ผลลัพท์หลังงานเสร็จ

อ่าน: 7196

เมื่อสองอาทิตย์ก่อน นิสิตแพทย์มาอบรม ให้ปั้นพระดินเหนียว มีลูกเล่นอยู่ในแบบฝึกหัดนั้นมากมาย

มีอยู่อันหนึ่งซึ่งยังไม่ได้อธิบาย คือการไม่ตัดสินทันทีที่ปั้นพระเสร็จครับ

รูปซ้ายคือพระที่ปั้นทิ้งไว้หนึ่งคืน รูปขวาคือสองอาทิตย์ให้หลัง
24042010205.jpg 05052010239.jpg
อ่านต่อ »


นันทิ

7 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 4 May 2010 เวลา 0:10 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 6079

น้องสะใภ้ เอาหนังสือมาให้สองเล่มกับซีดีสองแผ่น จากพระอาจารย์คึกฤทธิ์​ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ก็เจอคำว่านันทิครับ

นันทิ แปลง่ายๆ ว่า ความเพลิดเพลิน — ซึ่งเป็นเหตุของราคะ | การระงับนันทิ จึงดับราคะ (ซึ่งราคะไม่ใช่แค่กามราคะหรอกครับ เดี๋ยวเขียนต่อข้างล่าง) มีอรรถกถา นันทิขยสูตรอธิบายไว้น่าคิดว่า

อรรถกถานันทิขยสูตรที่ ๑ - ๒

ในสูตรที่ ๑- ๒ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้  :-

คำว่า นนฺทิกฺขยา ราคกฺขโย, ราคกฺขยา นนฺทิกฺขโย เพราะ ความเพลิดเพลินสิ้นไป ราคะก็สิ้นไป. เพราะราคะสิ้นไป ความเพลิดเพลิน ก็สิ้นไปนี้ ท่านกล่าวไว้เพื่อกระทำให้ต่างจากอรรถแห่งคำเหล่านี้ว่า

นนฺทิ หรือว่า ราโค. อนึ่ง บุคคลเมื่อเบื่อหน่ายด้วยนิพพิทานุปัสสนา ชื่อว่าย่อมละนันทิ ความเพลิดเพลิน เมื่อคลายความกำหนัดด้วยวิราคานุปัสสนา ชื่อว่าย่อมละราคะ.

ด้วยอันดับคำเพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้วิปัสสนาจบลงแล้ว ทรงแสดงมรรคจิตในที่นี้ว่า เพราะราคะสิ้นไป นันทิก็สิ้นไป

ดังนี้แล้วแสดงผลจิตว่า เพราะนันทิ-ราคะสิ้น จิตหลุดพ้นแล้วแล.

จบ อรรถกถานันทิขยสูตรที่ ๑ ๒

ความเพลิดเพลิน คงจะไม่ได้หมายความเพียงความสนุกเพลิดเพลินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการติดใจ หลงไหล เหมือนการเติมเชื้อลงไปในกองไฟ; บางทีมองเป็นปฏิกริยาที่เกิดขึ้นในใจโดยอัตโนมัติ (อัตโนเมติก) โดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวแต่ไม่สามารถหักห้ามใจได้; มองอีกทีเหมือนเชียร์กีฬา หรืออินกับเหตุการณ์อะไรมากๆ แบบเดียวกับอินกับละคร ทั้งที่ตนเองก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับเหตุการณ์นั้นได้เช่นกัน (แต่ไม่รู้ตัว และใจล่องลอยรับความทุกข์ไปสุมใจโดยไม่รู้ตัว)

อ่านต่อ »


ภาษีจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์​

อ่าน: 4905

ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดรองต่างๆ เป็นตลาดทุนของประเทศ — กิจการตลาดหลักทรัพย์มีมาตั้งแต่ปี 2496 มีการรวมตลาดหลักทรัพย์(เอกชน)ต่างๆ เป็นตลาดเดียวในปี 2505 และจัดตั้งเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตาม พรบ.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2517 [อ้างอิง]

รัฐบาลที่ผ่านมา เห็นว่าตลาดทุนมีความสำคัญต่อการระดมและบริหารจัดการเงินทุน จึงยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรที่เกิดจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เฉพาะที่เกิดขึ้นในตลท. แม้จะมีผลทางด้านบวกจริง แต่การยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรนี้ ทำให้ ตลท.เป็นเครื่องมือที่ใช้ปั่นกำไรมหาศาลตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าในปี 2535 จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์​ (กลต.) เพื่อดูแลตลาดทุนทั้งระบบ ซึ่งการกำกับด้วยกฎระเบียบได้สร้างภาระมากมายต่อบริษัทจดทะเบียน และการดูแลก็ทำได้เพียงลักษณะ reactive คือให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงสอบสวนลงโทษ

ผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ มีความอ่อนไหวต่อข่าวและกระแสเป็นอย่างมาก รายการวิเคราะห์หุ้นต่างๆ ใช้เครื่องมือทางเทคนิคกันเป็นหลัก ทำให้การลงทุนในตลาดทุนกลายเป็นการเก็งกำไรไปซะมาก; ผมเคยเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนครับ เมื่อหุ้นของบริษัทเข้าซื้อขายใน ตลท. มีหุ้นที่ไม่ติด silent period และสามารถซื้อขายในตลท.ได้ 110 ล้านหุ้น แต่วันแรกที่ทำการซื้อขายในเดือน พ.ย.2544  ปรากฏว่ามีหุ้นของบริษัทซื้อขายในตลท. 318 ล้านหุ้น โดยเฉลี่ยแสดงว่าทุกหุ้นที่มีอยู่ในตลาดในขณะนั้น ซื้อขายกันเกือบสามรอบ ซื้อเช้า-ขายสาย-ซื้อก่อนเที่ยง-ขายตอนเปิดตลาดช่วงบ่าย-ซื้ออีกตอนบ่ายแก่ๆ-ขายก่อนกลับบ้าน อะไรจะขนาดนั้น!

ปรากฏการณ์ลักษณะนี้ ชี้ให้เห็นว่า “ผู้ลงทุน” ใน ตลท. ต้องการกำไรระยะสั้น ซึ่งไม่น่าจะตรงกับคำว่าการลงทุนครับ ผมไม่คิดว่าควรจะห้ามซื้อขายหุ้นเร็ว แต่ถ้าจะอาศัยเครื่องมือพัฒนาตลาดทุน ก็ควรใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ถ้าจะถือสั้น ก็น่าจะแบกต้นทุนเพิ่มบ้างครับ

อ่านต่อ »


โลกเปลี่ยนไป จึงสิ้นโลก?

อ่าน: 3325

บันทึกรีไซเคิลครับ เคยเขียนไว้ที่อื่นเมื่อ 24 เม.ย. 2550 ซึ่งก็มีประเด็นที่น่าสนใจ คือเมื่อเรารับข่าวสารมา ดูน่าเชื่อถือ มีการอ้างอิงที่ดูจะเป็นวิทยาศาสตร์ อ้างชื่อนักวิทยาศาสตร์นามกระเดื่อง ควรเชื่อไปเลยหรือ?


เรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อคืนดูสารคดีของ the Horizon Project เรื่อง Bracing for Tomorrow ซึ่งออกแนว science fiction คือเขาทำนายต้นเหตุของวันสิ้นโลก โดยพยายามผูกโยงบุคคลที่มีชื่อเสียง กับแนวคิดวิทยาศาสตร์เข้ามาครับ ใช้ศัพท์วิทยาศาสตร์เยอะๆ ดูน่าเชื่อถือดี — ใครอยากดู อาจหาดูได้โดยค้น bittorrent ได้ ถ้าเน็ตเร็วพอ (เตือนแล้วนะครับ)

ที่มาเขียนบันทึกนี้ ก็เพราะสารคดีกล่าวอ้างไอน์สไตน์ ว่าไอน์สไตน์เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแกนหมุนของโลกที่ทำให้อารยธรรมมนุษย์สูญสิ้น (อ้างปฏิทินชาวมายันซึ่งคำนวณไว้ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 หมายความว่าโลกจะจบวันนั้น; กระแสกราวิตรอนจากหลุมดำใจกลางกาแล็กซี ทำให้เกิดแผ่นดินไหว+ภูเขาไฟระเบิด+สึนามิสูงหกพันฟุต; การกลับขั้วแม่เหล็ก ทำให้โลกไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันรังสีคอสมิค ฯลฯ)

อ่านต่อ »


เหมารวม

อ่าน: 3406

“วัตถุตกลงสู่พื้น” ฟังดูเป็นเรื่องที่ไม่เห็นจะต้องนำมาเขียนเลย

แต่สิ่งที่คุ้นเคยจนรู้สึกว่าเป็นไปโดยอัตโนมัตินี่แหละครับ ที่มักทำให้เราหลงคิดว่าไม่มีอะไร

ในรูปขวา ถ้าเริ่มทิ้งลูกบาสจากขีด 0 แล้วถ่ายภาพทุกๆ 1/20 วินาที ภาพแรกลูกบาสตกลงมาหนึ่งหน่วยระยะทาง ภาพที่สองจะตกลงมา 4 หน่วย ภาพที่สามเป็น 9 หน่วย …

ของอะไรก็ตกสู่พื้นทั้งนั้นแหละ –> ไม่จริงเสมอไปหรอกครับ

ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็มีหลายอย่างที่ไม่ใช่ เช่นลูกโป่งสวรรค์ลอยขึ้นไปในอากาศ ลูกโป่งลอยได้เรื่องจากแรงยก คนสวมห่วงชูชีพไม่จมน้ำ ฯลฯ เรื่องพวกนี้มีแรงภายนอกมากระทำ ซึ่งเรามักมองข้ามไป

อีกอย่างหนึ่งคือ แม้วัตถุไม่มีแรงภายนอกมากระทำ แต่หากมันมีความเร็วเบื้องต้นที่สวนทางกับแรงดึงดูด หากความเร็วนี้มีค่ามากพอ เราจะไม่สามารถเห็นอาการตกลงได้เลย ความเร็วนี้เรียกว่า escape velocity (เป็นความเร็วขั้นต่ำที่จะนำวัตถุจากพื้นโลก พ้นไปจากบรรยากาศเข้าสู่วงโคจรของโลก)

