พิพิธภัณฑ์ พุทธธรรม พระบรมสารีริกธาตุ
เป็นอะไรก็ไม่รู้ครับ เดี๋ยวนี้โอนเงินผ่านระบบธนาคารไม่ผ่านเลย ไปโอนที่ตู้เอทีเอ็มก็ไม่ผ่าน หรือธนาคารที่ใช้เล่นกลหว่า…
ได้เห็นพระพุทธรูปจำลอง ที่วัดป่าภูก้อนได้จัดสร้างขึ้นเพื่อระดมทุนมาตั้งสามเดือนแล้ว แต่ไม่เคยโอนเงินได้สำเร็จสักที (ถ้าสำเร็จเพียงครั้งเดียว ก็จะไม่โอนซ้ำอีก!) องค์พระงามมาก อยากบูชามาให้ตั้งไว้ในห้องนอนพ่อกับแม่ครับ วันนี้ก็เลยไปที่ “สำนักงานโครงการฯ” ในกรุงเทพ ที่อยู่ปากซอยเจริญกรุง 85/1 ตรงข้ามโรงแรมแม่น้ำริเวอร์ไซด์ เป็นร้าน Cockpit ขายยาง
องค์ขนาด 12 นิ้วก็งามมาก เห็นรายละเอียดเยอะเลย แต่ผมคิดว่าจะสร้างฐานและกล่องเอง (อาจจำได้ว่าคุณพ่อเกิดวันอังคาร มีพระปางไสยาสน์เป็นพระประจำวันเกิดซึ่งผมอยากทำให้ เคยแกะพระไม้ให้แม่ไปแล้วองค์หนึ่งเมื่อต้นปี) ส่วนพรุ่งนี้วันแม่ ให้พระสองท่านพร้อมกันเลยดีกว่าครับ แต่ว่าถ้าบูชาองค์ขนาดใหญ่มา พอรวมฐาน รวมกล่องแล้ว คงจะใหญ่โตมโหฬาร ก็เลยบูชาองค์ 9 นิ้วกลับมา
ผมไม่คุ้นเคยกับแถวนั้นหรอกครับ แต่เคยได้ยินแว่วๆ เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์ พุทธธรรม พระบรมสาสีริกธาตุ เนื่องจากว่าเคยค้นข้อมูลมาก่อน จึงระลึกได้ว่าอยู่ไม่ไกลเลย ขับรถไปดูสถานที่สักหน่อย คิดว่าจะพาพ่อแม่มาเที่ยว แต่ต้องมาดูก่อนว่าเดินไหวหรือเปล่า
พิพิธภัณฑ์นี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนพระรามที่ ๓ ฝั่งเดียวกับสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อยู่ก่อนวัดปริวาสครับ เป็นบริเวณย่านการค้า มีภัตตาคารอยู่ริมน้ำหลายแห่ง เรียกว่าเป็น community mall ดีกว่า ชื่อบางกอกสแควร์ [13.67378°N,100.53423°E]
เข้าประตูไป เจอเคาน์เตอร์ต้อนรับ ขอบัตรประชาชน เฮ้ย! เอาไปทำไมครับ เค้าบอกว่ามีแจกพระธาตุ ถ้าจะเอาก็ต้องแลกบัตรประชาชน ต้องเซ็นชื่อด้วย แล้วขอเบอร์โทรศัพท์ทุกครั้งที่มีการลงชื่อ พิลึกเกินไปหรือไม่เนี่ย! จะเอาข้อมูลพวกนี้ไปทำไม ยิ่งเบอร์โทรของผมไม่แจกมั่วหรอกครับ
เอ้า ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร จากนั้นก็เข้าไปดูข้างใน ซึ่งอยู่ชั้นสองครับ
งานนี้ไปอย่างฉุกเฉิน ไม่ได้เตรียมกล้องไป มีแต่มือถือติดตัวอยู่นี่… ถ่ายไปถ่ายมา เจ้าหน้าที่บอกห้ามถ่ายรูปครับพี่ อ้าว… ไม่เห็นมีป้ายบอกเลย พอพูดเสร็จเท่านั้นแหละ เหลือบไปเห็นป้ายทันที… อ้าว ขอโทษครับ เจ้าของสถานที่ไม่ให้ถ่าย ก็ไม่ถ่าย แต่ที่ถ่ายมาก่อนบอกนี่ ไม่ได้บอกให้ลบนะครับ
ถ้าจะถ่าย ต้องทำเรื่องให้คณะกรรมการอนุมัติ เมื่อวานก็มีทีวีมาถ่าย ผมถามว่าใครเป็นเจ้าของ ใครเป็นกรรมการ เจ้าหน้าที่บอกมีหลายคน ช่วยกันทำ แต่ไม่อยากออกชื่อ… อืม ก็โอเคครับ
