ภาษีจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์​

โดย Logos เมื่อ 3 May 2010 เวลา 13:32 ในหมวดหมู่ การเมือง การปกครอง กฏหมาย, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4888

ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดรองต่างๆ เป็นตลาดทุนของประเทศ — กิจการตลาดหลักทรัพย์มีมาตั้งแต่ปี 2496 มีการรวมตลาดหลักทรัพย์(เอกชน)ต่างๆ เป็นตลาดเดียวในปี 2505 และจัดตั้งเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตาม พรบ.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2517 [อ้างอิง]

รัฐบาลที่ผ่านมา เห็นว่าตลาดทุนมีความสำคัญต่อการระดมและบริหารจัดการเงินทุน จึงยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรที่เกิดจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เฉพาะที่เกิดขึ้นในตลท. แม้จะมีผลทางด้านบวกจริง แต่การยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรนี้ ทำให้ ตลท.เป็นเครื่องมือที่ใช้ปั่นกำไรมหาศาลตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าในปี 2535 จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์​ (กลต.) เพื่อดูแลตลาดทุนทั้งระบบ ซึ่งการกำกับด้วยกฎระเบียบได้สร้างภาระมากมายต่อบริษัทจดทะเบียน และการดูแลก็ทำได้เพียงลักษณะ reactive คือให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงสอบสวนลงโทษ

ผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ มีความอ่อนไหวต่อข่าวและกระแสเป็นอย่างมาก รายการวิเคราะห์หุ้นต่างๆ ใช้เครื่องมือทางเทคนิคกันเป็นหลัก ทำให้การลงทุนในตลาดทุนกลายเป็นการเก็งกำไรไปซะมาก; ผมเคยเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนครับ เมื่อหุ้นของบริษัทเข้าซื้อขายใน ตลท. มีหุ้นที่ไม่ติด silent period และสามารถซื้อขายในตลท.ได้ 110 ล้านหุ้น แต่วันแรกที่ทำการซื้อขายในเดือน พ.ย.2544  ปรากฏว่ามีหุ้นของบริษัทซื้อขายในตลท. 318 ล้านหุ้น โดยเฉลี่ยแสดงว่าทุกหุ้นที่มีอยู่ในตลาดในขณะนั้น ซื้อขายกันเกือบสามรอบ ซื้อเช้า-ขายสาย-ซื้อก่อนเที่ยง-ขายตอนเปิดตลาดช่วงบ่าย-ซื้ออีกตอนบ่ายแก่ๆ-ขายก่อนกลับบ้าน อะไรจะขนาดนั้น!

ปรากฏการณ์ลักษณะนี้ ชี้ให้เห็นว่า “ผู้ลงทุน” ใน ตลท. ต้องการกำไรระยะสั้น ซึ่งไม่น่าจะตรงกับคำว่าการลงทุนครับ ผมไม่คิดว่าควรจะห้ามซื้อขายหุ้นเร็ว แต่ถ้าจะอาศัยเครื่องมือพัฒนาตลาดทุน ก็ควรใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ถ้าจะถือสั้น ก็น่าจะแบกต้นทุนเพิ่มบ้างครับ

ภาษี

ในขณะนี้ คงมีเพียงภาษีมูลค่าเพิ่มที่คิดจากการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยเก็บและควบคุมที่โบรกเกอร์

ในสหรัฐซึ่งตลาดทุนพัฒนามานานแล้ว กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์คิดเป็นรายได้พึงประเมิน เสียภาษีตามรอบปกติ แต่หากเป็นกำไรจากการขายหลักทรัพย์ที่ถือไว้เกิน 1 ปี (FIFO?) จะเสียภาษีในอัตรา long term capital gain, ปัจจุบันคือ 18% แต่ถ้าขาดทุน เขาให้หักเป็นค่าใช้จ่ายในปีภาษีนั้น $2000 ส่วนที่ขาดทุนเกินนั้น เอาไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในปีภาษีอื่นๆ ได้

ในที่สุด ตลท.ก็จะเปลี่ยนรูปนิติบุคคลเป็นบริษัท ดังนั้นการให้สิทธิพิเศษทางภาษีเกี่ยวเนื่องกับกิจการของบริษัท ตลท. อาจจะดูแปลกไปหน่อยมั๊งครับ ผมเข้าใจว่ามีการแข่งขันระหว่างตลาดทุนในภูมิภาคสูงเหมือนกัน แต่นั่นก็ต้องชั่งน้ำหนักกับการขยายฐานภาษี ส่งเสริมการลงทุนระยะยาว ผลักดัน บจ.ให้สนใจกับพื้นฐานของกิจการมากกว่าสร้างข่าวสร้างกระแส ลดทอนโอกาสฟอกเงินผ่าน ตลท.

« « Prev : โลกเปลี่ยนไป จึงสิ้นโลก?

Next : นันทิ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ภาษีจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์​"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.7974529266357 sec
Sidebar: 0.21964907646179 sec