ปลูกต้นไม้เท่าไรจึงพอ

อ่าน: 4411

คำตอบแบบรวดเร็วฉาบฉวย คือปลูกไปเรื่อยๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ครับ ถ้าพอใจคำตอบนี้ ก็ไม่ต้องอ่านข้างล่างแล้ว บ๊าย บาย

เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ว่าระดับของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศขณะนี้ สูงกว่าระดับที่โลกเคยประสบมาตลอดประวัติศาสตร์ของโลก ตั้งแต่มีสิ่งมีชีวิตบนบกเป็นต้นมา

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีปริมาณสูงขึ้นมากตามลำดับหลังจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน ระดับคาร์บอนไดออกไซต์ในบรรยากาศขณะที่เขียนนี้ อยู่ที่ 388.59 ส่วนในล้านส่วน ในขณะที่เมื่อยี่สิบสองปีก่อน อยู่ที่ 349.99 ส่วนในล้านส่วนเท่านั้น [รายละเอียด]

ตลอดยุค “ความก้าวหน้า” ของมนุษย์ เราขยันปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาอย่างต่อเนื่องและมากมาย ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าจะทำให้โลกต้องปรับตัวอย่างรุนแรง เนื่องเพราะอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้น ความชื้นก็เพิ่มตาม ทำให้พายุมีความรุนแรงขึ้น น้ำแข็งละลาย ปริมาณน้ำจืดสำรองมีน้อยลง ในขณะที่ประชากรของโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน น้ำจะขาดแคลน อาหารจะไม่พอ (ไม่นับที่เสียหายจากความแปรปรวนของภูมิอากาศ)

เมืองไทยให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว แล้วว่ากันที่จริงก็มีความคืบหน้าที่น่ายินดีเหมือนกันครับ พิธีสารเกียวโตกำหนดขั้นตอนวิธีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้หลายอย่าง เช่น JI ET และ CDM ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก./TGO อนุมัติโครงการ CDM 111 โครงการ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไทยได้ 6.95 ล้านตันต่อปี ทำให้เมืองไทยกระโดดขึ้นมาอยู่ใน Top 10 เรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกผ่าน CDM [ข่าว] นานๆ ครั้ง จะเห็นหน่วยงานของรัฐทำอะไรที่ถูกใจนะครับ ขอปรบมือให้เลย

อ่านต่อ »


ไขความมหัศจรรย์ของต้นไม้กับน้ำและภาวะโลกร้อน

อ่าน: 5288

คงเคยได้ยินนะครับ ว่าใช้ช่วยกันปลูกต้นไม้ ลดโลกร้อน บรรเทาน้ำท่วม บรรเทาแล้ง — สิ่งเหล่านี้ เกี่ยวพันกันบ้าง แต่ไม่ใช่ผลโดยตรงของกันและกันหรอกนะครับ

Q: ปลูกต้นไม้ ป้องกันน้ำท่วมได้หรือไม่

A: หว่า คำถามนี้ ควรตั้งสติแล้วถามใหม่ครับ

น้ำท่วมจากแม่น้ำลำคลองเกิดขึ้นจากปริมาณน้ำที่ไหลมา มากเกินกว่าปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านไปได้ ดทำให้น้ำเอ่อขึ้นมา เมื่อเอ่อขึ้นมาเกินระดับตลิ่ง ก็เรียกว่าน้ำท่วม เมื่อน้ำท่วมในลักษณะนี้ จะปลูกต้นไม้ตรงนั้นกี่ต้น จะไม่ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้เท่าไหร่หรอกครับ เป็นปลายเหตุแล้วครับ

Q: แม่น้ำลำคลองเอาน้ำมาจากไหนมากมาย

A: ก็ฝนตกจะเป็นกี่มิลลิเมตรก็ตาม คูณด้วยพื้นที่ที่ฝนตก ก็จะเป็นปริมาตรของน้ำฝนที่ตกลงมา; เมื่อฝนตกลงมาเป็นน้ำ น้ำก็ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเป็นธรรมดา ค่อยๆ รวมกันทีละเล็กทีละน้อย กลายเป็นลำธาร เป็นคลอง และเป็นแม่น้ำ ถ้าฝนตกเป็นปริมาตรเยอะๆ น้ำก็จะไหลมาลงแม่น้ำลำคลองอยู่ดี

