ส้มลูกนี้ ต่อไปอาจจะแสดงอาการน่าเกลียด

โดย Logos เมื่อ 6 December 2009 เวลา 0:03 ในหมวดหมู่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3424

บันทึกนี้เป็นการอนุมาน ไม่ประสงค์จะให้เกิดความแตกตื่นครับ ขอให้พิจารณาเอาเอง

จากวิชาภูมิศาสตร์สมัยเด็กๆ โลกนี้ไม่กลมเหมือนลูกบอล แต่ป่องกลางเหมือนส้ม

ทีนี้ก็เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน จะร้อนตับแตกหรือไม่ก็ไม่ใช่ประเด็นของบันทึกนี้ นักวิทยาศาสตร์นาซ่าประมาณว่าอาจจะขึ้นมาอีก 7 เมตรหากน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ละลายหมด กรีนพีซว่าไว้ดุเดือดกว่านั้น

ผมไม่ได้เขียนบันทึกนี้เพื่ออภิปรายว่าจะเป็นตัวเลขใดหรอกนะครับ แต่อยากชี้ประเด็นที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เกี่ยวกับมหาสมุทรสามอันบริเวณเส้นศูนย์สูตร คือแปซิฟิก อินเดีย และแอตแลนติก (ข้อมูลมาจาก Wikipedia)

มหาสมุทร พื้นที่ (ล้าน ตร.กม.)
แปซิฟิก 169.2
อินเดีย 73.6
แอตแลนติก 106.4

ในตอนนี้ โลกก็หมุนรอบแกน(หมุน)เหนือใต้แบบที่เป็นอยู่ แต่ถ้าน้ำแข็งละลายตากแผ่นดินลงมา แล้วทำให้น้ำสูงขึ้น 1 เมตร ที่ใช้เลข 1 เพราะคิดง่าย ถ้าไม่ชอบใจ ก็คูณตัวเลขที่ชอบเอาเองก็แล้วกันครับ — ถ้ามีเขื่อนที่มีพื้นที่ 1 ตร.กม. เติมน้ำให้สูงขึ้น 1 เมตร จะมีมวลของน้ำ (น้ำหนัก) เพื่มขึ้น 1 ล้านตัน

แต่ระดับน้ำในแต่ละมหาสมุทรก็(เกือบจะ)เท่ากัน เพราะมันต่อถึงกันหมด มหาสมุทรแปซิฟิกจะมีมวลเพิ่มขึ้น 169.2 ล้านล้านตัน มหาสมุทรอินเดียหนักขึ้น 73.6 ล้านล้านตัน และมหาสมุทรแอตแลนติกเพิ่มขึ้น 106.4 ล้านล้านตัน

ลองนึกถึงส้มหมุนที่เกิดหูดยักษ์ขึ้นสามก้อน หูดแต่ละก้อนหนักไม่เท่ากันดูนะครับ ส้มจะยังหมุนรอบแกนเดิมเหมือนเพิ่งไปตั้งศูนย์ล้ออยู่ได้หรือไม่ครับ

ผมคิดว่าหูดแปซิฟิกซึ่งหนักกว่าเพื่อน แถมมีขนาดใหญ่กว่าพื้นดินทั้งโลกรวมกันเสียอีก ก็จะเหวี่ยงจนแกนหมุนรอบตัวของโลกเปลี่ยนแปลงไป เพื่อรักษาโมเมนตัมเชิงมุมของโลก เมื่อแกนหมุนของโลกเปลี่ยน ไม่รู้เหมือนกันว่าแกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนตามหรือไม่ ถึงไม่เปลี่ยน ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้นทางทิศตะวันออกอย่างที่เคย ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเพราะว่าเส้นรุ้งเส้นแวงเปลี่ยนแปลงไป วงโคจรค้างฟ้าของดาวเทียมจะเปลี่ยนแปลงด้วย (ดาวเทียมจะไม่อยู่นิ่ง) ไม่ต้องไปห่วงธุรกิจทีวีดาวเทียมซึ่งจะโรเจอร์ไปทันทีหรอกครับ ห่วงตัวเองดีกว่า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทร จะเพิ่มความเค้นต่อแผ่นเปลือกโลก อาจเกิดการขยับยืดแข้งยืดขาเป็นแผ่นดินไหวมากผิดปกติ รอยแยกที่สงบมานานแล้ว อาจขยับด้วย

หนุกหนาน หนุกหนาน… แล้วเราทำอะไรกันได้บ้างครับ

« « Prev : สันโดษ​

Next : ทำไมเราจึงไม่เข้าใจมากเท่าที่เราคิดว่าเข้าใจ? » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 December 2009 เวลา 10:12

    อ่านๆ ไป ก็เกิดความสงสัย คล้ายๆ กับพยายามจับผิดหรือหาข้อบกพร่องของข้อความตามประสานักเรียนปรัชญาเก่า (5 5 5…) แต่คร้านที่จะค้นหาคำตอบเอง จึงบ่นไว้ก็แล้วกัน…

    น้ำหนักของน้ำที่เพิ่มขึ้นแต่ละพื้นที่ของมหาสมุทรนั้น เมื่อเทียบกับน้ำหนักประมาณของโลก (น้ำหนักของโลก หนักประมาณ 15,976 คูณ 10 ยกกำลัง 24 กิโลกรัม ) แล้วมาเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ อาจเห็นว่าน้อยและเกือบจะไม่มีผลกระทบเลยก็ได้…

