ก้าวหน้าต่อไป กับงานสาธารณประโยชน์

โดย Logos เมื่อ 18 October 2008 เวลา 11:50 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3846

เมื่อวันพฤหัส ผมลาออกจากตำแหน่งบริหารในบริษัทที่ทำมาสิบสองปี เพื่อไปทำงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ใครรู้เข้า ส่วนมากก็มักจะคิดว่าบ้า สับสน  หรือไม่กำลังหนีปัญหาอะไรสักอย่างหรือหลายอย่าง ดูเป็นเรื่องธรรมดาที่คนมักคิดไปในแง่ลบ ทั้งๆที่เป็นการตัดสินใจของผมเอง และไม่มีใครรู้จักตัวผมได้ดีเท่าตัวผมเอง

ที่จริงแล้ว งานอันนี้ก็มีความผูกพันกันมาก ประสบความสำเร็จมามากมาย ได้ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสทำ และไม่เคยคิดว่าจะมาได้จนถึงขนาดนี้ เป็นช่วงเวลาในชีวิตที่ภูมิใจ

ชีวิตต้องอยู่กับปัจจุบัน ไม่ผิดที่จะเก็บความภูมิใจไว้ระลึกถึง แต่เรื่องในอดีตก็ผ่านไปแล้วทั้งนั้นจึงควรเก็บไว้ในใจ เพราะว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรกับใครอื่น พูดมากก็กลายเป็นโอ้อวดไปซะอีก

เช้านี้ ตื่นขึ้นอย่างสบายใจ…เช่นเคย

การตัดสินใจนี้เป็นการลงจากหลังเสือ เพียงแต่ว่าเสือไม่ใช่งานบริษัทเพราะว่าบริษัทนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร หากแต่เป็นเสือแห่งความหลงต่างหาก

« « Prev : รู้จักตนเอง

Next : ไอทีกับเศรษฐกิจพอเพียง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

17 ความคิดเห็น

  • #1 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 12:14

    เมื่อได้คิด ก็จะคิดได้ คิดได้แล้วไม่ทำ ก็เหมือนไม่คิด ก้าวออกมาทำในสิ่งตัวตนเรียกร้อง จะถูกเรียกว่าบ้า ก็บ้าซิวะ เรื่องของเราใช่เรื่องของใครเน้อ แล้วสุขภาพกาย-ใจ จะตามมาหากรู้จักตัวตนว่า เจ้าเป็นไผ เจ้ากำลังทำอะไร

    อนุโมทนาด้วยคนค่ะ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 12:25
    ฮาๆๆๆ ขอบคุณมากครับพี่หมอเจ๊ “เจ้าเป็นไผ” โดนครับ โดน อิอิ

    ตอนผมรับงานนี้ ก็มีภารกิจที่จะทำให้อินเทอร์เน็ต กระจายออกไปทั่วประเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเป็น mission impossible แต่ตอนนี้ภารกิจก็ลุล่วงไปแล้วครับ บริษัทก็ควรจะก้าวหน้าต่อไป เช่นเดียวกับผมเหมือนกัน สิ่งต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา

  • #3 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 13:16

    ตอนอายุ 33  เคยลาออกจากราชการมาสร้างโรงพยาบาลเอกชน  จากการลงทุนที่ไม่มีอะไรเลย ( เริ่มจากศูนย์ )

    ตอนอายุ 45  ก็ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารโรงพยาบาล  มาทำงานการเมืองท้องถิ่น

    ทุกคนก็ถามว่า  ทำไม ? ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   อิอิ

    อายุ 60  กะว่าจะลงแข่ง ฮาล์ฟมาราธอนหรือไม่ก็ไตรกีฬา  แม่นุก็ถามว่า  ทำไปทำไม ?  เดี๋ยวเป็นอันตราย  เป็นห่วง   ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

