บทเรียนจากสวนป่า 4-9 พ.ค.

โดย Logos เมื่อ 10 May 2010 เวลา 12:58 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3821

ไปสวนป่าเที่ยวนี้ เป็นครั้งที่ยี่สิบเห็นจะได้ แต่เป็นทริปยาวที่สุด และน่าจดจำเหลือเกิน ประสบการณ์ชีวิตเป็นประสบการณ์เฉพาะตัว ไม่มีวันใดเวลาใดเลยที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ต่อให้ดูหนังในโรงหนังสองรอบ ผู้ชมก็ไม่เหมือนกัน

สวนป่าคราวนี้ ต้นไม้ฟื้นขึ้นจากฝน ต่างกับเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วซึ่งเป็นคราวที่คณาจารย์และนิสิตแพทย์ไปเยี่ยมสวนป่า คราวนี้พักที่กุฏิริมป่าที่แม่หวีจัดให้ เหมาะกับการปลีกวิเวก อากาศยังคงร้อนอบอ้าว สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในห้องแอร์และมีความสะดวกสบายตามควร อาจจะคิดว่าเป็นเรื่อง “ลำบาก” “ไม่ได้” “ไม่ไหว” หรืออะไรต่อมิอะไรที่จะยกมาเป็น “เหตุผล” ซึ่ง “เหตุผล” นี้เป็นเพียงความคิด ถ้าใครๆ ก็อยู่ได้ ทำไมผมจึงจะอยู่ไม่ได้ — แต่ในอีกมุมหนึ่ง สักสิบกว่าปีก่อน เคยพาลูกน้องโขลงหนึ่งไปทำเวิร์คช็อปที่แพริมน้ำซึ่ง “ไม่มีอะไรเลย” เตรียมข้าวสาร น้ำ ปากกา ฟลิปชาร์ต กับเทปสองหน้าไป ส่วนวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหาร ก็ซื้อเอาจากเรือที่มาขาย แล้วทำอาหารกินกันเอง ผมรู้สึกสนุก แต่ลูกน้องแซวแบบขำๆ ว่า “พี่สนุกอยู่คนเดียว สงสัยไม่เคยลำบาก” เออหว่ะ! ลืมคิดประเด็นนี้ไป แต่ผมก็อยากเห็นว่าใครเป็นยังไงเหมือนกันครับ

ไปสวนป่าเที่ยวนี้ ผมขับรถเรียบร้อยมาก เพราะว่าเพิ่งหายจากอาการโลกหมุนไม่กี่วันก่อนเดินทาง คราวนี้ป้าจุ๋มไปด้วย ก็เลยขับไปเรื่อยๆ ขาไปมีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.6 ลิตร/100 กม. ขากลับดีขึ้นมานิดหนึ่ง ได้ 5.5 ลิตร/100 กม. ขับด้วยความเร็วคงที่ ทิ้งระยะห่างจากข้างหน้า ไม่ต้องเบรค/เร่งเยอะนัก ก็สามารถประหยัดน้ำมันได้เยอะเลย

กลุ่มผู้มาเยือนสวนป่าคราวนี้ มีสี่กลุ่มคือ

ดูทั้งสี่กลุ่มแล้ว เห็นว่าแม้มาจากคนละพื้นฐาน แต่หากจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตแล้ว คงจะไม่อยู่นอกทางของสวนป่า แล้วอีกอย่างหนึ่ง แต่นับผู้มาเยือนดูแล้ว ประมาณห้าหกสิบท่านแล้วเป็นช่วงเวลาที่ยาวด้วย ชาวเฮไม่ว่าใกล้หรือไกล ต่างก็จัดตารางไปรวมตัวช่วยกันมาก ดังนั้นก็เป็นโอกาสดีที่จะได้เจอพี่น้องอีก

เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมจัดกิจกรรมปั้นดินเหนียวโดยตั้งเงื่อนไขว่า (1) ให้ปั้นพระ (2) ระหว่างปั้นไม่ให้พูดกัน (3) ไม่ตัดสินเมื่อปั้นเสร็จ ได้รับฟีดแบ็คว่าสนุกและมีอะไรซ่อนอยู่มาก แถมมีชาวเฮบอกว่าอยากปั้นด้วย จึงเรียกร้องว่าจะเอาอีก ก็เลยจัดให้ครับ ขับรถไปซื้อดินเหนียวไปสวนป่า เป็นการทดสอบว่าหายจากโลกหมุนแล้ว กรณี นศพ.นั้น มีสามประเด็น ใช้การปั้นพระ(ที่จริงคือการปั้นดินเป็นรูปพระ)เป็นการบอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำเล่นๆ ที่ไม่ให้พูดกันเพื่อบอกว่ามีการสื่อสารในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการใช้คำพูด-ซึ่งในหลายกรณีก็ไม่สามารถสื่อความได้อย่างสมบูรณ์ และที่ไม่ตัดสินตามธรรมเนียมนั้น เป็นเพราะงานของแพทย์นักจิตวิทยาหรืองานที่เกี่ยวกับปัญหาของคนนั้นไม่ได้จบเมื่อคนไข้เดินออกนอกห้องไป

ปรากฏว่าทั้งสี่กลุ่มที่เห็นพระหกองค์ที่รุ่นแรกปั้น แตกหักเสียหายเนื่องจากการแห้งของดินไม่เท่ากัน เกิดการแก้ปัญหาโดยสามกลุ่มปั้นพระนอน แต่อีกกลุ่มแม้จะปั้นปางสมาธิก็ระมัดระวังเรื่องความแข็งแรงเป็นอย่างดี ต้องรออีกสักสามวันจึงจะรู้ผลครับ พี่บางทรายบอกว่าถ้าพระให้บทเรียนอะไรได้ก็ตาม พระที่ปั้นนั้นกราบได้แม้ไม่ได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก เพราะพระเป็นครู ก็ดีแล้วที่หนีไปนอน เพราะว่าใครได้อะไรไป ก็ได้ไปด้วยตัวเอง ผมไม่ได้พูดอะไรให้เขาเชื่อผม (รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่พูดมาก ยกเว้นเวลาที่มีเรื่องที่น่าพูด) ต้องขอบคุณท่านจอมป่วนที่มาช่วยถามให้

เย็นนั้นก็มีเรื่องระทึกคืออาจารย์โสรีช์เดินออกไปสำรวจสวนป่าท่านเดียว อาจารย์เดินไปไกลกว่าที่ผมซึ่งมาสวนป่าแล้วยี่สิบครั้งเคยเดินเสียอีกครับ พอพระอาทิตย์คล้อยต่ำก็หาทิศทางไม่เจอ แบตโทรศัพท์ก็อ่อนแรงไม่รู้จะหมดเมื่อไหร่ พวกเราพอรู้ข่าวก็ออกตามหา ผมเดินหาสักกิโลเมตรหนึ่ง แล้วก็ขับรถไปกับหมอจอมป่วน เลยไปเกือบถึงถนนโน้น อิอิ แต่อาจารย์ก็กลับมาได้เองโดยตามเสียงนกยูงกลับมา เรื่องนี้มีบทเรียนว่า น่าจะมีแผนที่สวนป่า และมีเครื่องหมายอยู่ตามแยกต่างๆ [แผนที่ดาวเทียม] เมื่ออาจารย์กลับมาแล้ว (ฝีมือน้าอึ่งอ๊อบ ใช้กระบวนการนอกระบบ) ฝนก็ตกทันที ทำให้เปียกกันไปตามๆ กัน  ผมไม่รีบอาบน้ำสระผม ก็เลยทำท่าจะเดี้ยงเอา ขอตัวไปนอนก่อนโดยไม่ได้ร่วมถอดบทเรียนพร้อมกินพญามือเหล็กไปสามเม็ด หมอจอมป่วนก็กรุณาช่วยดำเนินการถอดบทเรียนให้ ซึ่งหมอเล่าว่าสนุกและดี ขอบคุณครับ — ไม่ว่าใครจะได้อะไรไป ก็ได้ไปแล้วนะครับ เรียนรู้เอง ไม่ติดค้างกัน