Q: เขื่อนกันน้ำท่วมได้ไหม

A: กันได้ถ้าฝนตกเหนือเขื่อน และกันได้เท่ากับปริมาตรกักเก็บที่เหลืออยู่ ถ้าน้ำมาเกินปริมาตรกักเก็บ น้ำจะล้นออกมาเอง

อ่านต่อ »


ข้อมูล(ใหม่)ของระบบกระแสน้ำในมหาสมุทร

อ่าน: 8329

สภาวะอากาศของโลก ถูกโน้มน้าวโดยกระแสน้ำในมหาสมุทร ซึ่งเป็นข้อมูลในหลักสูตรว่าระบบกระแสน้ำในมหาสมุทร (Ocean Conveyor Belt) มีทั้งกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นให้จำชื่อไปสอบกัน(ทำไม)

กระแสน้ำอุ่น Gulf stream วิ่งจากฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติด นำความชื้นและอบอุ่นไปให้ยุโรปตะวันตก ทำให้อังกฤษฝนตกมาก ให้ให้กลาสโกวในเวลส์ซึ่งอยู่ที่เสร้นรุ้งที่ 55 เหนือ ไม่ได้หนาวทารุณเช่นเดียวกับมอสโควซึ่งอยู่บนเส้นรุ้งเดียวกัน — มอสโควหน้าหนาว อุณภูมิลงต่ำได้ถึง -40°C ถ้าอุณหภูมิ 20°C ผมเคยเห็นคนรัสเซียถอดเสื้อผ้ามาอาบแดดกันริมแม่น้ำแล้ว อุณหภูมิแค่ 32ºC กลับมีคนร้อนตาย แว๊ก

กระแสน้ำอุ่นมักจะวิ่งอยู่ด้านบน ที่จริงเค้าก็ปล่อยความร้อนไปตลอดทางด้วยนะครับ แต่ก็รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เข้ามาเช่นกัน จึงรักษาความ “อุ่น” เอาไว้ได้

เมื่อแสงอาทิตย์อ่อนแรงลง กระแสน้ำอุ่นคายความชื้นและความร้อนออกมากกว่าที่รับเข้าไป ความเข้มข้น (ความเค็ม) สูงขึ้น และจมลงเบื้องลึก กลายเป็นกระแสน้ำเย็น วิ่งอยู่ที่ระดับลึกๆ

ในปี 2002 สภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐ​ (NAS — National Academy of Science) ออกรายงานหนา 244 หน้า เตือนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอย่างไม่คาดฝัน เป็นผลของการที่ระบบกระแสน้ำของมหาสมุทรไหลช้าลง

อ่านต่อ »


ลดความเสี่ยงจากดินถล่ม?! ตอนต่อมา

อ่าน: 4585

ต่อจากนี้ไป เราจะได้ยินคำเตือนเรื่องดินถล่ม ทุกครั้งที่คาดว่าจะมีฝนตกหนัก แล้วในที่สุดก็จะรู้สึกเฉยๆ ไปในที่สุด… ความรู้สึกแบบนี้อันตรายครับ ถึงเตือนแล้วไม่เกิด หรือว่าเตือนแล้วไม่มีทางออกให้ก็ตาม

บ้านเรือนที่ตั้งอยู่เชิงเขามีความเสี่ยงต่อดินถล่มเสมอ ไม่ว่าฝนจะตกหนักหรือไม่ และไม่ว่าจะมีใครเตือนภัยหรือไม่

FEMA อธิบายไว้ว่า

A landslide is defined as “the movement of a mass of rock, debris, or earth down a slope”. (Cruden, 1991). Landslides are a type of “mass wasting” which denotes any down slope movement of soil and rock under the direct influence of gravity. The term “landslide” encompasses events such as rock falls, topples, slides, spreads, and flows, such as debris flows commonly referred to as mudflows or mudslides (Varnes, 1996). Landslides can be initiated by rainfall, earthquakes, volcanic activity, changes in groundwater, disturbance and change of a slope by man-made construction activities, or any combination of these factors. Landslides can also occur underwater, causing tsunami waves and damage to coastal areas. These landslides are called submarine landslides.

