วันศุกร์มหัศจรรย์

อ่าน: 3781

เมื่อวันพฤหัสไปวัดพระบาทห้วยต้มว่าดีแล้ว วันศุกร์เจอเรื่องไม่คาดฝันเยอะกว่า ฝนฟ้าเป็นใจ ทั้งที่มีฝนตกมาก แต่เมื่อเราจะไปยังสถานที่ต่างๆ ฝนหยุดให้ดูอย่างจุใจ

เริ่มต้นตอนเช้า ไปโรงเรียนมงคลวิทยา คุยกับครูในโรงเรียน ฟังครูบาพูดสนุกมาก ได้พบเด็กหญิงเสื้อสีส้มจากบล็อกพี่ครูอึ่ง เสื้อสีแดง เสื้อสีเขียว และที่ยังไม่ได้ระบุสีเสื้อ จากนั้นไปพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมือง เป็นที่ที่น่าไปดูมาก เป็นโรงเรียนมงคลวิทยาเก่าด้วย แล้วก็ไปวัดพระธาตุหริภุญชัย องค์พระธาตุกำลังบูรณะ จึงมีวาสนาได้ดูฉัตรทองคำซึ่งนำลงมาแสดงในวิหาร

กินข้าวกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย แล้วไปพิพิธภัณฑ์วัดต้นแก้วซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน

บ่ายไปหอศิลป อุทยานธรรมะ เป็นบ้านของพ่ออินสนธิ์ วงศ์สาม ศิลปินแห่งชาติ อยู่ดีดี พ่ออินสนธิ์ เดินมาพาทัวร์ด้วยตัวเอง ผมไม่เล่าล่ะนะครับ รออ่านจากบล็อกครูบาก็แล้วกัน

บ่ายแก่ๆ ไปกินไอติม รับพี่สร้อย (น้าอึ่งอ๊อบไปน่านแล้ว) แล้วไปวัดต้นเกว๋น ค่ำไปวัดพระธาตุดอยคำ ได้ถ่ายรูปพระธาตุองค์เบ้อเริ่มใกล้ๆ ก่อนขึ้นไป เค้ากำลังตั้งขบวนจะเดินขึ้นพระธาตุพอดี เลยรีบขึ้นไปที่วัดซึ่งอยู่บนยอดเขา ได้สรงน้ำพระธาตุ ถ่ายรูปวิวของเมืองเชียงใหม่ ขาลงมาเจอขบวนซึ่งกำลังเริ่มเดินขึ้นเขา จอดรถถ่ายรูปอีก

เย็นกินข้าวที่ร้านข้าวต้มย้ง ไปกราบครูบาเจ้าศรีวิชัยที่ห้วยแก้ว เสร็จแล้วบุกห้องอาจารย์สาว (พี่สร้อย) กินมะม่วง กินลิ้นจี่ ดื่มชา

อ่านต่อ »


วัดพระบาทห้วยต้ม

อ่าน: 3885

นัดพี่ครูอึ่ง 8 โมงเช้า ออกเดินทางไปวัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ ถึงวัด 10:45 เดินสำรวจวัดซึ่งอยู่ในระหว่างเตรียมงานใหญ่

ชาวบ้านรอบพื้นที่วัด เป็นชาวปากะยอ มีศรัทธาในพุทธศาสนาและหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา กินมังสวิรัต ไม่เลี้ยงสัตว์เพื่อการบริโภค

บ่ายสองโมงไปศูนย์โครงการหลวง ครูบาพูดกับชาวบ้าน น่าฟังมากครับ ถ้าไม่ได้ฟังก็อด เสร็จสี่โมง ตรงไปรับน้าอึ่งอ๊อบกับพีสร้อยที่เชียงใหม่ ให้พี่สร้อยเลี้ยงครับ

อ่านต่อ »


ธรรมเพื่อความผาสุก

6 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 9 May 2009 เวลา 0:03 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3306

