาอัชฌาสัย
อุส่าห์ถามตามประสงค์จำนงใน
จึงจักได้รู้รอบประกอบการ ๚

๏ อนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ
จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน
อนึ่งคนมนต์ขลังช่างชำนาญ
แม้พบพานผูกไว้เป็นไมตรี
เขาทำชอบปลอบให้น้ำใจชื่น
จึงเริงรื่นรักตรงไม่แหนงหนี
ปรารถนาสารพัดในปฐพี
เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง ๚

๏ คำโบราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง
เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ ๚

๏ แต่คนร้ายหลายลิ้นย่อมปลิ้นปลอก
เลี้ยงมันหลอกหลอนเล่นเหมือนเช่นผี
อย่าพานพบคบค้าเป็นราคี
เหมือนพาลีหลายหน้าระอาอาย ๚

๏ อันคนดีมีสัตย์สันทัดเที่ยง
ช่วยชุบเลี้ยงชูเชิดให้เฉิดฉาย
เอาไว้ใช้ใกล้ชิดไม่คิดร้าย
เรารักตายด้วยได้ด้วยใจตรง ๚

๏ อันโซ่ตรวนพวนพันมันไม่อยู่
คงหนีสู้ซ่อนหมุนในฝุ่นผง
แม้ผูกใจไว้ด้วยปากไม่จากองค์
อุส่าห์ทรงทราบแบบที่แยบคาย ๚

๏ อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นทราก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
แจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ ๚

๏ จะรักชังทั้งสิ้นเพราะลิ้นพลอด
เป็นอย่างยอดแล้วพระองค์อย่าสงสัย
อันช่างปากยากที่จะมีใคร
เขาชอบใช้ช่างมือออกอื้ออึง ๚

๏ จงโอบอ้อมถ่อมถดพระยศศักดิ์
ถ้าสูงนักแล้วก็เขาเข้าไม่ถึง
ครั้นต่ำนักผักจะคิดผิดรำพึง
พอก้ำกึ่งกลางนั้นขยันนัก ๚

๏ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย ๚

๏ จับให้มั่นคั้นหมายให้วายวอด
ช่วยให้รอดรักให้ชิดพิสมัย
ตัดให้ขาดปรารถนาหาส่งใด
เพียรจงได้ดังประสงค์คงจะดี ๚

๏ ธรรมดาว่ากษัตริย์อติเรก
เป็นองค์เอกอำนาจดังราชสีห์
เสียงสังหารผลาญสัตว์ในปฐพี
เหตุเพราะมีลมปากนั้นมากนัก ๚

๏ พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าบรรดาศักดิ์
แม้ไม่รักษายศจะอดสู
ซึ่งยศศักดิ์จักประกอบจำรอบรู้
ได้เชิดชูช่วยเฉลิมให้เพิ่มพูน ๚

๏ ประเพณีที่บำรุงกรุงกษัตริย์
ปฏิพัทธ์ผ่อนผันตามบรรหาร
ต่างพระทัยไนยเนตรสังเกตการ
ตามบุราณเรื่องราชานุวัติ ๚

๏ อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก
แม้ถอบศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา
เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา
แต่วิชาช่วยการจนวายปราณ ๚

๏ อย่าฟังฟ้องสองโสตจงโปรดปราน
ด้วยลมพาลพานพัดอยู่อัตรา ๚

ขุนช้างขุนแผน

๏ โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้
ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อนผ่อนปรน
คงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ๚

๏ รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา
ไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ ๚

๏ จะเป็นข้าจอมอินทร์ปิ่นนคร
อย่านั่งนอนเปล่า ๆ ไม่เข้าการ ๚

๏ ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็ก
มหาดเล็กสามพ่อต่อลูกหลาน
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณ
เพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ ๚

เสภาพระราชพงศาวดาร

๏ อันเชื้อชาติราชสีห์มีอำนาจ
ไม่เขลาขลาดเหมือนมฤคถึกเถลิง
ท้าวพระยาสามัญย่อมบันเทิง
ที่สำเริงสำราญการณรงค์ ๚

« « Prev : คนดี มาจากไหน ?

Next : ประชุมสุภาษิตสุนทรภู่ (2) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 June 2010 เวลา 17:11

    ดีจริงๆที่รวบรวมไว้ จะขอเอาไปใช้ได้ง่าย อิ

  • #2 ป้าจุ๋ม ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 June 2010 เวลา 19:51

    -ต้องขอขอบคุณคุณLogos อย่างมากๆเลยค่ะ ที่ได้รวบรวมมาให้ได้อ่านกันตรงนี้
    -เมื่อวานป้าจุ๋มก็คุยกับหวานใจว่าทำไมหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับสุนทรภู่ในร้านหนังสือทั่วไปไม่มี
    เห็นเขาบอกว่าส่วนมากเขามักจะจัดพิมพ์ในโอกาสพิเศษเท่านั้น น่าจะหาได้แถวๆร้านหนังสือสวนจตุจักรค่ะ กำลังคุยๆกันว่าสักวันจะไปลุยกันดู หาซื้อมาเก็บไว้อ่านกันค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.79392600059509 sec
Sidebar: 0.4732449054718 sec