จะเอาอะไรไปเลี้ยงโลก

อ่าน: 3967

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2554 โลกมีประชากรกว่า 6,890 ล้านคน

ด้วยอัตราการเพิ่มของประชากร จะโตเป็นเจ็ดพันล้านคนในปี 2555 และเป็นเก้าพันล้านคนในปี 2587… เฮ้อ ตอนนั้นถ้าผมยังอยู่ ก็คงแก่หง่อมไม่รู้เรื่องแล้ว ดังนั้น มีอะไรจะพูดก็ควรรีบพูดซะก่อนจะเลอะเลือน

น้ำจืด

อากาศแปรปรวน อากาศร้อนตับแตกสล้บหนาวเย็น ฝนแล้งสลับท่วมหนัก เอาแน่เอานอนไม่ได้ เมืองไทยไม่มีภูเขาสูงที่จะคอยดักจับเมฆ ความชื้น และหิมะ พูดง่ายๆ ก็คือเราพึ่งน้ำฝนอย่างเดียวครับ แต่พอฝนตกหนัก เรากลับเร่งระบายปล่อยทิ้งไปเฉยๆ

น้ำท่วมเกิดมาจากปริมาณน้ำผิวดินมีมากเกินไป เมื่อฝนตกในที่สูง เราเก็บกักน้ำจืดเอาไว้ไม่ได้ สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ก็ไม่ได้ ที่ดินมีราคาแพง จะเอาไปทำแก้มลิงก็ทำไม่ไหว ที่สำคัญคือต้นไม้ตามภูเขาก็ตัดเสียโกร๋นหมด เมื่อไม่มีต้นไม้ไว้ชะลอน้ำ น้ำก็ไหลลงมาที่ต่ำอย่างรวดเร็ว

จริงอยู่ที่การชะลอน้ำก็แค่ถ่วงเวลาไว้ ไม่ได้ทำให้ปริมาณน้ำมากมายหายไป แต่ถ้าน้ำไหลช้าลง ดินมีโอกาสดูดซึมน้ำไว้มากขึ้นนะครับ

เมื่อฝนตกลงมา ชะลอน้ำหลากเอาไว้ เอาน้ำส่วนนี้ไปเติม [น้ำใต้ดิน] น้ำใต้ดินในที่สูง จะกลายเป็นน้ำผุด เป็นต้นน้ำลำธาร ที่ค่อยๆ ปล่อยลงมา (ค่อนข้าง) สม่ำเสมอตลอดทั้งปี ทำให้หน้าฝนไม่มีน้ำหลากมากนัก ส่วนหน้าแล้งยังมีน้ำอยู่

ผู้กำหนดนโยบายอาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ ใช้น้ำประปากันทั้งนั้น อาจจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความสำคัญของน้ำใต้ดิน แต่ประปาชนบทจำนวนมาก ต้องพึ่งน้ำบาดาล เวลาเราใช้น้ำบาดาลกันเยอะๆ คิดจะเติมแหล่งน้ำใต้ดินกันบ้างหรือเปล่าครับ

กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

อาหาร

New Scientist ตีพิมพ์บทความซึ่งกล่าวคร่าวๆ ได้ว่า คนในประเทศตะวันตก บริโภคอาหารเกินความต้องการของร่างกายไปถึง 800 (กิโล)คาลอรี่ต่อวัน กินเหมือนตายอดตายอยาก พอน้ำหนักเกิน รู้อยู่ว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ ก็ไปออกกำลังกายลดความอ้วน ความคิดแบบนี้เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุนะครับ ถ้ากินมากเกินความต้องการ แล้วกินเข้าไปทำไม

เมืองไทยบอกตัวเองว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพสูง จะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก แล้วมีใครทำธนาคารเมล็ดพันธุ์แบบจริงจังไหมครับ ธนาคารเมล็ดพันธุ์ ห้องสมุด หรืออะไรที่เป็นแหล่งรวบรวมสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญ ไม่ควรเสี่ยงต่อภัยพิบัติหรอกนะครับ ก็ถ้ามันสำคัญจริง จะทำเหมือนเป็นของไม่สำคัญได้อย่างไร

พลังงาน

พลังงานที่สะอาดที่สุดคือพลังงานแสงอาทิตย์ครับ ไม่ว่าอยากได้หรือไม่อยากได้ ก็มีให้มาอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะเก็บเกี่ยวมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร

มีอีกปัญหาหนึ่ง คือรู้สึกว่าได้มาน้อย ไม่พอใช้ ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความรู้พอ ขนาดใหญ่เกินไป ทำไม่ไหวหรอก ฯลฯ — มีเหตุผลมากมาย ที่จริงเรื่องพวกนี้เป็นเทคโนโลยีชาวบ้าน สร้างและบำรุงรักษาได้เองนะครับ ทำได้แค่ไหน ก็ประหยัดไปแค่นั้น