บ่ายวันก่อนวันเดินทางกลับ นอนตื่นสายโด่ง โผล่ออกมาหน้ากุฏิได้ยินเสียงครูบาตั้งวงคุยกันอยู่กับกลุ่มของอาจารย์ศักดิ์พงศ์และกลุ่มบ้านมกรา ก็เลยนอนฟังที่เก้าอี้ฮ่องเต้ที่ครูบาให้คนยกมาตั้งไว้ใกล้ๆ เผลอหลับไปอีก ตื่นขึ้นมาอีกที อ้าว…เสียงเงียบไปแล้ว เลยเดินไปดู ถูกโยนไมค์ใส่ทันทีครับ เล่าเรื่องเป้าหมาย(อันยิ่งใหญ่)เช่นการพัฒนาอินเทอร์เน็ตว่าในวันแรกที่ทำนั้น มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย [แม้แต่อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ ก็ยังว่าบ้า] แต่ก็ทำเพราะรู้ว่าเมืองไทยน่าจะมี ใครจะเห็นหรือไม่เห็น ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าได้ทำในสิ่งที่สมควรทำหรือไม่ เล่าเรื่องแนวคิดในการจัดการ การตัดสินโดยความไม่รู้/ไม่ได้ทำว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า

พี่ครูอึ่ง (หัวหลัก) ขอความเห็นเรื่องการตั้งเป้าหมาย ผมได้ยินหมอป่วนแนะว่าอย่าตั้งเป้าให้ทำลายกำลังใจของตัวเอง ซึ่งผมเห็นด้วยครับ แต่ผมก็แนะว่าหาเป้าที่เป็นประโยชน์ร่วมกันเป็นหลักชัยอันใหญ่ก่อน แล้วค่อยๆ ทำไป อย่ายอมให้อะไรเป็นเงื่อนไขขัดขวางเลย [น่าจะจัดเป็น Think globally, act locally ได้] สองคำแนะนำนี้ ไม่ได้ขัดกันหรอกนะครับ ที่เหมือนกันอย่างยิ่งคือไม่มี “ความสำเร็จ” ใด ที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำ — ทุกคำแนะนำมีบริบท (และสมมุติฐาน) กำกับอยู่เสมอ จึงไม่ควรจะฟังแต่ว่าแนะนำอะไร แต่จะต้องเข้าใจบริบทของคำแนะนำด้วยครับ

สี่เหลี่ยม — อ.ไพศาล

พี่บางทรายนำตารางสี่เหลี่ยมมาให้ดู แล้วถามว่ามีรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสกี่รูป คำตอบคือ 30 รูป [รายละเอียด]

ประเด็นสำคัญไม่ใช่ว่าใครตอบถูกหรือไม่ แต่เวลาเรามองอะไร ก็ต้องฉุกคิดว่ายังมีมุมมองอื่นที่เราหลงลืมหรือไม่ ทุกอย่างทุกเรื่องมีหลายมุมมอง ทำไมมุมมองของเราเท่านั้นจึงถูกต้อง

แนะนำตัวแบบออต — อ.สำรวย

ออตไม่แนะนำตัวเอง แต่ขอให้ชาวเฮแนะนำออตตามที่มองเห็น ผมคิดว่าเรื่องนี้อาศัยความกล้าหาญเป็นอย่างมากนะครับ ความกล้าจะเกิดไม่ได้เลยหากไม่มีความไว้วางใจกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในสังคมนี้ ทำให้เกิดความแตกแยกกันขนาดหนัก

ว่ากันที่จริง ชาวเฮก็กระจายกันอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ออตเองก็งานยุ่ง ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ที่ฟังดูชาวเฮต่างสัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อน และความงดงามของจิตใจ จากงานศิลปะวัฒนธรรม จากการที่ทำกับเด็กพิเศษ จากงานเขียนในบล็อก ซึ่งหากมองแค่ทางกายภาพ ก็จะเห็นแค่ออตเป็นคนออกแบบปกหนังสือเจ้าเป็นไผ

ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ แล้วจะเกิดบทเรียนเอง — อ.สุธี

หมอจอมป่วนใช้ประโยคนี้ น่าจะเข้าใจง่ายกว่าประโยคที่ผมใช้ “คิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม ผลก็เหมือนเดิม”

