ไต้ไม่มีควัน

อ่าน: 8140

ไม่ได้เขียนเรื่องภาคใต้หรอกนะครับ เมื่อคืนไปดูคลิปใน Youtube อันหนึ่ง เพราะว่ากำลังหาวิธีสร้างความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ต้นทุนต่ำ แล้่วไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็ควรจะใช้วิธี gasification แต่มันดูยุ่งยากจังเลย! ผมก็เลยลองทำดู จะพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้ยากหรอกครับ ใครๆ ก็ทำได้

บันทึกนี้เป็นเรื่องการทดลองทำแหล่งความร้อน ที่ใช้กิ่งไม้ห่อด้วยอะลูมินัมฟอยล์ (ที่ใช้ห่ออาหาร) งานนี้แม่ร่วมสนับสนุนการทดลอง โดยฉีกฟอยล์ให้สามฟุต (ฟอยล์เป็นของแม่ จึงยกให้แม่เป็นผู้อำนวยการสร้าง)

อุปกรณ์

  1. อะลูมินัมฟอยล์ กว้าง 1 ฟุต สองแผ่น ความยาวไม่ต้องยาวเท่านี้ก็ได้
  2. กระป๋องนั้นไม่ได้เกี่ยวเลยทีเดียว มีขนมที่อร่อยมาก ซึ่งหายหมดไปอย่างรวดเร็ว
  3. กิ่งไม้ขนาดน่าเอ็นดู เล็กกว่านิ้วก้อยอีก ยาวสามฟุต (แผ่นฟอยล์กว้าง 1 ฟุต)

ค่ นี๊ ! ? ! ?

ที่จริงมีอย่างอื่นอีกครับ แต่แสวงเครื่องได้ง่ายๆ

ก่อนทดลอง ก็มีคำถามอันใหญ่เลยว่าไม้เห่ยๆ อันแค่นี้ จะไปได้สักกี่น้ำ แล้วเศษไม้ที่เก็บมานี่ ก็เป็นไม้สดด้วย ถ้าจะให้ถูกต้องตามประเพณีทฤษฎี ก็ควรจะใช้ไม้แห้ง… แต่ผมว่าอย่ามาลีลาเลยครับ ทฤษฎีก็เรื่องหนึ่ง ถ้าอยากจะรู้จริง ต้องลองทำซิ ไม่ต้องตั้งเงื่อนไขอะไร

อย่างไรก็ตาม การใช้ไม้สดทำให้ติดไฟยาก ในระบบของ gasification แล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจะเผาไม้ (ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก) เราเพียงแต่จะใช้ความร้อนยิ่งยวด ให้ความร้อนแก่ไม้ จนไม้ปล่อยก๊าซไฮโดรเจน+มีเทน+คาร์บอนมอนน็อกไซด์ออกมา ก๊าซทั้งสาม ไฟติดและทำให้เกิดการเผาใหม้(ก๊าซ)ที่สมบูรณ์ คาร์บอนส่วนใหญ่ที่อยู่ในไม้ ก็ยังคงอยู่ในไม้ ในรูปของถ่าน มีเพียงส่วนน้อยที่ถูกปล่อยออกมา… อันนี้ต่างกับการเผาฟืนผิงไฟ ได้ความร้อนน้อย กินเชื้อเพลิงมาก ติดไฟอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเติมฟืนอีก แล้วปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาลเพราะเป็นการเผาไม้โดยตรง

แล้วมีเรื่องที่จะต้องเตือนล่วงหน้า คือเล่นกับไฟ ต้องระวังครับ ต้องไปทดลองในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก อย่าเล่นในบ้านเด็ดขาด

กระบวนการทำผมอธิบายด้วยรูป คลิกบนรูปเพื่อดูภาพขยายนะครับ หลักๆ คือเราใช้อะลูมินัมฟอยล์ทำกระบอกสองอัน แล้วจะเอามาครอบกันทีหลัง

กิ่งไม้กระจิ๋วหริวนั้น เอากรรไกรเล็มกิ่งไม้จัดการย่อยซะ ให้มีความยาวไม่เกิน 6 นิ้ว ถ้าจะให้ดีก็เลาะเอาเปลือกออก เพราะว่าเปลือกไม้ เจอไฟแล้วมักจะมีควัน

