วิสัยทัศน์

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 10 April 2010 เวลา 11:52 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #
อ่าน: 2706

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เคยถามลูกน้องว่าอยากให้บริษัทเป็นอย่างไร มีคำตอบหนึ่งตอบว่าอยากให้พนักงานทุกคนมีวิสัยทัศน์ เอื๊อก! (บริษัทมีคนสองร้อยคน ถ้ามีสองร้อยวิสัยทัศน์ คงเถิดเทิงกันน่าดู (: แต่ผมเข้าใจเค้านะครับ เค้าหมายถึงอยากให้ทุกคนมองเป้าหมายร่วม และรวมพลังเดินไปในทางเดียวกัน)

เรื่องของมุมมอง บางทีก็เป็นกับดัก -> ยิ่งเก่ง บางทีกลับยิ่งห่วย

จะอ่านหนังสือ มองใกล้เกินไปกลับอ่านอะไรไม่ออก มองสิ่งที่เกิดขึ้นข้างเคียงไม่เห็น คนเก่งมักมีความมั่นใจสูง ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องของตน ก็ยิ่งไปกันใหญ่

คนที่พูดอะไรแล้วไม่มีคน”ได้ยิน” กลับชอบพูดมาก โหยหาความสำเร็จ ไม่ค่อยสนใจว่าใครจะฟังหรือไม่ แต่ว่าคนพูดไม่ค่อยฟังคนอื่นหรอก ดึงดันจะยัดเยียดความคิดตนให้คนอื่น ใช้คำว่า”ต้อง”พร่ำเพรื่อ

คนที่เคยโดนกดขี่ พอมีช่อง ก็ระเบิดออกทางช่องนั้น (คนมีปมอ่ะ)

สรุปว่า… ไม่สรุป อืม… หรือสรุปไปแล้ว?

อ่านต่อ »


พระดินเหนียวสอนอะไร

อ่าน: 3552

ไม่ได้ปั้นดินเหนียวมาสักสี่สิบปีแล้วมั๊งครับ เพราะไม่ได้ฝึกฝนจนชำนาญ พอนำมาปั้นพระเข้าก็มีปัญหา

ที่คิดว่านวดดินจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว (คนขายบอกไม่ต้องนวดเลย เค้านวดมาแล้วด้วยเครื่องจักร แต่ผมก็นวดต่อ) ยังไม่ใช่เรื่องทั้งหมด คนที่ขาดทักษะ มักมองข้ามเนื่องจากไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้จริง แต่คิดเอาเองว่าใช่

ดินเหนียวไม่ใช่ดินน้ำมัน ดินเหนียวมีการหดตัว

ผมขึ้นรูปพระโดยแบ่งดินเหนียวออกมาเป็นส่วนๆ ทำเป็นฐาน ขาขวา ขาซ้าย ลำตัว แขนขวา แขกซ้าย ลำคอ หัว แต่ละส่วนบางทีก็มีเดือยสำหรับรับแรง บางทีก็ไม่มี ใช้ดินน้ำมันพอกเอาไว้ให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน ตอนปั้นเสร็จ ดูเรียบร้อยทั้งองค์ครับ

ทีนี้ก็ทิ้งไว้ให้แห้ง ปรากฏว่าแต่ละชิ้น แห้งด้วยอัตราเร็วไม่เท่ากัน ส่วนไหนแห้งก่อน ส่วนนั้นหดตัว อย่างมือของพระ ตอนนี้ ลอยขึ้นจากตัก เพราะแขนแห้งก่อน จึงหดตัวเร็วกว่าส่วนลำตัว ทำให้มือลอยขึ้นจากตัก

คิดดูแล้ว นึกถึงกระบวนการวางแผน ซึ่งมีอยู่ 2 แนว

อ่านต่อ »


ลึกกว่าข้อความคือความคิด มีค่ากว่าความคิดคือการกระทำที่ถูกต้อง

อ่าน: 4342

ความสุข

ความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา  แต่ความปรารถนาเพียงอย่างเดียวจะไม่ทำให้สมหวังได้ หรือแม้แต่ลงมือกระทำเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความสุข แต่ถ้าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องก็พบความสุขไม่ได้เช่นกัน

