พระมหาชนก

อ่าน: 6906

ชื่อโพธิยาลัยนี้ ได้ยินครั้งแรกก็ในหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก เป็นตอนที่นางมณีเมฆลามาช่วยนำพระมหาชนก ซึ่งว่ายน้ำในมหาสมุทรมาแล้วเจ็ดวัน ขึ้นไปส่งที่เมืองมิถิลาเพื่อทวงคืนราชสมบัติ ดังความตอนหนึ่งว่า

… พร้อมกันนั้น เทวดาก็ได้กล่าวอดิเรกคาถาว่า :

ข้าแต่บัณฑิต วาจาอันมีปาฏิหารย์มิบังควรหายไปในอากาศ. ท่านต้องให้สาธุชนได้รับพรแห่งพระโพธิญาณจากโอษฐ์ของท่าน. ถึงกาลอันสมควร ท่านจงตั้งสถาบันการศึกษาให้ชื่อว่า โพธิยาลัยมหาวิชชาลัย. ในกาลนั้นท่านจึงจะสำเร็จกิจที่แท้.
คำว่า โพธิยาลัย หมายความ ที่อาศัยแห่งแสงสว่าง. คำว่า มหา วิชฺชาลย หมายความที่อาศัยแห่งความรู้อันยิ่งใหญ่. …

ซึ่งวาจาอันมีปฏิหารย์นั้น หมายถึงวิริยบารมี ความเพียรอันยิ่งยวด [อ้างอิง] ดังคำว่า “ท่านใดถึงพร้อมด้วย ความพยายามโดยธรรม ไม่จมลงในห้วงมหรรณพ ซึ่งประมาณมิได้ เห็นปานนี้ ด้วยกิจคือความเพียรของบุรุษ ท่านนั้นจงไปในสถานที่ ที่ใจของท่านยินดีนั้นเถิด.

ยังมีอีกเยอะครับ

… สิ่งที่มิได้คิดไว้จะมีก็ได้ สิ่งที่คิดไว้จะพินาศไปก็ได้ โภคะทั้งหลายของหญิงก็ตาม ของชายก็ตามมิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น …

ครั้นเมื่อพระมหาชนกเสด็จขึ้นครองราช แล้วครั้งหนึ่งเสด็จประพาสอุทยาน ก็พบต้นมะม่วงสองต้นมีใบเขียวชะอุ่ม ต้นหนึ่งมีผล อีกต้นหนึ่งไม่มีผล พระมหาชนกกินไปผลหนึ่ง พบว่าอร่อยมาก

… คนอื่นๆ มีอุปราชจนถึงคนรักษาช้าง รักษาม้ารู้ว่าพระราชาเสวยผลมีรสเลิศแล้วก็เก็บเอาผลมากิน ฝ่ายคนเหล่าอื่นยังไม่ได้ผลนั้น ก็ทำลายกิ่งด้วยท่อนไม้ ทำเสียไม่มีใบ ต้นก็หักโค่นลง มะม่วงอีกต้นหนึ่งตั้งอยู่งดงามดุจภูเขามีพรรณดังแก้วมณี พระราชาเสด็จออกจากพระราชอุทยานทอดพระเนตรดังนั้น จึงตรัสถามเหล่าอำมาตย์ว่า “มีอะไรกัน” เหล่าอำมาตย์กราบทูลว่า “มหาชนทราบว่าพระองค์เสวยผลรสเลิศแล้ว ต่างก็แย่งกันกินผลมะม่วงนั้น” พระราชาตรัสถามว่า “ใบและวรรณะของต้นนี้สิ้นไปแล้ว ใบและวรรณะของต้นนอกนี้ยังไม่สิ้นไปเพราะเหตุใด” อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า “ใบและวรรณะของอีกต้นหนึ่งไม่สิ้นไปเพราะไม่มีผล” พระราชาได้สดับฟังดังนั้นได้ความสังเวช ทรงดำริว่า “ต้นนี้มีวรรณะสดเขียวทั้งต้นอยู่แล้วเพราะไม่มีผล แต่ต้นนี้ถูกหักโค่นลงเพราะมีผล แม้ราชสมบัตินี้ก็เช่นเดียวกับต้นไม้มีผล บรรพชาเช่นกับต้นไม้หาผลมิได้ ภัยย่อมมีแก่ผู้มีความกังวล ก็เราจักไม่เป็นเหมือนต้นไม้มีผล จักเป็นเหมือนต้นไม้หาผลมิได้”…

พระมหาชนกยังนึกถึงคำของนางมณีเมขลา ที่ให้ตั้งปูทะเลย์มหาวิชชาลัย (โพธิยาลัย)