ดังนั้นแม้สิ่งต่างๆ จะดูชัดเจนมาก ก็ต้องไม่ลืมว่ามีมุมมองอื่นด้วย มีเรื่องที่มองไม่เห็น อาจจะหลงลืมคิดไป อยู่นอกเหนือการเข้าใจ ไม่รู้ไม่เห็น หรือเป็นข้อยกเว้น หลายมาตรฐาน ฯลฯ

คนที่จะเหมารวมได้ จะต้องรู้หมดทุกอย่างว่าไม่มีกรณีอื่นอีกแล้ว — ถามว่าเป็นไปได้หรือ?

เรียนมาตั้งแต่มัธยมว่าค่าคงที่ความเร่งของโลก มีค่า 9.8 m/s2 แต่มีใครรู้หรือเปล่าว่าบนผิวโลกนี้ ความเร่งจริงๆ ของโลก มีค่าไม่เท่ากันนะ คือน้ำหนักของวัตถุเดียวกันอาจไม่เท่ากันหากชั่งน้ำหนักกันคนละที่ — แล้วอะไร “ถูกต้อง” ครับ

นับประสาอะไรกับการแยกแยะไม่ออกระหว่างความรู้กับความคิดความเห็น เรียนรู้กับรับรู้ ความเป็นจริงกับอารมณ์

อ่านต่อ »


ประสบการณ์การสร้างหอคอย [ทีม]

อ่าน: 5120

ผมคิดว่า session นี้จาก TED สนุกดีครับ

เรื่องเริ่มที่โจทย์ง่ายๆ ว่าให้คนกลุ่มละ 4 คน ร่วมกันสร้างหอคอยที่มีก้อน marshmallow อยู่ที่ยอด (คือโครงสร้างหอคอยรับน้ำหนักด้วย) โดยให้เวลา 18 นาที ใช้แท่งสปาเก็ตตี้ที่ยังไม่ต้ม 20 แท่ง เทปกาว 1 เมตร เชือก 1 เมตร ไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมดทุกอย่าง

ผลการศึกษาค่อนข้างสอดคล้องกันว่า กลุ่มที่มักทำได้แย่ คือนักศึกษาที่เพิ่งจบจากโรงเรียนบริหารธุรกิจ (ฮาาา) แล้วกลุ่มที่มักจะทำได้ดีคือ เด็กอนุบาล (ฮาาา) — นักศึกษาบริหารธุรกิจ มักตบตีแย่งกันเป็นผู้นำก่อน แล้วผู้นำก็ “คิดว่า” รู้ทางออกที่ดีที่สุดและจะสั่งเลย! จะรู้ได้ยังไงว่าดีที่สุดในเมื่อยังไม่เคยทำสักอย่าง? ในขณะที่เด็กอนุบาลใช้วิธีลองไปเรื่อยๆ ไม่มีกรอบ

โดยเฉลี่ย กลุ่มต่างๆ ทำได้ 20 นิ้ว นักศึกษาบริหารธุรกิจทำได้ครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ย เด็กอนุบาลมักทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่ ส่วน CEO ก็ทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยนะ! แต่ถ้าเพิ่มเลขาผู้บริหารเข้าไป ผลงานกลับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ​ (ฮาาา) แปลว่าอะไรเนี่ย?

ลองดูกันเองก็แล้วกันครับ สนุกดี

อ่านต่อ »


สายเกินไป

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 1 May 2010 เวลา 21:29 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2955

แมวตัวเมียถูกรถชน แมวตัวผู้พยายามปลุก แต่สายเกินไปแล้ว…


เตาดูด

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 1 May 2010 เวลา 0:03 ในหมวดหมู่ เทคโนโลยีชาวบ้าน #
อ่าน: 3973

การเคลื่อนไหวของอากาศบนผิวโค้งนั้น เราเห็นว่าเคลื่อนไปตรงๆ แต่ที่จริงลมเคลื่อนไม่ตรง

เรื่องนี้เรียกว่า Coriolis effect หรือ Coriolis forceซึ่งอธิบายได้ด้วยกฏข้อที่สองของนิวตัน

ถ้าปรับสภาพแวดล้อม ให้เปลี่ยนการเคลื่อนที่ในแนวระนาบบนแผ่นดิสก์หรือทรงกลม เป็นการเคลื่อนที่ของอากาศภายในทรงกระบอกหมุน จะพบว่าแรงดันที่ศูนย์กลางน้อยกว่าแรงดันที่ผิวของทรงกระบอก

ดังนั้นหากเอาทรงกระบอกไปครอบเตาไฟ แล้วหมุนทรงกระบอกไป ก็จะพบว่าเปลวไฟที่อยู่ตรงกลางทรงกระบอก สูงขึ้นเนื่องจากความดันอากาศต่ำลง

อ่านต่อ »



Main: 0.14792799949646 sec
Sidebar: 0.25151395797729 sec