ท่านชาคโร ได้เล่าประสบการณ์ขณะที่ท่านปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านอาจารย์ชา สุภัทโท ไว้ว่า

“หลวงพ่อชา เป็นตัวอย่างของผู้ที่มีความสุขมีความเบิกบานในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ หลวงพ่อไม่หวังจะได้อะไรจากคนอื่น ไม่พยายามควบคุมอะไรหรือกำหนดเงื่อนไขใดๆ อาตมาเคยคาดหวังให้หลวงพ่อควบคุมดูแลทุกอย่างเข้มงวด คอยดูแลพระเณรให้รักษาวินัย แต่หลวงพ่อไม่เคยยึดติดกับมัน แล้วไม่เคยปฏิเสธใครด้วย พระเณรไม่มาทำวัตรนั่งสมาธิตามเสียงระฆัง หลวงพ่อก็ยินดีจะทำเองรูปเดียว”

ดังนั้นการที่จะทำให้ตนเองมีความสุข สิ่งสำคัญคือ ไม่หวังอะไรจากคนอื่น และไม่พยายามควบคุมอะไรเพื่อทำให้ตนเองมีความสุข

วิถี…แห่งปัญญา นิกายเซน โดย รศ.ดร.บุญชัย จงกลนี, หน้า 91

อ่านต่อ »


“เบลมสตอร์มมิ่ง” รู้อยู่ว่าไม่ช่วยอะไร แต่ก็ทำ

อ่าน: 4270

คำว่า Blame Storming เกิดจากการเล่นคำ(เกือบ)พ้องเสียงกับ Brain Storming หรือการระดมสมอง

Urban Dictionary ให้ความหมายไว้สามอย่าง

Blamestorming (คำนาม) การประชุมอันหนึ่ง ซึ่งมีเป้าหมายจะค้นหา ว่าทำไมเป้าหมาย/เส้นตายจึงพลาดไป หรือทำไมงานจึงล้มเหลว และใครเป็นผู้รับผิดชอบ

Blamestorming (กริยา) การรวมหัวกัน หรือกระทำคนเดียว เพื่อหาว่าจะกล่าวโทษใครหรืออะไรดี สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น, ตรงข้ามกับการระดมสมองเพื่อหาทางออกให้แก่ปัญหา

Blame Storming การที่องค์กรมารวมกันเพื่อเลือกสรรข้อแก้ตัว หรือแพะรับบาป

อ่านต่อ »


ผู้นำในวิกฤติการณ์ (ถาวร)

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 15 November 2009 เวลา 20:49 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #
อ่าน: 4178

หลังจากทำหนังสือ เจ้าเป็นไผ ๑ เสร็จประมาณช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทาง Harvard Business Review ตีพิมพ์บทความเรื่อง Leadership in a (Permanent) Crisis ซึ่งวัตถุประสงค์ชี้ไปที่ประเด็นการนำองค์กรธุรกิจของสหรัฐ ออกจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจการเงินดังที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่ผมคิดว่าแง่คิดในบทความนี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ในวิกฤติการณ์แบบอื่นๆ ได้เช่นกัน

ประเด็นสำคัญคือวิกฤติการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง มีคำถามกวนใจว่า Hunk Down — or Press “Reset”

อืม… เข้าประเด็นเดิมเลยนะเนี่ย ประสบปัญหาอยู่ จะประคองสถานการณ์ไปทำไม ในเมื่อไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ถึงผ่านไปได้ สาเหตุยังอยู่เหมือนเดิม แล้วมันก็จะเกิดขึ้นอีก — คิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม ผลเหมือนเดิม