… แม้ในการนั้นก็จะสำเร็จกิจ และได้มรรคาแห่งบรมสุข พระมหาสัตว์ทรงดำริว่า “ทุกบุคคลจะเป็นพ่อค้าวาณิช เกษตรกร กษัตริย์หรือสมณะ ต้องทำหน้าที่ทั้งนั้น อย่างไรก็ตามก่อนอื่นเราต้องหาทางฟื้นฟูต้นมะม่วงที่มีผล” บัดนั้นจึงให้เรียกเสนาบดีมา ตรัสสั่งว่า “จงไปเชิญอุทิจจพราหมณ์มหาศาลให้มาพร้อมด้วยลูกศิษย์ ๒ - ๓ คน”

“อุทิจจพราหมณ์มหาศาลรีบมาเฝ้าพระราชา พร้อมด้วยลูกศิษย์สองคนคือ จารุเตโชพราหมณ์และคเชนทรสิงหบัณฑิต สองคนนี้ คนแรกชำนาญการปลูก คนที่สองชำนาญการถอนทันใดที่มาถึง คเชนทรสิงหบัณฑิต ก็ทรุดลงแทบพระบาทของพระราชาแล้วทูลว่า “ข้าพระองค์ผิดไปเอง เมื่อเหล่าอำมาตย์ขอให้ข้าพระองค์ช่วยเก็บมะม่วงถวายอุปราช ข้าพระบาทจึงนำเอายันตกลเก็บเกี่ยวมาใช้ มิได้คิดว่าจะทำให้ต้นมะม่วงถอนรากโค่นลงมา พระพุทธเจ้าข้าขอรับ” พระราชาตรัสว่า “อย่าโทมนัสไปเลยอาจารย์ผู้ดำริการ ต้นมะม่วงโค่นไปแล้ว ณ บัดนี้ปัญหาคือ ฟื้นฟูต้นมะม่วงได้อย่างไร เรามีวิธี ๙ อย่างที่อาจใช้ได้
@ เพาะเม็ดมะม่วง
@ ถนอมรากที่ยังมีอยู่ให้งอกใหม่
@ ปักชำกิ่งที่เหมาะแก่การปักชำ
@ เอากิ่งดีมาเสียบยอดกิ่งของต้นที่ไม่มีผลให้มีผล
@ เอาตามาต่อ กิ่งของอีกต้น
@ เอากิ่งมาทาบกิ่ง
@ ตอนกิ่งให้ออกราก
@ รมควันต้นที่ ไม่มีผลให้ออกผล
@ ทำชีวาณูสงเคราะห์

ท่านพราหมณ์มหาศาลจงให้พราหมณ์ อันเตวาสิกไปพิจารณา อุทิจจพราหมณ์รับสนองพระราชโองการว่า “ข้าพระองค์ผู้ทรงปัญญา จะให้คเชนทรสิงหบัณฑิต นำเครื่องยันตกลไปยกต้นมะม่วงให้ตั้งตรงทันที และจะให้จารุเตโชพราหมณ์เก็บเม็ดแซะกิ่ง ไปดำเนินการตามพระราชดำริ พระราชาโปรดให้สองคนนั้นรีบไป แต่ขอให้พราหมณ์มหาศาลคอยรับพระราชดำริต่อไป”

ครั้นอยู่ลำพังพระราชาตรัสกะพราหมณ์ว่า เราสงวนเรื่องนี้มาหลายเวลาแล้ว นับแต่คราวลงเรือสู่สุวรรณภูมินั้น ก่อนคลื่อนยักษ์มากระหน่ำนาวา เราได้ยินพาณิชชาวสุวรรณภูมิพูดกันเป็นภาษาสุวรรณภูมิว่า “โน่นปูทะเลยักษ์สู้กับปลาและเต่า” และว่าผู้ใดเหยียบปูนั้นได้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่หากทีความเพียรแท้ พราหมณ์ทูลว่า “ข้าพระองค์ก็เคยได้ยินเรื่องอย่างนี้ แต่ไม่ทราบว่ามีปูทะเลยักษ์ดังนี้หรือไม่” พระราชาตรัสต่อว่า “มีแน่แท้หลังจากได้กระโดดจากยอดเสากระโดงเรือ ลงทะเลพ้นจากปลาและเต่าก็ว่ายข้ามมหาสมุทรได้พักผ่อนเป็นคราวๆ บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเหยียบพื้นทะเลได้คล้ายๆ ใกล้ถึงฝั่ง ดังเช่นบุคคลที่หกในจำพวกเจ็ดบุคคล ใน (อุทกูปมสูตรที่ ๕) แต่ที่แท้จริงเป็นปูทะเลยักษ์นั่นเอง” พราหมณ์ทูลว่า “ที่จริงแท้คือพระบุญญาธิการ”

