กระสุนข้าว
สักสองสัปดาห์ก่อน ผมได้รับอีเมลจากพี่ที่นับถือกัน ซึ่งรู้จักกันบน soc.culture.thai เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว-ก่อนเมืองไทยมีอินเทอร์เน็ต ผมอยู่บริษัทฝรั่งจึงมีใช้ ในขณะนั้น พี่ทวิชเป็นวิศวกรนาซ่า ปัจจุบันท่านสอนอยู่ มทส.
พี่ทวิช เสนอวิธีการปลูกข้าว ที่
- ไม่เพาะกล้า ซึ่งต้องไปดำนา ไม่ค่อยเหมาะกับปัจจุบันเนื่องจากแรงงานเข้าไปอยู่ในโรงงานหมด
- ไม่หว่าน เนื่องจากดินนาไม่ได้สมบูรณ์
พี่แกว่าเอา’ดินดี’มาปั้นเป็นกระสุน ใส่เมล็ดข้าว 4 เมล็ด เอากระสุนนี้ไปดำด้วยเครื่อง การดำคือการฝังลงไปในดิน ด้วยความลึกและระยะห่างที่ได้ทดลองศึกษาบอกเล่ากันมาหลายชั่วอายุคน ใช้เครื่องดำทำเองได้ครับ (ไม่ใช้น้ำมัน เข็นเครื่องไป พอล้อหมุนไปได้ระยะ ก็ฝังกระสุนลงไปในดิน และดำแห้งๆ ได้ ปล่อยน้ำเข้าทีหลัง)
‘ดินดี’ที่เอามาปั้นกระสุน มีความหมาย เพราะเป็นสารอาหารแรกที่กล้าข้าวใช้สร้างโครงสร้างสำหรับการเติบโตต่อไป — ไม่ได้ใช้เยอะนะครับ
มีแปลงนาสาธิตอยู่โคราช พี่ทวิชรู้จัก อ.หลิน และรู้จักครูบาด้วย ปากเหมาะเคราะห์ดี จะไปขอความรู้เรื่องกังหันลมครับ
Posted by Wordmobi
Next : มองสื่อ » »
5 ความคิดเห็น
อ้าว มีคนรู้จักอีกแล้ว คิคิ
เออ ใครหนอ จำไม่ได้หรอกครับ คนมาเยอะมาก
-30 ปี จำบ่ได้ วันนี้ที่ทีวีมาบันทึกรายการ
ก็ถามประเด็นนี้ ว่ามีคนมาอบรมจากเราไปกี่คน
-ก็คงไม่เป็นไร มาก็มา ไปก็ไป สนใจก็มาอีก เรียนรู้ร่วมกันอีกๆๆๆ
ในฐานะเคยเป็นอดีตลูกหลานชาวนาและเคยทำนามาบ้าง วิธีการที่ว่าเคยเห็นญาติผู้ใหญ่ทำ แต่จำรายละเอียดไม่ได้เท่านั้น…
ในฐานะอยู่วัดมายี่สิบห้าปีกว่าๆ ตามที่คุณโยมครูบาว่ามา นึกขำๆ เมื่อมาเปรียบเทียบกับชีวิตในวัด พระใหม่เข้ามาเรื่อยๆ อยู่นานบ้างน้อยบ้าง บางรูปเพียงสามวันเจ็ดวัน หรือบางรูปก็อาจถึงสองสามปี ก็เคยร่วมฉัน ร่วมสวดมนต์ ร่วมขุดดิน… แล้วก็จากไป บางคนกลับมาบอกว่าคุ้นเคยกับหลวงพี่มาก เล่าได้เกือบทุกเรื่อง ซึ่งโดยมากมักจะจำเหตุการณ์ได้ แต่จำคนไม่ค่อยจะได้…
เจริญพร
เคยได้ยินการนำดินที่เป็นดินดีแล้วฝังเมล็ดพันธุ์ข้าวมาบ้าง
คนเล่าเป็นครูภูมิปัญญาไทย ชาวอโศก ชื่อคุณแก่นฟ้า แสนเมือง อยู่ศีรษะอโศก จ.ศรีสะเกษ
แนวคิดคือ ใส่ปุ๋ยและดินดี ๆ ให้ทุกเมล็ดพันธุ์ เพราะแต่เดิมชาวนาจะหว่านเมล็ดพันธุ์ บางเมล็ด
ได้ดินได้ปุ๋ยดีก็งอกงาม ส่วนที่ไม่ได้ปุ๋ยเจอดินแข็งก็ไม่มีโอกาสงอก เลยคิดวิธีการนำดินดีผสมปุ๋ยแล้ว
มาเคลือบเมล็ดพันธุ์ข้าว ด้วยวิธีนี้ ข้าวจะงอกทุกเมล็ดเพราะได้ดินดีและปุ่ย…
ส่วนตัวเรียกวิธีคิดเช่นนี้ว่าเป็น Backward desing thinking คือ การเริ่มต้นที่ผลลัพธ์สุดท้าย ซึ่งก็จะได้
ผลดีพอควรแม้จะขาดมิติของการแตกหน่อของความคิดสร้างสรรค์ที่จะได้ระหว่างกระบวนการลองผิดลองถูกไปบ้างค่ะ