นำมาจากผาสุวิหารสูตรในพระไตรปิฎกครับ

[๑๐๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข ๕ ประการนี้
๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปตั้งกายกรรมประกอบด้วย
เมตตา ในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ๑ เข้าไปตั้งวจีกรรมประกอบ
ด้วยเมตตา ในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ๑ เข้าไปตั้งมโนกรรม
ประกอบด้วยเมตตา ในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ๑ มีศีลอันไม่
ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหา
และทิฐิไม่เกี่ยวเกาะ เป็นไปเพื่อสมาธิ เสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้า
และลับหลัง ๑ มีทิฐิอันเป็นอริยะ เป็นเครื่องนำออก ย่อมนำออกเพื่อความสิ้นไป
แห่งทุกข์โดยชอบ แห่งผู้กระทำ เสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าและ
ลับหลัง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข ๕ ประการนี้แล ฯ

พุทธวัจนะองค์นี้ ชี้ไปสู่องค์ประกอบ 5 ประการของการอยู่ร่วมกันโดยผาสุก คือ

  1. การกระทำอันประกอบด้วยเมตตา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
  2. การพูดอันประกอบด้วยเมตตา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
  3. การคิดอันประกอบด้วยเมตตา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
  4. การไม่เบียดเบียนกัน ทั้งที่เบียดเบียนกันจริงและพยายามจะเบียดเบียน
  5. การให้ความเห็นอันผลักดันไปในทางออกที่ถูกต้อง


ไม่มีเวลา?

อ่าน: 3205

เวลาเป็นทรัพยากรอันมีค่า ที่ถูกละเลยมากที่สุด เมื่อผ่านไปแล้วก็หมดสิ้นไป เก็บสะสมไว้ไม่ได้ ถ้าจะใช้ก็ต้องใช้ในขณะปัจจุบันเท่านั้น จึงไม่มีอะไรมาทดแทนเวลาที่สูญเสียไปแล้วได้

แต่ความสะดวกในชีวิตในปัจจุบัน เต็มไปด้วยโอกาสของการขัดจังหวะ ทั้งโทรศัพท์ SMS ละครโทรทัศน์รายการโปรด อีเมล และอะไรต่อมิอะไรที่ “ขัดจังหวะ” การทำงานตามธรรมชาติ; จังหวะและความต่อเนื่องเป็นเรื่องสำคัญ การที่จะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ จะต้องใช้เวลาบ้าง มากน้อยตามทักษะที่มีอยู่

ทุกครั้งที่เกิดการขัดจังหวะ สมองจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวไปหาเรื่องใหม่ และใช้เวลาในการปรับตัวที่จะกลับมาทำเรื่องเก่าต่อ ซึ่งเวลาที่ใช้ในการปรับตัวนี้ ไม่ก่อให้เกิดงานขึ้น จึงเป็นความสูญเสียอย่างน่าเสียดาย ยิ่งมรการขัดจังหวะบ่อยขึ้น ก็จะยิ่งมีการสูญเสียมากขึ้น

เช่นเดียวกับองค์กร หากเปลี่ยนทิศทาง (หรือแม้แต่เปลี่ยนหัวหน้างาน) ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ องค์กรก็จะเสียเวลาในการปรับตัวอยู่เรื่อยไป ในการปรับตัวนี้ ไม่เกิดงานขึ้นตามศักยภาพ

ดังนั้น ก่อนกำหนดทิศทาง พิจารณาให้ดีก่อนครับ


ตาชั่งที่ไม่เที่ยงตรง

12 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 4 May 2009 เวลา 1:29 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3765

จริงหรือที่เราจำเป็นต้องสำรวจใจเราก่อน?