กล่าวว่า โพธิยาลัยอันเป็นนามของฤษีดัด ตนที่วัดพระเชตุพนในเทวมหานคร เมืองสุวรรณภูมิ แต่หากจะเรียกว่าปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ก็น่าจะเหมาะสมเหมือนกัน” พระราชาตรัสว่า “เห็นพระคุณของท่านอาจารย์ เราแน่ใจว่าถึงกาลที่จะตั้งสถาบันแล้ว เป็นสัจจะว่าควรตั้งมานานแล้ว เหตุการณ์ในวันนี้แสดงความจำเป็น นับแต่อุปราชจนถึงคนรักษาช้างคนรักษาม้า และนับตั้งแต่คนรักษาม้าจนถึงอุปราช และโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ล้วนจาริในโมหภูมิทั้งนั้น พวกนี้ขาดทั้งความรู้วิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรมดา พวกนี้ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตน พวกนี้ชอบผลมะม่วงแต่ก็ทำลายต้นมะม่วง” พราหมณ์มหาศาลเห็นพ้องกับพระราชดำริและกล่าวว่า “พระราชาผู้เป็นบัญฑิต ข้าพระองค์ยังมีศิษย์ที่ไว้ใจได้ และจะประดิษฐานปูทะเลย์มหาวิชชาลัยได้แน่นอน มิถิลายังไม่สิ้นคนดี” …

แม้ต้นมะม่วงที่มีผล ได้ถูกทำลายย่อยยับลงไปด้วยความโลภและความไม่รู้ ก็ยังมีวิธีอีกมากมายที่จะบูรณะขึ้นมาได้ มิถิลายังไม่สิ้นคนดี ศรีอยุธยาก็คงเช่นกัน

ว่าแต่โพธิยาลัยมหาวิชชาลัยอยู่ที่ใด? หวังว่าคงไม่อยู่ใต้กระทรวงศึกษาธิการหรอกนะครับ

[มหาชนกชาดก พระไตรปิฎก อรรถกถา]

« « Prev : ความเท่าเทียมในการเข้าถึงข้อมูล

Next : ส่งของมาเสียที » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 May 2010 เวลา 19:46

    5 5 5 5 5 . . .

    กำลังขึังเคียดในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ดังใจ บันทึกนี้ อ่านทุกตัวอักษรจนจบ พออ่านจบสองย่อหน้าสุดท้ายก็ 5 5 5 5 5 . . .

    เจริญพร

  • #2 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 May 2010 เวลา 20:54

    สวัสดีค่ะ
    แวะมาอ่านเพื่อน้อมนำให้เกิดสติ อันอาจนำไปสู่ปัญญาค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2010 เวลา 0:31
    อยากให้ลองอ่านอันนี้ครับ การศึกษาเพื่อสร้างมนุษย์แท้
  • #4 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2010 เวลา 19:19

    ตามไปอ่านแล้วค่ะ
    น้อมนำไว้ใส่ใจ
    ผู้ที่อยากเป็น ครู ต้องตระหนักและคำนึงว่า การจะให้การศึกษา สอนคนให้เป็นมนุษย์แท้ นอกจากต้องเริ่มจากการพัฒนาตัวเองให้ดีงามก่อนแล้ว ต้องให้การศึกษาที่นำไปสู่การเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ของ ศีล จิต และปัญญา
    ขอบคุณค่ะ

  • #5 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2010 เวลา 19:29

    เมื่อมีเมลส่งไปบอกว่าให้ moderated เราต้องทำยังไงคะ
    งง งง งง

  • #6 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2010 เวลา 19:49
    ไม่ต้องทำยังไงเลยครับ

    เมื่อเราไปหยอดความเห็นไว้ในบล็อกที่ไม่เคยไปเยี่ยม ในครั้งแรก(ครั้งแรกเท่านั้น) ที่เจ้าของบล็อกต้องมา approve ความคิดเห็นก่อน (เรียกว่า moderation) เมื่อ approve แล้ว ครั้งต่อๆ ไป ก็ไม่ต้อง approve อีกครับ

    เช่นเดียวกันกับการที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นไว้ในบล็อกของเราเป็นครั้งแรก ระบบก็จะเมลไปบอก ที่เราต้องทำก็คือ approve ความคิดเห็นนั้นครับ ถ้าไม่ approve ความคิดเห็นอันนั้นก็ไม่ปรากฏให้คนอื่นเห็น รวมทั้งคนเขียนด้วย — ผม approve ให้หมดแล้วนะครับ คนทั้งหมด(เคย)ใช้ GotoKnow มาก่อน เคยเดินสวนกันไปสวนกันมาทั้งนั้น

  • #7 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2010 เวลา 20:13

    ขอบคุณค่ะ
    เป็นระบบที่ดีค่ะ เลือกได้ว่าเราจะคุยกับใครหรือไม่คุย
    ส่วนของคุณ logos ทำไมจึงเป็น comment ปรากฎในบันทึกเลยล่ะคะ
    หรือว่าไปกดอะไรผิดไม่ทราบค่ะ
    แต่ทั้งนี้ก็ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำสำหรับมือใหม่และยังโลว์เทคด้วย

  • #8 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2010 เวลา 20:20
    อ๋อ ผมเป็น admin ครับ มีอภินิหารย์บางอย่าง
  • #9 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2010 เวลา 20:24

    อ้าว….เช่นนี้เอง
    ขอบคุณค่ะ :)


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.74076414108276 sec
Sidebar: 0.38440990447998 sec