ส้มลูกนี้ ต่อไปอาจจะแสดงอาการน่าเกลียด
อ่าน: 3545บันทึกนี้เป็นการอนุมาน ไม่ประสงค์จะให้เกิดความแตกตื่นครับ ขอให้พิจารณาเอาเอง
จากวิชาภูมิศาสตร์สมัยเด็กๆ โลกนี้ไม่กลมเหมือนลูกบอล แต่ป่องกลางเหมือนส้ม
ทีนี้ก็เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน จะร้อนตับแตกหรือไม่ก็ไม่ใช่ประเด็นของบันทึกนี้ นักวิทยาศาสตร์นาซ่าประมาณว่าอาจจะขึ้นมาอีก 7 เมตรหากน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ละลายหมด กรีนพีซว่าไว้ดุเดือดกว่านั้น
ผมไม่ได้เขียนบันทึกนี้เพื่ออภิปรายว่าจะเป็นตัวเลขใดหรอกนะครับ แต่อยากชี้ประเด็นที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เกี่ยวกับมหาสมุทรสามอันบริเวณเส้นศูนย์สูตร คือแปซิฟิก อินเดีย และแอตแลนติก (ข้อมูลมาจาก Wikipedia)
มหาสมุทร | พื้นที่ (ล้าน ตร.กม.) |
แปซิฟิก | 169.2 |
อินเดีย | 73.6 |
แอตแลนติก | 106.4 |
ในตอนนี้ โลกก็หมุนรอบแกน(หมุน)เหนือใต้แบบที่เป็นอยู่ แต่ถ้าน้ำแข็งละลายตากแผ่นดินลงมา แล้วทำให้น้ำสูงขึ้น 1 เมตร ที่ใช้เลข 1 เพราะคิดง่าย ถ้าไม่ชอบใจ ก็คูณตัวเลขที่ชอบเอาเองก็แล้วกันครับ — ถ้ามีเขื่อนที่มีพื้นที่ 1 ตร.กม. เติมน้ำให้สูงขึ้น 1 เมตร จะมีมวลของน้ำ (น้ำหนัก) เพื่มขึ้น 1 ล้านตัน
แต่ระดับน้ำในแต่ละมหาสมุทรก็(เกือบจะ)เท่ากัน เพราะมันต่อถึงกันหมด มหาสมุทรแปซิฟิกจะมีมวลเพิ่มขึ้น 169.2 ล้านล้านตัน มหาสมุทรอินเดียหนักขึ้น 73.6 ล้านล้านตัน และมหาสมุทรแอตแลนติกเพิ่มขึ้น 106.4 ล้านล้านตัน
ลองนึกถึงส้มหมุนที่เกิดหูดยักษ์ขึ้นสามก้อน หูดแต่ละก้อนหนักไม่เท่ากันดูนะครับ ส้มจะยังหมุนรอบแกนเดิมเหมือนเพิ่งไปตั้งศูนย์ล้ออยู่ได้หรือไม่ครับ
ผมคิดว่าหูดแปซิฟิกซึ่งหนักกว่าเพื่อน แถมมีขนาดใหญ่กว่าพื้นดินทั้งโลกรวมกันเสียอีก ก็จะเหวี่ยงจนแกนหมุนรอบตัวของโลกเปลี่ยนแปลงไป เพื่อรักษาโมเมนตัมเชิงมุมของโลก เมื่อแกนหมุนของโลกเปลี่ยน ไม่รู้เหมือนกันว่าแกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนตามหรือไม่ ถึงไม่เปลี่ยน ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้นทางทิศตะวันออกอย่างที่เคย ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเพราะว่าเส้นรุ้งเส้นแวงเปลี่ยนแปลงไป วงโคจรค้างฟ้าของดาวเทียมจะเปลี่ยนแปลงด้วย (ดาวเทียมจะไม่อยู่นิ่ง) ไม่ต้องไปห่วงธุรกิจทีวีดาวเทียมซึ่งจะโรเจอร์ไปทันทีหรอกครับ ห่วงตัวเองดีกว่า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทร จะเพิ่มความเค้นต่อแผ่นเปลือกโลก อาจเกิดการขยับยืดแข้งยืดขาเป็นแผ่นดินไหวมากผิดปกติ รอยแยกที่สงบมานานแล้ว อาจขยับด้วย
หนุกหนาน หนุกหนาน… แล้วเราทำอะไรกันได้บ้างครับ
« « Prev : สันโดษ
Next : ทำไมเราจึงไม่เข้าใจมากเท่าที่เราคิดว่าเข้าใจ? » »
4 ความคิดเห็น
อ่านๆ ไป ก็เกิดความสงสัย คล้ายๆ กับพยายามจับผิดหรือหาข้อบกพร่องของข้อความตามประสานักเรียนปรัชญาเก่า (5 5 5…) แต่คร้านที่จะค้นหาคำตอบเอง จึงบ่นไว้ก็แล้วกัน…