อีกอันหนึ่ง “An executive team on its own can’t find the best solution. But leadership can generate more leadership deep down in the organization.” ด้วยความเคารพต่อผู้บริหารทั้งหลาย ถ้าท่านไม่มีอะไรเลย ท่านก็ไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่หรอก แต่อันนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อท็จจริงที่ว่า ท่านเห็นภาพใหญ่แต่อยู่ไกลจากเหตุการณ์จริงเหลือเกิน ทำไมจึงสั่งการอย่างละเอียดประหนึ่งว่าตนรู้ดีที่สุด ทั้งที่ท่านใช้ข้อมูลทุติยภูมิ/ตติยภูมิเป็นส่วนใหญ่ (แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้สั่ง) จะดีกว่าหรือไม่หากท่านจะไว้ใจเพื่อนร่วมงานมากขึ้น และให้โอกาสเขาได้ตัดสินใจเอง*บ้าง*

บทความนี้ อาจหาอ่านได้ตามห้องสมุดคณะบริหารธุรกิจ หรือค้นจากเน็ตครับ


สมดุลย์อันเปราะบาง

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 22 October 2009 เวลา 3:09 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #
อ่าน: 3712

“เบื่อ…เบื่อ…เบื่อ…เบื๊อ…เบื่อ…งี่เง่าจัง…ทำไมอย่างนี้ฟะ” คงได้ยินอะไรทำนองนี้กันบ่อยๆ นะครับ เป็นคำบ่นยอดฮิตของคนทำงาน มักจะเกิดจากการที่จะต้องปฏิบัติอะไรที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง ไม่เห็นด้วย ไม่สามารถ ไม่รู้เรื่อง หรือไม่มีประโยชน์

แต่รากเง่าของ “ปัญหา” นี้ มาจากการไม่พูดกัน ทำให้ผู้ตัดสินใจออกคำสั่งที่ผู้ปฏิบัติขัดเคืองคับข้องใจ แต่เพราะผู้ปฏิบัติไม่กล้าพูด จึงหาทางระบายออกด้วยการบ่น นินทาว่าร้ายอย่างสนุกสนาน เป็นการระบายแรงกดดันในใจ ซึ่งไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย

แล้วถ้าถามว่าแรงกดดันเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็คงตอบว่าเกิดจากความคาดหวัง ไม่ตรงกับความเป็นจริง — จะให้ผู้ออกคำสั่งเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างไรในเมื่อตัวเองไม่พูด แล้วเมื่อคำสั่งงี่เง่าออกมาแล้ว จะไม่ปฏิบัติตามได้อย่างไรในเมื่อเป็นลูกน้องเขา กรรรรรรรรรมมมมม ก็ใช่ว่านายทุกคนจะฟังเป็นหรือรับความจริงได้หรอกนะ ขืนพูดไปจะเข้าตัว อันนี้เป็นกรรมสองเด้ง คือดันไปอยู่ในองค์กรที่ไม่น่าอยู่ ซึ่งอย่าไปโทษใครเลย ก็เลือกเองนี่ครับ

ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รัฐบาลก็ว่ามันดีขึ้น แต่ทำไมตัวเราไม่ดีขึ้น ไม่รู้ว่าเขาวัดว่าดีตรงไหน งานหนักขึ้นทุกที เงินเดือนก็ไม่เห็นขึ้นทันค่าครองชีพเลย สติจะแตกอยู่แล้ว — แต่คุณมีทางเลือกเสมอครับ อยู่ที่ว่าจะกล้าเลือกหรือเปล่า

ถ้ามาทำงานตรงเวลา แล้วในเวลางาน ทำเต็มที่ เลิกงานแล้วก็คือเลิกงาน ไม่ควรจะต้องอยู่ดึก (เพราะนายก็ไม่ได้อยู่ด้วย) ถึงนายจะอยู่เดินไปเดินมาให้กำลังใจ แต่จะมากะเกณฑ์ลูกน้องให้อยู่ดึกเพื่อทำงานเกินที่กฏหมายกำหนด คงไม่เป็นธรรมเหมือนกัน แค่บอกว่าจ่ายค่าล่วงเวลาแล้วจะสั่งให้ทำงานดึกนั้น ไม่พอหรอกนะครับ หัวหน้าควรจะวางแผนงานล่วงหน้า สอบถามความสมัครใจเสียก่อนว่าลูกน้องคนใดอยู่ได้หรือไม่ พนักงานทุกคนเป็นคนเหมือนกัน มีครอบครัว มีคนต้องดูแล มีข้อจำกัดไม่เหมือนกัน

