เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2554 โลกมีประชากรกว่า 6,890 ล้านคน
ด้วยอัตราการเพิ่มของประชากร จะโตเป็นเจ็ดพันล้านคนในปี 2555 และเป็นเก้าพันล้านคนในปี 2587… เฮ้อ ตอนนั้นถ้าผมยังอยู่ ก็คงแก่หง่อมไม่รู้เรื่องแล้ว ดังนั้น มีอะไรจะพูดก็ควรรีบพูดซะก่อนจะเลอะเลือน
น้ำจืด
อากาศแปรปรวน อากาศร้อนตับแตกสล้บหนาวเย็น ฝนแล้งสลับท่วมหนัก เอาแน่เอานอนไม่ได้ เมืองไทยไม่มีภูเขาสูงที่จะคอยดักจับเมฆ ความชื้น และหิมะ พูดง่ายๆ ก็คือเราพึ่งน้ำฝนอย่างเดียวครับ แต่พอฝนตกหนัก เรากลับเร่งระบายปล่อยทิ้งไปเฉยๆ
น้ำท่วมเกิดมาจากปริมาณน้ำผิวดินมีมากเกินไป เมื่อฝนตกในที่สูง เราเก็บกักน้ำจืดเอาไว้ไม่ได้ สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ก็ไม่ได้ ที่ดินมีราคาแพง จะเอาไปทำแก้มลิงก็ทำไม่ไหว ที่สำคัญคือต้นไม้ตามภูเขาก็ตัดเสียโกร๋นหมด เมื่อไม่มีต้นไม้ไว้ชะลอน้ำ น้ำก็ไหลลงมาที่ต่ำอย่างรวดเร็ว
จริงอยู่ที่การชะลอน้ำก็แค่ถ่วงเวลาไว้ ไม่ได้ทำให้ปริมาณน้ำมากมายหายไป แต่ถ้าน้ำไหลช้าลง ดินมีโอกาสดูดซึมน้ำไว้มากขึ้นนะครับ
เมื่อฝนตกลงมา ชะลอน้ำหลากเอาไว้ เอาน้ำส่วนนี้ไปเติม [น้ำใต้ดิน] น้ำใต้ดินในที่สูง จะกลายเป็นน้ำผุด เป็นต้นน้ำลำธาร ที่ค่อยๆ ปล่อยลงมา (ค่อนข้าง) สม่ำเสมอตลอดทั้งปี ทำให้หน้าฝนไม่มีน้ำหลากมากนัก ส่วนหน้าแล้งยังมีน้ำอยู่
ผู้กำหนดนโยบายอาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ ใช้น้ำประปากันทั้งนั้น อาจจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความสำคัญของน้ำใต้ดิน แต่ประปาชนบทจำนวนมาก ต้องพึ่งน้ำบาดาล เวลาเราใช้น้ำบาดาลกันเยอะๆ คิดจะเติมแหล่งน้ำใต้ดินกันบ้างหรือเปล่าครับ
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
อ่านต่อ »