Failure of a slope occurs when the force that is pulling the slope downward (gravity) exceeds the strength of the earth materials that compose the slope. They can move slowly, (millimeters per year) or can move quickly and disastrously, as is the case with debris-flows. Debris-flows can travel down a hillside of speeds up to 200 miles per hour (more commonly, 30 - 50 miles per hour), depending on the slope angle, water content, and type of earth and debris in the flow. These flows are initiated by heavy, usually sustained, periods of rainfall, but sometimes can happen as a result of short bursts of concentrated rainfall in susceptible areas. Burned areas charred by wildfires are particularly susceptible to debris flows, given certain soil characteristics and slope conditions.

อ่านต่อ »


ไร่นาหลังน้ำลด

อ่าน: 3395

น้ำท่วมนำความอุดมสมบูรณ์มา เมื่อน้ำลดแล้ว จะพบซากพืชเน่าอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นงานหนักในการปรับสภาพดินเพื่อเพาะปลูกในรอบใหม่ แต่…

อย่าเผานา เผาไร่

เช่นเดียวกับคนที่ต้องการอาหาร พืชก็เติบโตได้ด้วยสารอาหาร ที่หลักๆ ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม (N P และ K ตามสูตรปุ๋ยนั่นแหละครับ) แต่ว่าปุ๋ยไม่มีธาตุตัวที่สำคัญที่สุด คือคาร์บอน (C) รากพืชดูดสารอาหารจากดิน แล้วใช้สารอาหารเหล่านี้ไปสร้างเซล แต่ทุกเซลห่อหุ้มด้วยเซลลูโลส ซึ่งเป็นไฮโดรคาร์บอน และแน่นอนว่าใช้ธาตุคาร์บอนเยอะมาก

เมื่อเผาพืชเซลลูโลสเปลี่ยนไปเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ปล่อยออกไปในอากาศ เหลือเป็นเถ้าถ่านคืนคาร์บอนคืนสู่ดิน เมื่อคาร์บอนมีน้อยลง พืชก็เติบโตได้ยากเพราะไม่รู้จะเอาคาร์บอนมาจากไหนไปสร้างเซลเพื่อเจริญเติบโต

พอชาวไร่ชาวนาเห็นพืชไม่โต ทีนี้ก็ไปซื้อปุ๋ยมาเติม ยิ่งทำ ยิ่งจน เอากำไรของตัวเองที่ควรจะได้ ไปจ่ายเป็นค่าปุ๋ย (ช่วยได้เหมือนกัน พืชโตขึ้น แต่คนปลูกจนลง)

[เผาอ้อย] [ดิน]

การกำจัดพืชที่เน่าควรจะไถกลบให้ไปย่อยสลายในดินครับ เป็นการเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน เอาคาร์บอนกลับคืนสู่ดิน

อ่านต่อ »


ทำความรู้จักกับเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง

อ่าน: 5132

เมื่อสามเดือนก่อน ผมเขียนบทความไว้อันหนึ่งเพื่อส่งไปลงวารสารเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติ เรื่อง[แนวคิดเกี่ยวกับภัยพิบัติและการจัดการ]

ตามแนวคิดทางการจัดการสากลแล้ว การแก้ไขบรรเทาด้วยลักษณะ reactive ช่วยได้บ้างเท่านั้นครับ ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว — แต่ก็ต้องทำนะ เพราะว่าผู้ประสบภัย ต้องการความช่วยเหลือ — แนวที่ดีกว่าคือ pro-active ซึ่งใครๆ ก็รู้ แต่ไม่ค่อยทำกัน

แน่นอนว่าไม่มีใครที่อยากให้เกิดภัยพิบัติขึ้น เมื่อเกิดขึ้นคราใด ก็จะมีความเสียหายอย่างหนักเกิดขึ้นในทันที แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าภัยพิบัติไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย บางทีก็ทำให้เราประมาท คิดไปว่าพื้นที่ที่อาศัยอยู่มีความปลอดภัย จึงไม่ได้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้

ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ในที่สุดแล้ว ทั้งรัฐและเอกชนจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ปัญหาคือผู้ประสบภัยจะต้องอยู่ให้ได้ก่อนที่ความช่วยเหลือจะเข้ามาถึง

ยังมีภัยอื่นๆ ซึ่งแม้ไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงหรือเป็นวงกว้างเท่าภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ เช่นสึนามิ ไต้ฝุ่น แผ่นดินไหวรุนแรง แต่ก็สร้างความเสียหายจนชีวิตไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ เช่นภัยแล้ง น้ำท่วม ดินถล่ม ลมกรรโชก พายุ โรคพืช การจราจรติดขัด ไฟฟ้าดับ น้ำประปาไม่ไหล ฯลฯ ภัยต่างๆ เหล่านี้ แม้จะไม่เสียหายร้ายแรงเท่าภัยพิบัติขนาดใหญ่ แต่ก็เกิดขึ้นบ่อยกว่ามาก และมีผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในพื้นที่โดยตรง

โดยเหตุที่พื้นที่กว่าสามร้อยล้านไร่ของแผ่นดินไทย มีความแตกต่างกันมาก อีกทั้งภัยต่างๆ ไม่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ (อาจจะยกเว้นเส้นทางพายุ ซึ่งก็ไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าจะรุนแรงขนาดไหน) การเตรียมพร้อมจากส่วนกลาง จึงไม่สามารถที่จะป้องกัน แก้ไข บรรเทาความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นได้ทัน

ดังนั้นชุมชนคนในแต่ละพื้นที่ จึงต้องเข้าใจความเสี่ยงภัยของตน เพราะความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน จะใช้การเตรียมการ หรือการจัดการความเสี่ยงแบบเดียวกันไปหมดไม่ได้

การแก้ไขเหตุการณ์จากภัยพิบัติ เช่นการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ การสร้างหรือซ่อมแซม จะอย่างไรก็เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว จะต้องใช้เวลาและทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ไม่ทันต่อความต้องการของผู้ประสบภัยเสมอๆ การเข้าใจความเสี่ยงในพื้นที่และหาทางป้องกันไว้ก่อน จึงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า…

อ่านต่อ »


เหยียบเพื่อชาติ

อ่าน: 6435

เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมเคยเขียนถึงปั๊มน้ำกู้ชาติ ความคิดตอนนั้นคือน้ำท่วมเป็นวงกว้างมาก มีหลายพื้นที่ที่ท่วมบ้านเรือนประชาชนแบบไม่ได้ตั้งตัว ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าฝนจะหยุดตกหรือยัง ถ้าเกิดยืดเยื้อ ก็ต้องมีพื้นที่แห้งไว้อยู่กันบ้าง ผมคิดถึงบ้านเรือนตามริมน้ำ ที่เจอน้ำทะเลหนุนแถมมีน้ำหลากมาจากทางเหนือมาผสมแรง ตั้งตัวไม่ทัน อีกอย่างหนึ่งที่น่าจะใช้ได้ก็คือเอาไว้สูบน้ำหลังแนวกระสอบทราย ซึ่งมีการรั่วได้บ้าง ใช้ปั๊มมือก็เป็นทางออกในกรณีที่ไม่มีปั๊มน้ำ หรือไม่มีน้ำมัน/ไฟฟ้าสำหรับปั๊มน้ำ

