ปลูกต้นไม้เท่าไรจึงพอ
คำตอบแบบรวดเร็วฉาบฉวย คือปลูกไปเรื่อยๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ครับ ถ้าพอใจคำตอบนี้ ก็ไม่ต้องอ่านข้างล่างแล้ว บ๊าย บาย
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ว่าระดับของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศขณะนี้ สูงกว่าระดับที่โลกเคยประสบมาตลอดประวัติศาสตร์ของโลก ตั้งแต่มีสิ่งมีชีวิตบนบกเป็นต้นมา
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีปริมาณสูงขึ้นมากตามลำดับหลังจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน ระดับคาร์บอนไดออกไซต์ในบรรยากาศขณะที่เขียนนี้ อยู่ที่ 388.59 ส่วนในล้านส่วน ในขณะที่เมื่อยี่สิบสองปีก่อน อยู่ที่ 349.99 ส่วนในล้านส่วนเท่านั้น [รายละเอียด]
ตลอดยุค “ความก้าวหน้า” ของมนุษย์ เราขยันปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาอย่างต่อเนื่องและมากมาย ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าจะทำให้โลกต้องปรับตัวอย่างรุนแรง เนื่องเพราะอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้น ความชื้นก็เพิ่มตาม ทำให้พายุมีความรุนแรงขึ้น น้ำแข็งละลาย ปริมาณน้ำจืดสำรองมีน้อยลง ในขณะที่ประชากรของโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน น้ำจะขาดแคลน อาหารจะไม่พอ (ไม่นับที่เสียหายจากความแปรปรวนของภูมิอากาศ)
เมืองไทยให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว แล้วว่ากันที่จริงก็มีความคืบหน้าที่น่ายินดีเหมือนกันครับ พิธีสารเกียวโตกำหนดขั้นตอนวิธีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้หลายอย่าง เช่น JI ET และ CDM ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก./TGO อนุมัติโครงการ CDM 111 โครงการ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไทยได้ 6.95 ล้านตันต่อปี ทำให้เมืองไทยกระโดดขึ้นมาอยู่ใน Top 10 เรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกผ่าน CDM [ข่าว] นานๆ ครั้ง จะเห็นหน่วยงานของรัฐทำอะไรที่ถูกใจนะครับ ขอปรบมือให้เลย
ย้อนมาคิดถึงเรื่องการฟื้นฟูวิธีชีวิตจากน้ำท่วม บางทีหากประสานกับ อบก. ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการที่เคยๆ ทำกันมา ให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ อบก. ตรวจสอบจนรับรอง ก็จะเอา Carbon credit ไปขายได้ อบก. เป็นตัวแทนประเทศไทย เค้าซื้อขายกันผ่าน อบก. อยู่ดีครับ ไม่ได้ขายผ่านนายหน้า ระวังจะโดนหลอก
โครงการ CDM นั้น มีหลายอย่างที่พอเอ่ยชื่อก็คุ้นเคยกันดี แต่เมื่อทำโครงการร่วมกับ อบก. จะได้รับเงินชดเชยจากการเอาตัวเลขไปขาย carbon credit ได้รับการยกเว้นภาษี และที่สำคัญคือทำให้ต้นทุนทางด้านพลังงานลดลง เพราะเราใช้วัสดุเหลือใช้ซึ่งต้องทิ้งอยู่แล้ว มาปั่นเป็นพลังงาน
เขียนมาตั้งนาน ยังไม่เข้าเรื่องสักที…