ผมคิดว่าจริงครับ เพราะใจเรานั่นแหละ เป็นเครื่องมือวัด เป็นตัวตัดสินสุดท้าย แถมยังเป็นสิ่งเดียวที่ “ควบคุม+ระงับ” ได้

  • ชั่งน้ำหนักด้วยตาชั่งเบี้ยว ก็ให้ผลไม่ตรง
  • ตัดสินอะไรฟังความข้างเดียว การตัดสินไม่เที่ยงธรรมเป็นการใช้อคติ
  • ดูแต่ผลไม่ดูเหตุไม่สนใจบริบท ก็เป็นเพียงนักทฤษฎีที่นึกว่ารู้แต่ไม่รู้
    1+1=2 แต่พอเห็น 2 ต้องตระหนักว่าไม่ได้มาจาก 1+1 เสมอไป

บางทีตาชั่งซึ่งผ่านการปรับแต่งตรวจสอบแล้ว ก็ยังให้ผลไม่เที่ยงตรงเลยครับ: ต่อให้วัดน้ำหนักได้ตรง แต่วางตาชั่งเฉียงๆ ก็อ่านค่าได้ไม่ตรงอยู่ดี หรือว่าตั้งตาชั่งให้ตรงหน้า แต่พาลอ่านค่าผิดด้วยความประมาทหรือจงใจอ่านเป็นอีกอย่างหนึ่ง ผลก็ไม่ตรงครับ

อนิจจาตาชั่ง…

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ
จังหวัดอุบลราชธานี

คัดลอกจาก: อุปลมณี

แก้วก่องส่องธรรมนำชน
เรืองโลก เรืองอุบล
คือ พระโพธิญาณเถร

อ่านต่อ »


หัวใจนักปราชญ์ ตีความแบบตามใจฉัน

อ่าน: 9284

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต วัดราชโอรสาราม กล่าวในหนังสือ พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด ถึงคาถาบาลีบทหนึ่งว่า สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถัง โส ปํณฑิโต ภเว แปลว่า ผู้ปราศจาก สุ จิ ปุ ลิ จะเป็นบัณฑิตได้อย่างไร คาถาบทนี้ เป็นที่ถือกันว่าเป็นหัวใจนักปราชญ์

ผมลองค้นพระไตรปิฎกดู ไม่พบทั้ง “สุ จิ ปุ ลิ” และ “หัวใจนักปราชญ์” และเมื่อพิจารณาดูว่าสมัยพุทธกาล อักษรเทวนาครี/อักษรพราหมณ์ มีไว้เพื่อจารึกพระเวทย์ และมีไว้ใช้ในวรรณะพราหมณ์และวรรณะกษัตริย์เท่านั้น ตัว ลิ (ลิขิต/เขียน) จึงไม่น่าจะเกิดจากสมัยนั้น น่าจะเป็นเกจิอาจารย์แต่งเสริมขึ้นในสมัยหลัง เลยค้นไม่พบในพระไตรปิฎก [พาหุสัจจะ ตามความหมายในพระไตรปิฎก]

แต่อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า สุ จิ ปุ ลิ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ดีมาก เพียงแต่การตีความนั้น ผมขยายออกไปอีก ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวครับ บางส่วนเล่าให้ฟังแล้วในกิจกรรมอ่างปลา

ความรู้ไม่ได้ถ่ายให้กันได้ง่ายๆ เหมือนเทน้ำจากถังหนึ่งไปยังอีกถังหนึ่ง ฝั่งผู้สอนหรือผู้ถ่ายทอดนั้น เป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ต้องใช้แสวงหาเอา แต่ปัจจัยที่เกิดขึ้นในตัวเรา (ซึ่งไม่ต้องไปโทษใคร) นั้น คือ สุ จิ ปุ ลิ ของกระบวนการเรียนรู้นั่นล่ะครับ

อ่านต่อ »


ปราชญ์ชาวบ้าน…ลึกซึ้งถึงแก่นของเศรษฐกิจพอเพียง

อ่าน: 4600

ช่วงนี้งานเข้า เขียนบันทึกเองไม่ทัน ใช้วิธี re-blog ก็แล้วกันครับ

ปราชญ์ชาวบ้าน…ลึกซึ้งถึงแก่นของเศรษฐกิจพอเพียง โดยจักรมณฑ์  ผาสุกวนิช ในช่วงที่ท่านยังเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์


สมองสร้างความรู้สึก และ “ความจริง” ต่างๆ เพื่อความอยู่รอดได้

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 30 March 2009 เวลา 0:23 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3618