แต่ผมชอบลองดี จึงตัดกิ่งไม้ไปทั้งอย่างนั้นเลย

ถ้าจะอ่านต่อ ลองทายก่อนนะครับ ว่าเศษไม้ปริมาณแค่นี้ จุดไฟได้นานเท่าไหร่

ฟอยล์เค้ามีไว้ห่อ… ก็ห่อซิครับ

ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี แต่ว่าผมมีไม้นิดเดียว ก็เลยได้ห่อเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณนิ้วกว่าๆ เท่านั้น

ตรงนี้เราจะทำกระบอกใน ซึ่งเป็นห้องที่ให้ไม้คายก๊าซเมื่อได้รับความร้อนยิ่งยวด

ปิดก้น

ถ้าจะให้ดี เอาหินใส่เข้าไปถ่วงน้ำหนักที่ก้นก่อนปิดก็ดีครับ แต่ผมไม่ได้ทำ ซึ่งทำให้กระบอกในของผมซึ่งเล็กและเบาอยู่แล้ว ล้มง่าย

กระทุ้งให้เศษไม้ลงไปอยู่ก้นกระบอกใน

ภาพทางซ้ายนี้ ถ่ายด้านบนของกระบอกใน เศษไม้ควรจะมีความสูงไล่เรี่ยกัน… แต่ไม่ต้องเท่ากันเป๊ะ กลัวใจพวกบ้าทฤษฎีจริงๆ เลย

ด้านบน ตัดขอบให้เหลือสักสองข้อนิ้ว

เราแค่ต้องการที่ว่างอีกนิดหน่อย ครั้งหนึ่งสำหรับใส่เชื้อไฟเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งเป็นที่ให้ก๊าซผสมกับอากาศครับ

เติมเชื้อไฟทางด้านบน

เป็นอะไรก็ได้นะครับ ผมเอาเศษไม้ที่ตัดเมื่อกี้นี้แหละ มืดแล้วไม่ออกนอกบ้าน

เราจะจุดไฟจากด้านบน ดังนั้นเชื้อไฟ ก็ควรติดไฟง่าย แล้วลุกอยู่ได้นานพอควรจนสร้างความร้อนขึ้นมามากๆ

กลับไปที่ก้นของกระบอกใน ที่ระยะสัก 1 ซม.จากก้น เจาะรูขนาด 2.5 มม.จนรอบกระบอกครับ

ถ้าไม่รู้ว่าจะเจาะอย่างไร ก็เอาปลายปากกาลูกลื่นทิ่มทะลุฟอยล์เข้าไปเลย ไม่ต้องเกรงใจ

รูเหล่านี้เป็นทางเข้าของ primary air ซึ่งช่วยให้ไฟติดอยู่ได้ อากาศ primary air ไหลจากล่างขึ้นบน พาเอาก๊าซซึ่งไม้ปล่อยออกมาจากการที่ได้รับความร้อนขึ้นไปยังปากกระบอกอันเป็นที่ที่เราจุดไฟไว้ ทำให้ไฟลุกต่อไปได้

แล้วเราก็มาทำกระบอกนอก

กระบอกนอกควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่ากระบอกในสัก 2 ซม.

ผมดันห่อซะเกือบชิดเลย

เวลาจุดไฟที่กระบอกในแล้วจะเอากระบอกนอกไปครอบ ก็เลยสวมไม่เข้า

พับส่วนหัวของกระบอกนอกลงมาเป็นปาก ให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กลง เพื่อที่ว่าก๊าซที่เกิดขึ้น จะได้แย่งกันออกทางรูที่เล็กลง (ภาษาไทยเรียกว่า “พุ่ง”)

เรียบร้อยแล้ว ลองเลย!