  • #4 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 13:54

    การ”รู้จักตัวเอง” เป็นคำง่ายๆ สั้นๆ แต่คลุมความหมายมากมาย ผู้ที่ค้นพบจึงควรแก่การสรรเสริญ เป็นการลงจากหลังเสือที่งดงามค่ะ

    มีคำถามที่ใช้เสมอในการตรวจสอบการทำงานทางจิตวิญญาณของตัวเอง ( ได้จากการสนทนากับ อ.วิศิษฐ์ วังวิญญู ที่คุณหมอจอมป่วนพาไป ) นอกจากเจ้าเป็นไผคือกิจกรรมใดๆที่ทำนั้นได้ก่อให้เกิดการเรียนรู้และวัฒนาหรือไม่  เพราะการเรียนรู้บางอย่างก็ไม่ทำให้เราวัฒนาค่ะ และอาจทำให้เรางกยิ่งขึ้นได้ด้วย แต่ถ้าการเรียนรู้นั้นเป็นทั้งการเรียนรู้และเดินไปบนเส้นทางแห่งวัฒนาการ ก็ถือว่าเป็นความเติบโตและเป็นการทำงานของจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ซึ่งปลายทางของการเดินบนทางสายนี้คือการปลดปล่อยตัวตนให้เป็นอิสระที่ขอบเขตหรือข้อจำกัดใดๆมิอาจขวางกั้น

    อนุโมทนากับการตัดสินใจค่ะ

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 14:47

    บางท่านมีทางเลือกในชีวิตมากมาย
    บางท่านมีทางเลือกบ้าง
    แต่หลายท่านไม่มีทางเลือกมากนัก หรือไม่มีเลย
    จะว่าไม่มีทางเลือกก็ไม่ถูกนัก
    เพราะหากกล้าหาญก็สามารถขบถตัวเองได้

    แต่เมื่อบวก ลบ คูณ หารแล้ว ผู้นั้นเองแหละที่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไร

    ดูสิ หลายคนทิ้งสมบัติมากมายมหาศาล  ออกบวช
    นักออกแบบลือชื่อในกรุงเทพฯ  รายได้มหาศาล
    ก็แอบไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกลางป่าเขาที่สกลนคร

    พระอาจารย์ที่บ้านหนองหมู ดงหลวง มรดกที่ท่านจะได้รับเป็นร้านทองที่เยาวราช  แต่ออกบวชไม่สึก

    อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ มีอนาคตในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ลาออก เพียงเพื่ออยากจะเดินด้วยเท้าจากเชียงใหม่ไปสมุย...

    พี่แดง สว.เชียงราย มีครอบครัว ตระกูลสูงส่ง ออกไปทำงานชาวเขาและอยู่กับชาวเขา
    อีกมากมาย  อีกมากมาย…..

    เถอะ เมื่อไตร่ตรองแล้วว่าเหมาะสม ทำเลย แม้ใครจะคิดอย่างไรก็ตาม เพราะเราเป็นตัวเราเอง 

    ขบถคือความกล้าหาญที่คนนั้นมุ่งมั่นที่จะทำ แม้เป็นความฝันก็ตาม…

  • #6 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 16:11
    ฮาๆๆๆ ขอบคุณทุกท่านครับ คนที่สามารถเปล่งคำว่า อิอิ ออกมาจากใจได้ เข้าใจเรื่องนี้แน่นอนครับ

    ธรรมดาช่วงสิ้นปี ผมก็จะให้ของขวัญตัวเองชิ้นหนึ่ง เมื่อกี๊กินข้าวกลางวันเสร็จ ก็ชวนน้องชายออกไปหาของขวัญให้ตัวเอง แต่ว่าไม่ได้ซื้ออะไรมา คิดไปคิดมาปรากฏว่าไม่ได้ขาดอะไรเลย

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 19:16

    อิอิ แปลว่าอิ อิ อิ

  • #8 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 21:30

    อะไรที่ทำให้เรามีความสุข และได้เรียนรู้สิ่งที่อยากทำ ในอนาคตก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วค่ะ อิอิอิ. แถมให้อีก อิ