เมืองไทยจ่ายเงินค่าพลังงานปีละมหาศาล ถ้าไม่คิดจะลดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงาน ก็ไม่ควรบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดีหรอกครับ

จะพาพ่อแม่ไปเที่ยวหลายวันนะครับ ดังนั้นก็จะไม่มีบันทึกไปจนต้นอาทิตย์หน้า ถ้า feed ไป facebook ช้าหน่อย ก็แปลว่าไม่มีเวลาทำให้ หรือไม่มีสัญญาณมือถือนะครับ

« « Prev : น้ำตาลลองกอง ได้หรือไม่

Next : เที่ยวนานๆ ปีละครั้ง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 January 2011 เวลา 22:45

    พอเห็นหัวข้อบันทึก ทำให้นึกถึงสำนวนที่เคยฟังมา (นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่าของใคร) ทำนองว่า “พระผู้เป็นเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่อยู่ จะไม่มีอาหารกิน”……. อะไรทำนองนี้

    หรือภาษิตฝรั่ง “ขนมปังในวันพรุ่งนี้ จะมาในวันพรุ่งนี้”

    “นักการเมืองคิดเพียงปัญหาเฉพาะหน้าและสถานะปัจจุบันเท่านั้น ส่วนรัฐบุรุษมองไปอีกร้อยๆ ปี”… รู้สึกว่าจะมีใครเคยพูดทำนองนี้เหมือนกัน

    *สาหร่ายทะเล* ผุดขึ้นมา รู้สึกว่าจะมีคนบอกว่าเป็นอาหารของคนในอนาคต

    จบดีกว่า (ประเดียวอะไรผุดขึ้นมาอีก)

    เจริญพร

  • #2 monlada ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 January 2011 เวลา 22:52

    กำลังจะมาตอบเหมือนคุณBM.chaiwut ค่ะแนวโน้มอาหารในอนาคตเห็นนักวิทยาศาสตร์ว่ากันว่าจะเป็นสาหร่าย หวังว่าหนูคงไม่อยู่ถึงวันนั้นคะ ทรมานแย่

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2011 เวลา 0:07
    สาหร่ายคงเป็นคำตอบทางทฤษฎีนะครับ

    ข้อแรกในเป้าหมายการพัฒนาสหัสวรรษ (MDG) ของสหประชาชาติ บอกว่าจะขจัดความยากจนและความหิวโหยให้หมดไปภายในปี 2558 ดูอาการจากขณะนี้แล้ว คงจะเป็นเรื่องตลกตามเคย

  • #4 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2011 เวลา 1:00

    ไม่ต้องห่วงจนเครียดเกินจำเป็นหรอกครับ เดี๋ยวมันก็ถ่วงดุลกันไปเองแหละ พอไม่มีอะไรมาเลี้ยง มันก็ไม่เกิด พอมันไม่เกิดมันก็มีอะไรมาเลี้ยง

    เช่นอัดโครงการประชานิยมเลี้ยงกันเข้าไป มันก็เจริญกันใหญ่ แต่พอมันเจริญกันใหญ่ มันก็ไม่มีเงินพอที่จะอัด มันก็จะมายันกันอยู่ที่พรมแดน

    ธรรมชาติโดยดิบๆ มันมักจะเป็นเช่นนี้แล

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 January 2011 เวลา 1:10

    จำนวนประชากรโลกเป็นเรื่องใหญ่ แผนรับมือก็ยังไม่มี พลโลกเท่าที่มีอยู่นี้ก็สาหัสอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มมาอีกเป็นพันๆล้านก็คงยอบแยบไปตามๆกัน ตัวกิเลสจะเป็นปัญหาใหญ่ โลกตะวันตกหวงแหนวิชาในรูปของลิขสิทธิ์ ทำให้ทรัพยากรไปกองเป็นกระจุก ไม่สามารถเฉลี่ยอย่างทั่วถึง เดาเอาว่าถ้าแน่นมากๆมันก็คงจะแตกดังโพล๊ะ ตัวปัญหาจะสร้างวิกฤติให้มีการล้างทำลายเพื่อลดจำนวนคนอยู่ดี ก่อนคนจะอดตายมันก็จะฟาดงวงฟาดงาเองแหละ ไม่เกิดสงคราม ก็เกิดโรคระบาด เกิดภัยธรรมชาติ เกิดอะไรๆที่เราคาดไม่ถึง ถ้ามนุษยชาติบริหารกิเลศไม่ได้ ศาสนาเอาไม่อยู่ ไม่มีวินัยทางสังคม ก็ตัวใครตัวมันนะโยม อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.62235593795776 sec
Sidebar: 0.40937113761902 sec