สถานการณ์ในวันนี้ต่างออกไป ถึงแม้น้ำจะยังท่วมอยู่เหมือนเดิม

น้ำท่วมวันนี้เป็นน้ำท่วมขัง จะท่วมอยู่เป็นเวลานาน ถ้าหากไม่รีบเอาน้ำออกจากพื้นที่ ก็จะทำให้ชีวิตชาวบ้านทุกข์ยาก เครียดหนัก — น้ำท่วมขังเกิดขึ้นเพราะขอบแอ่งสูงกว่าพื้นที่อื่นของแอ่ง หลายครั้งทีเดียวที่ขอบแอ่งนั่นแหละ เป็นแนวป้องกันน้ำท่วม ดังนั้นหากสร้างปั๊มที่มี head ต่ำ กล่าวคือยกน้ำขึ้นสูงได้เพียงสองเมตร แค่ยกน้ำข้ามขอบแอ่ง (เช่นข้ามถนน) แล้วปล่อยให้ไหลไปตามภูมิประเทศ ก็จะบรรเทาความทุกข์ยากลงได้บ้าง ครั้งนี้เราไม่ต้องการปั๊มแรงดันสูง แต่ต้องการปั๊มที่สูบน้ำออกได้เป็นปริมาณมากๆ

ปั๊มน้ำกู้ชาติใช้กำลังแขน ด้วยสภาพร่างกายของคน แขนทำไม่ได้นานหรอกครับ ดังนั้นจึงเหมาะกับพื้นที่เล็กๆ เช่นห้องชั้นล่าง แต่กรณีน้ำท่วมขังนั้น น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง จะต้องถ่ายน้ำออกเป็นปริมาณมาก

อ่านต่อ »


น้ำท่วมขัง (1)

อ่าน: 5660

เขียนเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วครับ เขียนอีกก็ไม่เป็นไร เป็นเหมือนสิทธิ์ของ สว.ที่บ่นได้โดยผู้คนไม่ถือสา (ถึงถือสาผมก็ไม่ได้ยินอยู่ดี แล้วผมเขียนไว้ในบล็อกของผมเฉยๆ มาอ่านกันเองนะ)

น้ำท่วมนั้น เกิดจากอัตราที่น้ำไหลเข้าพื้นที่มากกว่าน้ำไหลออก เมื่อเข้ามามากแล้วออกไปได้น้อย ปริมาตรของน้ำที่อยู่ในพื้นที่นั้น ก็ยกตัวเอ่อขึ้นพ้นตลิ่ง อปท.ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ตลอดจนชาวบ้าน และหน่วยราชการ ไม่ยืนดูเฉยๆ หรอกนะครับ เขาก็พยายามป้องกันพื้นที่ไม่ให้น้ำท่วมเหมือนกัน มีถนนเป็นแนวป้องกันหลักเสมอ

เรื่องนี้มีผลข้างเคียง กล่าวคือเมื่อน้ำมีปริมาณมาก จนท่วมข้ามแนวป้องกันมาแล้ว ทีนี้น้ำไหลไปไหนไม่ได้ จะเห็นได้จากภาพข่าวโทรทัศน์ ว่าภาคเหนือตอนใต้กับที่ราบลุ่มภาคกลางที่ประสบอุทกภัยอยู่ในเวลานี้ น้ำไม่ค่อยไหลไปไหน พอน้ำไม่ไหลประกอบกับท่วมไร่นา พืชที่จมน้ำก็เน่า ทำให้น้ำเริ่มเน่าอีกต่อหนึ่ง

อ่านต่อ »


อย่ารอ: เครื่องอบแห้งข้าวเปลือกอนาถาเพื่อช่วยชาวนาที่น้ำท่วม

อ่าน: 3975

เทคโนโลยีชาวบ้าน ทำได้เองง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งใคร ไม่ต้องรอใคร (ไม่ทำก็ไม่เป็นไรครับ)

อ่านต่อ »


อย่ารอ: การสร้างแพลอยน้ำเพื่อช่วยน้ำท่วมด้วยท่อพีวีซี…อีกหนึ่งทางเลือกที่ง่ายๆ

อ่าน: 7027

จดหมายส่งต่อครับ เมืองไทยมีคนที่คิดว่าตัวมีความรู้ตั้งมากมาย แต่ความรู้นั้นถ้าใช้ประโยชน์ไม่ได้ จะมีความหมายอะไรครับ มีความรู้แล้วควรช่วยคนอื่นด้วย

การสร้างแพลอยน้ำเพื่อช่วยน้ำท่วมด้วยท่อพีวีซี…อีกหนึ่งทางเลือกที่ง่ายๆ

อ่านต่อ »



Main: 0.046334028244019 sec
Sidebar: 0.14464807510376 sec