ผมไม่ชอบตุ๊กแกเป็นอย่างยิ่ง แหะๆ มีตุ๊กแกร้องอยู่หลายตัวรอบๆ กุฏิซึ่งมีผึ้งมาทำรังอยู่โดยรอบหลายรัง (ไม่เป็นรวงเพราะผึ้งแทรกตัวเข้าไปทำรังในร่องไม้) ในห้องก็มีลูกแมงป่องอยู่ด้วย สัตว์พวกนี้เขาอยู่ของเขาอย่างนั้นมาตั้งนาน ครูบายกเก้าอี้ฮ่องเต้มาตั้งไว้ใกล้ๆ ซึ่งกุฏินี้อยู่ริมป่า เลยลองนอนเลย หลับไปด้วยครับ หมอว่าเรากลัวเค้า เค้าก็กลัวเรา อืม…ท่าจะจริงแฮะ เราคิดแต่ว่าเรากลัวเขาจะมาใกล้ แล้วก็หยุดคิดแค่นั้นเพราะหลอน เอาตัวเองเป็นใหญ่เสมอ

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักเหตุปัจจัย และเชื่อมโยงกันหมด — อ.โสรีช์

ได้ฟังการอธิบายและตัวอย่างแล้ว น่าจะกลับไปอ่านอิทัปปัจจยตากับไกวัลยธรรมอีกรอบหนึ่ง

มุมมองของคนสมัยใหม่ มักมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภาพนิ่ง เห็นเหตุ ก็แก้เหตุ แต่แก้แล้วเกิดผลอื่น ทำให้ไม่พอใจอีก ก็แก้อีก จนวุ่นวายไปหมด บางทีอาจควรเปลี่ยนวิธีมองเป็นมุมมองจากองค์รวมบ้าง

ล้างแก้ว — อ.จันทรรัตน์

ในส่วนถามตอบกับ อ.โสรีช์ พี่สร้อยยกข้อสังเกตว่าเพื่อนพี่น้องเรา กินแล้วเผลอไผลไม่ล้าง เราก็ล้างให้ ทำไมคนอื่นกินแล้วไม่ล้าง ต้องไปตั้งข้อรังเกียจว่าเขาเป็นคนอื่นจึงไม่ล้างให้ อืม…จริงแฮะ ก็แค่ล้างแก้วล้างจานเหมือนกัน

……

เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ชักยาวแล้ว แบ่งท่านอื่นเขียนบ้าง

« « Prev : วันลา

Next : นักการเมืองแนะนำ “วิธีขายความคิด” ให้นักการเมือง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 May 2010 เวลา 23:41
    นอกจากทำแผนที่สวนป่าแล้ว ยังอาจจะซื้อเลเซอร์สีเขียว กำลัง 50-100mW แบบที่เอาไว้ชี้ดาวได้อีกครับ ราคาห้าร้อยกว่าบาท

    ถ้าหาทางกลับไม่เจอ โทรกลับมาบอก แล้วก็ให้แหงนหน้าขึ้นเหนือขอบฟ้ารอบๆ มองหาแสงสีเขียวเดินไปทางนั้น จะส่องยอดไม้หรือแม้งค์น้ำตอนกลางคืน ก็จะเห็นตำแหน่งได้ชัด หรือว่ากลางวันเอาไว้ชี้ต้นไม้ตอนเดินชมป่า ก็ยังเห็นเป็นจุด

  • #2 ลานซักล้าง » สิ่งหนึ่ง นำสู่อีกสิ่งหนึ่ง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 January 2011 เวลา 4:31

    [...] เมื่อคืนวันพฤหัส พี่ครูอึ่งส่ง SMS มา (ขอบคุณนะครับ) บอกว่า อ.โสรีช์ ออกทีวีไทยตอนนี้อยู่ค่ะ แต่ตอนนั้น ผมไปอาบน้ำ จึงไม่ได้ยินเสียงสัญญาณโทรศัพท์ — เมื่อคราวที่ ดร.โสรีช์​ โพธิแก้ว พาลูกศิษย์ปัจจุบันและอดีตบุกสวนป่าเมื่อกลางปีที่แล้ว เป็น session ที่ลึกซึ้งและสนุกประทับใจมากครับ [บทเรียนจากสวนป่า 4-9 พ.ค.] [...]

  • #3 ลานซักล้าง » นายช่างชีวิต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 December 2011 เวลา 18:25

    [...] และเขียนบันทึกไว้เรื่อง [บทเรียนจากสวนป่า 4-9 พ.ค.] และ [สิ่งหนึ่ง นำสู่อีกสิ่งหนึ่ง] [...]


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.18205904960632 sec
Sidebar: 0.1922459602356 sec