คืออย่างนี้ครับ การใช้พลังงานที่เราเห็นว่าเป็นสาธารณูปการนั้น พลังงานเหล่านั้นมักเป็นพลังงานฟอสซิลทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อเราใช้พลังงานเหล่านั้น ก็คือเราเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล เมื่อเผาแล้วก็ปล่อยออกเป็นก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า น้ำมัน เครื่องปรับอากาศ ปั๊มน้ำใช้ไฟฟ้า ฯลฯ แทบจะทุกกิจกรรมของคนเมือง ไม่เฉพาะกรุงเทพและไม่เฉพาะเมืองไทย ใช้พลังงานทั้งนั้นเลยครับ มีพลังงานหลักๆ อยู่สองอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คือพลังงานนิวเคลียร์ กับพลังงานน้ำ ทั้งสองอย่างเป็นของหายากมากในภูมิภาคนี้ครับ (เวียดนามกำลังสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วยความช่วยเหลือจากรัสเซีย) ส่วนพลังงานลมนั้น ภูมิภาคของเราไม่อยู่ในเขตลมแรง ทำได้แต่คุ้มค่ายากเหมือนกัน
ที่ใดก็ตามที่มีการใช้ไฟฟ้า ต้องเข้าใจด้วยว่าไฟฟ้าที่เราใช้ส่วนใหญ่นั้น มาจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในเมื่อเราเป็นคนทำให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็ควรจะรับผิดชอบ อย่างน้อยในส่วนที่เราใช้
ทีนี้ รับผิดชอบเท่าไหร่ล่ะ ผมพยายามหาข้อมูลบนเว็บ ไม่พบอะไรเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกในเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาล และเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมของมนุษยชาติทั้งมวล ทำไมจึงไม่มีข้อมูลนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อหาข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไม่ได้เลย ก็ขอยกข้อมูลจากรัฐบาลต่างประเทศก็แล้วกันครับ
ชนิดของพลังงาน ต่อเดือน | ตัวคูณ | ปริมาณการปล่อย CO2 เป็น กก. |
ไฟฟ้า เป็น “หน่วย” หรือ kWh | x 0.18523 = | …………………… kgCO2 |
ก๊าซหุงต้ม เป็น ลิตร หรือ กก. | x 1.4920 = | …………………… kgCO2 |
น้ำมันเบนซิน เป็น ลิตร | x 2.322 = | …………………… kgCO2 |
น้ำมันดีเซล เป็นลิตร | x 2.672 = | …………………… kgCO2 |
ก๊าซ NGV/CNG/LPG เป็นลิตร | x 1.4920 = | …………………… kgCO2 |
อ้างอิง: http://www.nef.org.uk/greencompany/co2calculator.htm
ต้นไม้ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยน้ำหนักของตัวเอง ยิ่งมีเนื้อไม้มาก มีน้ำหนักมาก ก็ยิ่งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ไว้มาก แต่ต้นไม้ก็มีหลายขนาด มีเนื้อไม้ที่ต่างกัน โดยเฉลี่ยต้นไม้แต่ละต้นดูดซับคาร์บอนได้ออกไซด์ไว้ต้นละ 5.8967 กก. (13 ปอนด์/ต้น) และโดยเฉลี่ยอีกเช่นกัน ฝรั่งปลูกต้นไม้ได้ 67.2 ต้น/ไร่ (170 ต้น/เอเคอร์)
สมมุติบ้านผมใช้ไฟฟ้าเดือนละสองพันหน่วย เท่ากับการปล่อยก๊าซ 2000×0.18523=370.46 กก./เดือน ในเมื่อใช้ไฟฟ้าเยอะอย่างนี้ ผมก็ต้องปลูกต้นไม้ 370.46÷5.8967=62.82 ต้น/เดือน หรือเดือนละ 0.93 ไร่ครับ!!!