พิพิธภัณฑ์นี้ ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่ผมว่าเป็นศรัทธาพาณิชย์ตรงๆ เลยครับ พยายามขายทุกอย่างเลย แต่เห็นพุทธศิลป์สวยๆ เยอะเลยนะ
มีพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอัครสาวกองค์ต่างๆ ตามที่มีชื่อปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ของพระอรหันต์ ลักษณะก็คล้ายกับที่มีอยู่ที่บ้าน (มีเป็นกอบ กำไม่หมด) แต่ถ้าถามว่าจริงหรือไม่ ผมไม่รู้ครับ ไม่มีความสามารถจะบอกได้เลย ละลานตาไปหมด แต่เวลาสวดบทสรรเสริญพระพุทธคุณ (อิติปิโส ฯ) จิตใจก็สงบดี นั่ง/ยืนอ่านบทบรรยาย นั่งเฉยๆ ก็ได้ ไม่มีใครมายุ่งกับเรา แล้วเราก็ไม่ยุ่งกับใคร
ถ้าใครผ่านไปแถวนั้น ผมว่าน่าเข้าไปดูนะครับ ไปดูความเป็นพุทธของตนเอง
Next : คืนแม่ » »
2 ความคิดเห็น
เคยผ่านเห็นชื่อพิพิธภัณฑ์ ฯ แต่ย้งไม่เคยแวะ ไม่ไกลจากบ้านที่พักมากนักค่ะ
จากที่ชมภาพ (ดีจังไม่โดนลบก่อน) คิดว่าน่าจะคล้าย ๆ ลักษณะ”พุทธพาณิชย์”ที่ชาวไต้หวันนิยมมาทำในเมืองไทย (ผิดถูกอย่างไรไม่ทราบสำหรับกรณีพิพิธภัณฑ์นี้)
เท่าที่พบจะมีการลงทุนสร้างสถานที่ค่อนข้างใหญ่โต สวยงาม มีพระพุทธรูปที่สวยงาม (แนววชิรญาณ) ตามนิกายจีน บางแห่งในต่างจังหวัด (เช่น วัดหนองหอย ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ จ.ราชบุรี) จะสร้างเป็นวัด ดำเนินการโดยมูลนิธิ หรือพิพิธภัณฑ์ (คงเกี่ยวกับภาษี) ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาหรือดูแลเลย มีพระพุทธรูปสวย ๆ สไตล์จีน เทพเจ้าองค์ต่าง ๆ ประคำสวดมนต์ ของห้อยหน้ารถ (ไม่ทราบเรียกอะไร) เป็นรูปน้ำเต้า เหรียญเงินอะไรทำนองนั้นให้เช่าซื้อ แม้แต่เครื่องกังไส แจกันใบโต ๆ ก็นำมาวางให้เลือกเช่าไปได้ด้วย (ขาย) สันนิษฐานกับพี่ ๆ ว่าชาวไต้หวันนี่หัวใส สร้างวัดสวย ๆ ในนามองค์กรการกุศล สามารถนำพระพุทธรูป แจกัน เครื่องกังไสเข้ามาขาย (ก็คือการใ้ห้คน “เช่า”) ราคาอาจถูกกว่าไปซื้อจากเมืองจีนโดยตรงด้วยเพราะไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียก็ในอัตราของการนำมาเพื่อการบูชาตามความเชื่อของศาสนา แถมเงินบริจาคต่าง ๆ ก็น่าจะไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย… ว่ากันว่าแค่เงินที่ขายของบูชาต่าง ๆ นี้ก็เลี้ยงเจ้าหน้าที่ที่ช่วยขายของและดูแลสถานที่ได้แล้ว
ซึ่งก็คงไม่ผิดอะไร เพราะไม่ได้เรียกร้องเงินทอง แต่คนไปไหว้เต็มใจบริจาคเอง…
ยังคุยกันว่าหากบริหารจัดการดี ๆ มูลค่าของศรัทธาของคนไทยเชื้อสายจีน…คงไม่น้อยเลยในแต่ละปีค่ะ
เรื่องของศรัทธาอยู่เหนือเหตุผล ไม่ว่ากันครับ