จุดไฟครั้งแรก แป่ว ไม่ติด เพราะเชื้อไฟเป็นไม้สดครับ

อย่างนี้ก็ต้องแก้ปัญหา เผอิญผมมีเอทานอลที่ซื้อมาทดลองแช่แข็งดอกไม้ตามบันทึก [ทดลองแช่แข็ง] เหลืออยู่ตั้งเยอะ เลยเอามาใช้ 1 ซีซี…. ถ้าไม่มี ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอื่นก็ได้ครับ 1 ซีซี คือ 1/1000 ลิตร ราคาไม่เท่าไหร่หรอก

จุดไฟอีกที ติดพรึบเรียบร้อย

ก็มานั่งคิดดู เมื่อไฟเผาเอทานอลจนหมด เชื้อไฟ+ไม้ของเราจะติดมั๊ยน๊อ…

ทายซิครับ จุดไฟครั้งแรก ไฟติดอยู่นานเท่าไหร่

9 นาทีครับ! ไฟที่ติดอยู่ 9 นาทีนี้ ไม่ใช่การเผาเอทานอลแน่นอนครับ เผาแอลกอฮอล์ 1 ซีซี ไม่ได้ใช้เวลานานอย่างนี้ แสดงว่าไฟนี้ต้องมีเชื้อเพลิงอื่นด้วยแน่ แต่ผมชะโงกดูในกระบอก ก็ไม่เห็นเศษไม้ติดไฟ (สีส้มแดง) ดังนั้นน่าจะอนุมาณได้ว่า เศษไม้ได้รับความร้อนจากการเผาเอทานอล และปล่อยก๊าซตามกระบวนการ gasification ออกมาแล้ว ก๊าซนี้เองเป็นเชื้อเพลิงรักษาไฟไว้ แต่ไฟนี้ไม่มีควัน

อย่างที่เล่าไว้ข้างบน ผมทำกระบอกนอกเล็กเกินไป เอามาครอบกระบอกในหลังจากจุดไฟแล้วไม่ได้ ไฟดับไปก่อน เลยไม่มีโอกาสพิสูจน์ผลของ secondary air

เอาใหม่ คราวนี้ ผมเอาเศษฟอยล์ที่ยังเหลืออยู่ มาห่อกระป๋องขนม กลายเป็นกระบอกนอกที่เรียบร้อยสวยงาม

จุดไฟอีกครั้งหนึ่งโดยไม่ได้เติมเศษไม้ลงไป แล้วเอากระบอกนอกอันใหม่ไปครอบ แต่ดันเว้นช่องสำหรับ secondary air ไม่พอ คือว่าด้านบนของกระบอกนอก ควรอยู่สูงกว่าด้านบนของกระบอกในสัก 2 ซม.

ในการทำลองครั้งนี้ ผมรีบทำกระบอกนอกอันใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม แล้วรีบเอาไปครอบลงได้ง่าย อารามรีบร้อน ลืมนึกถึงระยะห่างอันนี้ เลยไม่ได้หาอะไรมาหนุนกระบอกนอกจนได้ระยะห่างที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม การจุดไฟครั้งนี้ อยู่ได้ 12 นาที นานกว่าครั้งแรกอีก และไม่มีควันเหมือนครั้งแรก

เปลวไฟสีน้ำเงินในรูป ถ่ายตอนเริ่มจุดไฟ เป็นการเผาเอทานอลครับ ไม่ใช่ไฟจาก gasification

ลองอีกทีน่า เรายังไม่รู้ผลของ secondary air เลย… ก็เลยจุดไฟใหม่อีกครั้งโดย ไม่เติมเศษไม้ (ที่จริงไม่มีจะเติมแล้ว) เอากล่องใส่เข้ามันไก่สองกล่อง มารองใต้ขอบล่างของกระบอกนอก เหลือที่ว่างระหว่างขอบบนของกระบอกใน กับขอบบนของกระบอกนอกสัก 2 ซม. แล้วจุดไฟ

เปลวไฟสีน้ำเงิน เป็นการเผาไม้ของเอทานอล

ผ่านไป 5 นาที เปลวไฟไม่มีสีน้ำเงินอีกแล้ว (ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เอามือถือไปชาร์ตแบตเลยไม่ได้เฝ้าอยู่)

ไฟส่วนนี้ มาจากกระบวนการ gasification แต่ว่าก๊าซยังไม่มากเท่าไหร่ เพราะความร้อนยังไม่มากนัก ไม่มีควัน