ดูวิดีโอจาก TED อันหนึ่ง เป็นคลิปสั้นๆ ที่ผู้ฟังขำกลิ้ง แต่ผมคิดว่ามีเรื่องน่าคิดซ่อนอยู่หลายเรื่องครับ

อ่านต่อ »


กำลัง (พลสูตร)

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 29 March 2009 เวลา 0:04 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4311

[๑๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย

  • ทารกทั้งหลายมีการร้องไห้เป็นกำลัง ๑
  • มาตุคามทั้งหลายมีความโกรธเป็นกำลัง ๑
  • โจรทั้งหลายมีอาวุธเป็นกำลัง ๑
  • พระราชาทั้งหลายมีอิสริยยศเป็นกำลัง ๑
  • คนพาลทั้งหลายมีการเพ่งโทษผู้อื่นเป็นกำลัง ๑
  • บัณฑิตทั้งหลายมีการไม่เพ่งโทษเป็นกำลัง ๑
  • พหุสุตบุคคลทั้งหลายมีการพิจารณาเป็นกำลัง ๑
  • สมณพราหมณ์ทั้งหลายมีขันติเป็นกำลัง ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๘ ประการนี้แล

คหปติวรรคที่ ๓ อุคคสูตรที่ ๑
อังคุตตรนิกาย [๒๓/๑๑๗]
อรรถกถาปฐมพลสูตรที่ ๗

คนเราใช้เชื้อไฟต่างกัน ของใครของมัน พิจารณากันเองครับ


บทเรียนจาก Star Trek

อ่าน: 5257

Star Trek เป็นหนังชุดแบบ SciFi ในโทรทัศน์ เริ่มสร้่างในปี 1966 มีทั้งหมด 726 ตอน และมีการสร้างเป็นภาพยนตร์ต่อมาอีกสิบชุด (ชุดที่ 11 มีกำหนดฉายเดือนธันวาคม 2551) มนุษย์ชาติใน Star Trek ตามความคิดของ Gene Roddenberry ผู้สร้าง ค่อนข้างจะเป็นอุดมคติ และมีโครงสร้างทางสังคมที่แตกต่างกับสิ่งที่พบเห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองจากสังคมทุนนิยมที่เห็นต่อประโยชน์ส่วนตนก่อนสิ่ง อื่นทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้ จึงมีนักคิด นักฝัน เสรีชน ติด Star Trek ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก — อาจจะเป็นวิธีหนีไปจากโลกของความเป็นจริงที่เผชิญอยู่ — พวกนี้เรียกตัวเองว่า Trekkies

“Space, the final frontier. These are the voyages of the starship Enterprise. Its five-year mission: To explore strange new worlds. To seek out new life and new civilizations. To boldly go where no man has gone before.

เรื่องราวของ Star Trek เริ่ม หลังจากสงครามโลกครั้งที่สาม จากการที่ Zephram Cochrane ค้นพบวิธีเดินทางที่เร็วกว่าแสงในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 21; ชาว Vulcan ได้พบ warp signature (ร่องรอยของอนุภาคซึ่งใช้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์เข้าสู่ความเร็วแสง) และได้เริ่มติดต่อกับมนุษย์อย่างเปิดเผย

ต่อมาในศตวรรษที่ 22 ชาว Vulcan มนุษย์ และเผ่าพันธ์อื่น ก็ได้ร่วมกันตั้ง สหพันธ์แห่งดาวเคราะห์ the United Fedreation of Planets หรือเรียกสั้นๆ ว่า the Federation หรือ สหพันธ์ฯ ; การปฏิบัติการของตัวละครที่อยู่ในสหพันธ์ เป็นไปตาม Prime Directive ซึ่งกล่าวไว้ว่า The Prime Directive dictates that there can be no interference with the internal affairs of other civilizations. …ฟังดูเหมือนอาเซียนยังไงก็ไม่รู้!

อ่านต่อ »



Main: 0.050679922103882 sec
Sidebar: 0.14857697486877 sec