ถ้าทำได้ตามนั้น เรียกว่า zero emission คือไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่ม แต่ว่ายังไม่ได้ลดก๊าซเรือนกระจกลงเลยนะครับ ดังนั้นขอให้เข้าใจว่าทำไมเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงไม่ลดลง และดูเหมือนจะเป็นวิกฤติที่โลกทั้งโลก จัดการไม่ได้สักทีแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วจากที่เริ่มตระหนัก
ถึงจะเป็นสถานการณ์ zero emission เราก็ต้องปลูกต้นไม้ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่…อันนี้เป็นคำตอบในบันทัดแรกของบันทึก
การปลูกต้นไม้ ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะไปลดภาวะโลกร้อน แต่การบอกว่าปลูกแล้ว x ต้น ช่วยลดโลกร้อนแล้ว ถูกครึ่งเดียวครับ คือลดได้เหมือนกัน แต่ลดนิดเดียว… ตราบใดที่เรายังใช้พลังงานฟอสซิลอยู่ ก็ต้องปลูกไปเรื่อยๆ ปลูกไม้เนื้อแข็ง ลดภาวะโลกร้อนได้ดีกว่าปลูกพืชล้มลุก เพราะว่ามันหนักกว่า แปลว่าเก็บคาร์บอนไว้ในเนื้อไม้มากกว่า ถึงกระนั้น ปลูกไม้ล้มลุก ไม้ดอก ไม้ผล ปลูกต้นอะไร ก็ยังดีกว่าไม่ปลูกครับ
ปลูกตามเขาหัวโล้น ปลูกทุกที่ที่ว่างอยู่ ปลูกแล้ว ถ้าสภาวะแวดล้อมเหมาะสม ต้นไม้เติบโตได้เองตามธรรมชาติ ให้ร่มเงา ให้ความชื้น ช่วยรักษาดิน; ต้นไม้ทำอะไรมากกว่าช่วยเก็บกักคาร์บอนไดออกไซด์เยอะแยะเลย [ย้อนไปอ่านบันทึกนี้]
ทางออกที่ยั่งยืนกว่า คือหันไปหาพลังงานแบบอื่นครับ ชอบอะไร คุ้นเคยกับอะไร ก็ใช้พลังงานอย่างนั้น แต่อย่าเผาต้นไม้
พลังงานนิวเคลียร์ดูจะเป็นทางออกระยะสั้น แต่ที่เหมาะคือพลังงานแสงอาทิตย์ครับ
« « Prev : ไขความมหัศจรรย์ของต้นไม้กับน้ำและภาวะโลกร้อน
Next : สอนให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างไร » »
2 ความคิดเห็น
ชวนคิดลึกคิดกว้าง
ทุกลมหายใจร้อนผะผ่าว การมีชีวิตใช้ธาตุอากาศสิ้นเปลือง
มนุษย์ยังจัดการความสมดุลย์ไม่ได้เพราะกิเลสท่วมโลก
ยังหายใจได้หายใจออก ก็นึกว่ายังไม่ต้องทำอะไร?
ครอบครัวปลูกกี่ต้น/ปี
แต่ละคนควรปลูกกี่ต้น/ปี
ถ้าไม่ได้ปลูกก็อย่าตัด อย่าใช้น้ำมันเปลือง อย่าเผาป่า
ปลูกต้นไม้แล้วตัดเอากิ่งมาสับๆๆๆๆ ทำปุ๋ยบำรุงต้นไม้
เลี้ยงวัวเอาขี้ใส่ๆๆๆต้นไม้ เอาใบไม้ให้วัวกิน เลี้ยงวัวพันธุ์ขี้เยอะๆ
ได้ปุ๋ยเยอะๆ วัวปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าคน
วันพรุ่งนี้จะสาธิตเรื่องสับกิ่งไม้ตัวเล็ก ติดเครื่องยนต์ลากไปสับตรงไหนก็ได้
ทำให้ไม่ต้องเผากิ่งไม้ เปลี่ยนเป็นเอามาสับๆๆๆๆทำปุ๋ยใส่คอกวัว
-เรื่องนี้คงต้องออกแแบบเชิงกิจกรรม/กิจการ
-ว่ามีกรณีตัวอย่างอะไรบ้างที่ดีๆในโลกนี้
-ต่างประเทศเขาคิดได้ทำได้อะไรบ้าง เราคิดและทำอะไรไปบ้าง เอามาแลดูกัน
-พวกหมี-กบ-แมลง-จำศ๊ล
-สัตว์จำศีลได้ทั้งกาย-ใจ มีระยะเว้นวรรคการใช้ทรัพยากร
-แต่มนุษย์ เผาป่า เผาไร่อ้อย เผาฟาง หน้าตาเฉย
-จะต้องปลูกต้นไม้กี่ต้นถึงจะสมดุลกับการเผาอ้อยก่อนตัด
-รัฐบาลไม่เอาจริง พวกหนึ่งก็ส่งเสริม อีกพวกหนึ่งก็ทองไม่รู้ร้อน
-อุตสาหกรรมนี่แหละตัวดี ถ้าไม่ผลิตรถยนต์ให้ปั่นจักรยานโลกจะน่าอยู่กว่านี้
-สรุปว่าปลูกๆๆๆไปเรื่อยๆเท่าที่มีแฮง
-เรื่องนี้พูด-อธิบาย-กับคนที่หัวใจเป็นพลาสติกยาก แคว๊กๆๆ