ผ่านไป 18 นาที ดูดีแฮะ ไม่มีควัน

จะเห็นว่าเปลวไฟ ไม่ติดกับผิวของกระบอกนอกเลย ทั้งนี้เป็นเพราะระหว่างเปลวไฟที่ออกมาจากกระบอกใน กับผิวของกระบอกนอก มีอากาศร้อนคั่นอยู่ อากาศนี้เรียกว่า secondary air ไหลเข้ามาจากข้างใต้ ผ่านกระบอกในที่ร้อนจัด กลายเป็นอากาศร้อน

ผ่านไป 26 นาที สังเกตขอบทางซ้ายของเปลวไฟ เหมือนมีลมเป่าขึ้นมาจากด้านล่าง

ที่เป่าออกมานั้น คืออากาศร้อน+ก๊าซที่เกิดจากกระบวนการ gasification ครับ ไม่มีควัน ไม่มีกลิ่น (ผมไม่ได้ตั้งใจไปดม เพราะว่ามันไฮโดรเจน+มีเทน+คาร์บอนมอนน็อกไซด์นะ)

นี่แปลว่ามันเวิร์คจริงๆ

ผ่านไป 34 นาที ไฟดับ เฮ้ย!

ถ้าไม่ได้เห็นคงไม่เชื่อหรอกครับ ไฟดับเพราะว่ามีก๊าซดันออกมามาก จนไฟเผาไหม้ก๊าซไม่ทัน!

ด้วยประสบการณ์อันแลกมาด้วยการมือพอง ขอยืนยันว่ากระบอกในร้อนมากครับ

เมื่อก๊าซดันจนไฟดับ ทีนี้มีควันออกมาเยอะเลย ควันนี้ถ้าเอาไฟไปจุดก็ติดไฟได้ ลดความร้อนและดับควันโดยเอากระบอกในแช่น้ำทางก้น คงจำได้ว่าเราเจาะรูไว้เยอะเลย

เอามาชันสูตร

ชะโงกดูในกระบอกใน เห็นไม้กลายเป็นถ่าน แต่ก็ยังมีเชื้อไฟที่ใส่ไว้ที่ผิวหน้า ยังเป็นไม้ขาวๆ ไม่ได้ไหม้ไฟ และไม่กลายเป็นถ่าน

ที่ไม้ไม่ติดไฟเพราะเราควบคุมปริมาณออกซิเจนในกระบอกในไว้ด้วยรู primary air ที่เล็กกว่าการเผาฟืนในบรรยากาศมากมายนัก

สภาพภายนอกของกระบอกใน

สก๊อตช์เทปแปะไว้สามแห่ง บน กลาง ล่าง(ไม่เห็นในรูป) อันบนมีรอยไหม้ อันกลาง(ขอบล่างของรูป)ยังสงบเสงี่ยม

ไม่ใช่หมอหรือนิติเวช ก็ชันสูตรได้

ผ่าดูสภาพเศษไม้ครับ

ขอบบนอยู่ทางขวา ขอบล่างอยู่ทางซ้าย

เศษไม้ส่วนใหญ่กลายเป็นถ่านด้วยความร้อน แต่ไม่ไหม้ไฟ ไม่มีเถ้าสีขาวให้เห็น เชื้อไฟ(ทางขวา)ก็เช่นเดียวกัน

ถ่านกรอบน่าเคี้ยว น้ำหนักเบามากและเปราะ ออกอาการว่าเป็นคาร์บอนชัดๆ

ดูคราบเขม่า ก็มีแค่ครึ่งกระบอกเท่านั้น สรุปแบบบ้านๆ ว่าที่ผ่านมา 34 นาทีนี้ ใช้ไม้ไปสร้างก๊าซแค่ครึ่งเดียวครับ pyrolysis ลามลงไปได้แค่ครึ่งเดียว