  • #9 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 23:12

    สะกิดใจกับคำว่า “งานสำคัญ” และหัวเรื่องที่เขียนเอาไว้ หากมีโอกาสช่วยงานอย่างไร ปวารณาตัวเอาไว้ที่นี่เลยนะค่ะ  บอกกันได้เลยค่ะน้องชาย

  • #10 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2008 เวลา 23:33
    ขอบคุณทุกท่านอีกรอบหนึ่งครับ งานสำคัญที่จะทำนั้นเป็นเรื่องยาว แต่ถ้าหากสนใจ ไปเล่าที่เฮฯหกได้ครับ เมื่อวันศุกร์ไป brief ให้สามพลเอกฟัง (ซึ่งหนึ่งในนั้นคือลุงเอกของเรา) ผมพูดไม่หยุดเลยยี่สิบนาทีครับ และไม่มีเรื่องเทคนิคเลย
  • #11 bojs ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 October 2008 เวลา 4:30

    Let me offer my congratulations again!!!

    Retirement - early or not, is relative. It’s a freedom to do things that matter to oneself most. Supposedly, out of the restriction of social life and norm - and yes, one is very lucky when one can retire early !

    This calls for a celebration !!! Take a rain check ? :-)

  • #12 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 October 2008 เวลา 10:43

    ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา และก้าวหน้าต่อไปครับ ผมยังมีงานที่จะทำอีกหลายอย่าง ทั้งที่ทำแล้วได้เงินกับทำให้ฟรี

    การเกษียณอายุไม่ว่าก่อนเวลาหรือตามเกณฑ์ ไม่ใช่การหมดค่า แต่เป็นการปลดพันธนาการออกบางส่วน และก้าวเข้าสู่อิสระในพื้นที่ใหม่ เป็นจังหวะที่จะพิสูจน์ความมั่นคงในชีวิต ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวและผ่านกันไปได้เป็นปกติครับ (เช่น ออกจากบ้านไปเรียนไกลๆ เปลี่ยนงาน ย้ายบ้าน แต่งงาน ไปอยู่ต่างประเทศในระยะยาว ฯลฯ)

    ผมยังไม่ได้เกษียณหรอกนะครับ ยังมีงานอยู่ เพียงแต่งานเปลี่ยนแปลงไปจากงานที่เคยทำมา ถ้าเกษียณด้วยอายุขนาดนี้ จะต้องเอากองทุนสำรองเลียงชีพที่มีอยู่ไปคิดเป็นเงินได้ (มีหักค่าลดหย่อน) แต่ก็ยังต้องเสียภาษีเงินได้หนักมาก

  • #13 ครูสุ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 October 2008 เวลา 18:32

    อ่านบันทึกนี้แล้ว หัวใจมันพองโต ไงไม่รู้ ..อิ อิ  ปลึ้มน่ะ
    ……………………………..
    อะไรน้อ..จะมายิ่งใหญ่เท่า การที่คนเราสามารถลงมาจากหลังเสือ(แห่งความหลง) ได้

  • #14 แป๋ว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 October 2008 เวลา 21:02

    ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ ขอชื่นชม และยกย่องกับการตัดสินใจที่สำคัญในครั้งนี้ค่ะ

  • #15 bojs ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 October 2008 เวลา 3:18

    A colleague who owned a sailing boat once said there are two happiest days of boat owners: (1) the day they buy the boat .. and (2) the day they sell the boat…

    I was happy on both days.

  • #16 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 October 2008 เวลา 10:43

    ขอบคุณทุกท่านอีกรอบหนึ่งครับ อารมณ์ความรู้สึก อยู่กับเราแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ผ่านไป

    ความผูกพัน อยู่กับเราเท่าที่ใจอยากให้อยู่

  • #17 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 October 2008 เวลา 20:24

    สาธุค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.64936113357544 sec
Sidebar: 0.57679891586304 sec