    ความแปรไปของแรงเหวี่ยงแกนโลกนั้น ยังมิได้มีมิติแห่งเวลาเข้าไปกำหนด ซึ่งอาจไม่มีผลกระทบจนเกิดความรู้สึกขึ้นได้อย่างทันทีทันใดสำหรับมนุษย์โลกขณะนี้ และก็ตายไปเสียก่อน.. ส่วนพวกที่จะเกิดมาภายหลังก็ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนั้น ก็อาจปรับตัวมาตั้งแต่อยู่ในท้องเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้…

    อาจมีสาเหตุอื่นๆ น้อยใหญ่อีกนับไม่ถ้วนที่จะจินตนาการได้ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเรื่องนี้ ซึ่งสาเหตุที่นอกเหนือเหล่านั้น มิได้นำมาเป็นปัจจัยในการขบคิด ดังนั้น สิ่งที่เราขบคิดคาดหมายตามปรากฎการณ์ด้วยสาเหตุที่ยกอ้างขึ้นมา จึงอาจเป็นไป หรืออาจไม่เป็นไป ตามที่คาดหมายก็ได้…

    • ผลอย่างเดียวมาจากสาเหตุอย่างเดียว ก็มิใช่
    • ผลอย่างเดียวมาจากสาเหตุหลายอย่าง ก็มิใช่
    • ผลหลายอย่างมาจากสาเหตุอย่างเดียว ก็มิใช่
    • แต่หลักในการอธิบายว่า ผลอย่างเดียวมาจากสาเหตุอย่างเดียว มีอยู่

    อนึ่ง สำหรับประเด็นว่า …แล้วเราทำอะไรกันได้บ้างครับ

    ตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาก็ต้องบอกว่า ประพฤติธรรม(สมควรแก่ธรรม) โดยอุปมาเหมือนดังภูเขาหินแท่งทึบกำลังกลิ้งมาจากทิศทั้งสี่บดขยี้คนทุกชั้นวรรณะอยู่ เราจะทำอย่างไร ? คำตอบก็คือ ประพฤติธรรม… (เนื้อหาใน ปัพพโตปมสูตร ผู้สนใจ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%BB%D1%BE%BE%E2%B5%BB%C1%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33)

    เจริญพร

  • #2 นักการหนิง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 December 2009 เวลา 11:17

    งานนี้ต้องติดตามตอนต่อไปว่าสัมลูกนี้จะเป็นอย่างไร ช่วยกันประหยัดพลังงานหน่อยพ่อแม่พี่น้อง อิอิ

  • #3 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 December 2009 เวลา 13:29

    ชอบบันทึกนี้และความเห็นข้างบนด้วยค่ะ

    อ่านแล้วทำให้จินตนาการต่อได้อีกมากมาย

    อยากต่อความเห็นของพระอาจารย์ชัยวุธ เรื่องที่นึกได้คือครั้งหนึ่งไปร่วมกิจกรรมคุณแม่ชีศันสนีย์ ท่านสอนว่า “ถ้าอยู่ในที่มืดอย่าหลับตา ให้ลืมตาแล้วจะมองเห็นทางออก เธออย่าหลับตาในโลกที่ขาดจริยธรรม”

    ในโลกที่คาดเดาข้างหน้าอย่างนี้ คงต้องลืมตาเพื่อช่วยกันหาทางออก คนละไม้ละมืออย่างที่น้องหนิงชักชวนก็ดีนะคะ

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 December 2009 เวลา 17:24
    นมัสการพระอาจารย์ครับ โลกหมุนอยู่ด้วยสมดุลย์อันละเอียดอ่อน ไม่มีแกนหรือขั้วมายึดจับไว้กับ “ฐาน” — ที่จริงแกนโลกก็ส่ายช้าๆ มานานแล้ว

    โลกลอยอยู่ด้วยสมดุลย์ของแรงดึงดูดอันซับซ้อน (เรื่องระยะทาง) และโมเมนตัมเชิงมุม (เรื่องการหมุน) — ยุ่งวุ่นวายเหมือนการปั่นลูกโป่งให้หมุนรอบตัวเอง และให้ลอยโคจรรอบพัดลมกลางห้อง

    เปรียบโลกเหมือนลูกโป่งที่ปั่นแล้วลอยอยู่ในอากาศ แม้น้ำหนักบนผิวเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย (เช่นแปะดินน้ำมันเม็ดนิดเดียว) ก็อาจเสียศูนย์ได้ เพราะไม่มีแกนยึดไว้นะครับ — ถ้าพูดให้ละเอียด ที่จริงมันไม่เหมือนกับเอามวลน้ำมาแปะเพิ่ม เพราะน้ำไหลมาจากที่อื่นในโลกนี้อยู่ดี ไม่ได้ทำให้มวลโลกเปลี่ยน; แต่ขืนพูดว่าโยกย้ายมวลน้ำ ทำให้โมเมนตัมเชิงมุมเปลี่ยนแปลงไป คงจะเข้าใจยาก

    เรื่องบางเรื่องดูจะใหญ่เกินที่จะทำได้ทั้งหมด ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ทำอะไรเลยครับ สำคัญอยู่แต่ว่าที่ต่างคนต่างทำนั้น ไปทางเดียวกันหรือไม่ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการชักคะเย่อกันไป


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.7391140460968 sec
Sidebar: 0.78095889091492 sec