ข้อสังเกตจากการทดลอง

  1. ต้นทุนวัสดุสำหรับการทดลองครั้งนี้ รวมกันทุกอย่างไม่เกิน 1 บาท
  2. เปลวไฟสั้น เพราะว่าเชื้อเพลิงน้อย ใช้กระบอกในที่เล็กเกินไป ถ้าเปลี่ยนกระบอกในเป็นแป๊บน้ำ เปลี่ยนกระบอกนอกเป็นกระป๋องสี ท่าจะมันกว่านี้เยอะ
  3. ไต้ที่ไม่มีเปลวไฟ ไม่ใช่ไต้ — อันนี้แก้ได้ด้วยข้อสังเกตข้างบน คือทำให้ใหญ่ขึ้น
  4. เมื่อได้เปลวไฟ ก็ได้ความร้อนมาคลายหนาว แต่ใช้ไม้น้อยกว่าการเผาฟืนมหาศาล
  5. แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นเตาล่ะ
  6. ถ้าจะเอาก๊าซนี้ไปเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ ต้องกรองเขม่าออกก่อน ไม่อย่างนั้นเครื่องยนต์จะสกปรกและสึกหรอเร็ว

บันทึกเกี่ยวกับ gasification ผมเขียนมาบ้าง อ่านได้ที่นี่ครับ

« « Prev : อธิบายสังคมด้วยลักษณะของโฮลอน

Next : นัดพบทีม #ThaiFlood และ #ArsaDusit » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 December 2010 เวลา 7:11

    ต่อไปสุภาษิต “จุดไต้ตำตอ” ก็คงจะใช้ไม่ได้เสมอไป
    แต่งานนี้น่าทดลองในลักษณะให้้ใหญ่ขึ้น
    อาจจะนำไปสู่การสะสม/สร้างก๊าซ เพื่อการทดลองวิทยาศาสตร์ให้เด็กๆ
    หรือ แม้แต่ชาวบ้านในชนบท ถ้าทำให้ดูสักครั้ง จะขยายผลได้

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 December 2010 เวลา 1:34
    เรื่องนี้ ทดลองได้ง่ายๆ ครับ

    กระบอกใน ใช้กระป๋องน้ำอัดลม ตัดเอาฝาบนออกให้หมด จะได้ใส่เศษไม้ได้ง่ายๆ เอาตะปูเจาะรูที่ระยะ 1 ซม.จากพื้น

    กระบอกนอก ใช้กระป๋องสีหรือกระป๋องกาแฟ/โอวัลติน เลือกที่ขนาดใหญ่กว่ากระป๋องน้ำอัดลมสัก 2 ซม ตัด “ก้น” ให้เหลือ “ปีก” สัก 1 ซม. เล็งความสูงให้ดี ให้เวลาครอบกระป๋องนอกลงไปแล้ว ยัง “ลอย” ห่างขอบบนของกระป๋องน้ำอัดลมสัก 1 ซม. เอาอะไรหนุนกระป๋องนอกให้ลอยให้ได้ระยะก็ได้นะครับ

    ไม่จำเป็นต้องใช้ฟอยล์ทำครับ จะเป็นกระป๋องหรือแป๊บน้ำหรืออะไรที่ทนความร้อนสูงได้ทั้งนั้นครับ ผมใช้ฟอยล์เพราะตัดง่าย ประกอบกับมีอยู่แล้ว

  • #3 ลานซักล้าง » Biochar ปรับปรุงดินและลดโลกร้อน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 December 2010 เวลา 16:23

    [...] — แปลเป็นไทยก็คือถ่านไม้จาก [ไต้ไม่มีควัน] นั่นล่ะครับ [...]

  • #4 ลานเวลา » เที่ยวละมุน อุ่นละไม สวัสดีปีใหม่ค่ะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 January 2011 เวลา 16:11

    [...] แถมได้หัวเราะกับผลงาน “เตาไร้ควัน” เวอร์ชั่นสองที่พ่นควันโขมง [...]

  • #5 ลานซักล้าง » แบบสำหรับสร้างเตา Gasification แบบ Updraft ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 January 2011 เวลา 4:50

    [...] มีควัน มีเขม่าได้ [ไต้ไม่มีควัน] [Biochar ปรับปรุงดินและลดโลกร้อน] [...]


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.71251201629639 sec
Sidebar: 1.0213429927826 sec