น้ำหนักของน้ำที่เพิ่มขึ้นแต่ละพื้นที่ของมหาสมุทรนั้น เมื่อเทียบกับน้ำหนักประมาณของโลก (น้ำหนักของโลก หนักประมาณ 15,976 คูณ 10 ยกกำลัง 24 กิโลกรัม ) แล้วมาเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ อาจเห็นว่าน้อยและเกือบจะไม่มีผลกระทบเลยก็ได้…
ความแปรไปของแรงเหวี่ยงแกนโลกนั้น ยังมิได้มีมิติแห่งเวลาเข้าไปกำหนด ซึ่งอาจไม่มีผลกระทบจนเกิดความรู้สึกขึ้นได้อย่างทันทีทันใดสำหรับมนุษย์โลกขณะนี้ และก็ตายไปเสียก่อน.. ส่วนพวกที่จะเกิดมาภายหลังก็ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนั้น ก็อาจปรับตัวมาตั้งแต่อยู่ในท้องเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้…
อาจมีสาเหตุอื่นๆ น้อยใหญ่อีกนับไม่ถ้วนที่จะจินตนาการได้ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเรื่องนี้ ซึ่งสาเหตุที่นอกเหนือเหล่านั้น มิได้นำมาเป็นปัจจัยในการขบคิด ดังนั้น สิ่งที่เราขบคิดคาดหมายตามปรากฎการณ์ด้วยสาเหตุที่ยกอ้างขึ้นมา จึงอาจเป็นไป หรืออาจไม่เป็นไป ตามที่คาดหมายก็ได้…
อนึ่ง สำหรับประเด็นว่า …แล้วเราทำอะไรกันได้บ้างครับ
ตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาก็ต้องบอกว่า ประพฤติธรรม(สมควรแก่ธรรม) โดยอุปมาเหมือนดังภูเขาหินแท่งทึบกำลังกลิ้งมาจากทิศทั้งสี่บดขยี้คนทุกชั้นวรรณะอยู่ เราจะทำอย่างไร ? คำตอบก็คือ ประพฤติธรรม… (เนื้อหาใน ปัพพโตปมสูตร ผู้สนใจ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%BB%D1%BE%BE%E2%B5%BB%C1%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33)
เจริญพร
งานนี้ต้องติดตามตอนต่อไปว่าสัมลูกนี้จะเป็นอย่างไร ช่วยกันประหยัดพลังงานหน่อยพ่อแม่พี่น้อง อิอิ
ชอบบันทึกนี้และความเห็นข้างบนด้วยค่ะ
อ่านแล้วทำให้จินตนาการต่อได้อีกมากมาย
อยากต่อความเห็นของพระอาจารย์ชัยวุธ เรื่องที่นึกได้คือครั้งหนึ่งไปร่วมกิจกรรมคุณแม่ชีศันสนีย์ ท่านสอนว่า “ถ้าอยู่ในที่มืดอย่าหลับตา ให้ลืมตาแล้วจะมองเห็นทางออก เธออย่าหลับตาในโลกที่ขาดจริยธรรม”
ในโลกที่คาดเดาข้างหน้าอย่างนี้ คงต้องลืมตาเพื่อช่วยกันหาทางออก คนละไม้ละมืออย่างที่น้องหนิงชักชวนก็ดีนะคะ
โลกลอยอยู่ด้วยสมดุลย์ของแรงดึงดูดอันซับซ้อน (เรื่องระยะทาง) และโมเมนตัมเชิงมุม (เรื่องการหมุน) — ยุ่งวุ่นวายเหมือนการปั่นลูกโป่งให้หมุนรอบตัวเอง และให้ลอยโคจรรอบพัดลมกลางห้อง
เปรียบโลกเหมือนลูกโป่งที่ปั่นแล้วลอยอยู่ในอากาศ แม้น้ำหนักบนผิวเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย (เช่นแปะดินน้ำมันเม็ดนิดเดียว) ก็อาจเสียศูนย์ได้ เพราะไม่มีแกนยึดไว้นะครับ — ถ้าพูดให้ละเอียด ที่จริงมันไม่เหมือนกับเอามวลน้ำมาแปะเพิ่ม เพราะน้ำไหลมาจากที่อื่นในโลกนี้อยู่ดี ไม่ได้ทำให้มวลโลกเปลี่ยน; แต่ขืนพูดว่าโยกย้ายมวลน้ำ ทำให้โมเมนตัมเชิงมุมเปลี่ยนแปลงไป คงจะเข้าใจยาก
เรื่องบางเรื่องดูจะใหญ่เกินที่จะทำได้ทั้งหมด ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ทำอะไรเลยครับ สำคัญอยู่แต่ว่าที่ต่างคนต่างทำนั้น ไปทางเดียวกันหรือไม่ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการชักคะเย่อกันไป