ทุกๆคน ต้องชั่งน้ำหนักเอาเอง ระหว่างหน้าที่การงาน+ผลตอบแทน กับชีวิตส่วนตัว+การพักผ่อนอย่างเพียงพอ อาจมีจุดสมดุลย์ที่ดีระหว่างสี่เรื่องนี้ เพียงแต่จุดสมดุลย์นั้นคงจะไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นก็อย่าคาดหวังอะไรที่ไม่เป็นจริงเลยครับ

ถ้าตัวคุณบ้างาน ก็อย่าไปตำหนิคนที่ไม่ได้บ้าอย่างคุณ แต่จงลงโทษคนที่ไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่สมกับผลตอบแทนที่องค์กรมอบให้; หัวหน้าที่ไม่รู้จักลูกน้อง ย่อมโดนหลอกอย่างน่าสงสารครับ นั่นแหละ คนประจบสอพลอจึงได้ดี และเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น

อยากให้องค์กรเป็นอย่างไร ก็ทำให้มันเป็นอย่างนั้น แต่อย่าลืมตั้งเป้า ตั้งความหวังตามความเป็นจริงด้วยล่ะครับ

ขอให้มีความสุข สนุกสนานกับการเลือกทางเดินของตนเอง


เมื่อนายคุณอยู่บน…หอคอย

อ่าน: 4134

มีบทความอันหนึ่งบน palawat.org ซึ่งเขียนเมื่อต้นปี 2550 ผมเคย reblog ไว้นานแล้ว แต่ได้ย้อนกลับไปอ่านอีกครั้งหนึ่งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

เมื่อก่อนอ่านแล้วมีความรู้สึก “สะใจ” นำโด่งออกมาเลยครับ ขนาดที่ตอนนั้นเป็นผู้บริหารระดับสูงปรี๊ดนะเนี่ย ตอนนี้กลับรู้สึกว่า ความสะใจไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย ไม่ได้แก้ไขอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ได้ระบายความอึดอัดออกมาบ้าง แต่เหตุของความอึดอัดยังอยู่เหมือนเดิม แล้วมันก็จะเป็นอีก

บทความนี้ อ่านแล้วต้องคิดเยอะๆ ครับ แค่บอกว่า ใช่เลย…โดนจริงๆ…สุดยอด แต่ก็ยังทำเหมือนเดิม แบบนี้ได้อ่านหรือไม่ได้อ่าน ก็มีค่าเท่ากันนะครับ (reblog โดยได้รับอนุญาตจากคุณ blackcode เจ้าของบทความ ขอบคุณครับ ผมแก้ตัวสะกดไปสามแห่ง)

อ่านต่อ »


หัวหน้า

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 8 October 2009 เวลา 1:41 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 2606

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2545 ผมถามคำถามกับเพื่อนพนักงานว่า

มีคนเอาโจทย์มาถามผม เลยอยากเอามาถามต่อ

->  ->  ->  <-  ->  ->  ->
 1   2   3   4   5   6   7

1 4 กับ 7 คนไหนเป็นหัวหน้า และเพราะอะไร

สนใจจะตอบไหมครับ บอกให้ก็ได้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง เรื่องนี้มันสำคัญอยู่ที่เหตุผลต่างหาก


คนหลังบ้าน

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 26 August 2009 เวลา 0:34 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 6015

ในการที่เราสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่ทุกๆ วันนี้ มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกรวมกันว่า System administrator (SysAdmin) ผู้ดูแลระบบ คอยจัดการให้ระบบงานต่างๆ ดำเนินไปได้

งานของ SysAdmin ทั้งหลาย เป็นงานที่มีความกดดันสูง เป็นงานปิดทองหลังพระ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ก็วิ่งกันวุ่นเพื่อแก้ไข ทั้ง hardware/software failure ไวรัส สแปม ระบบงานต่างๆ วงจรอินเทอร์เน็ต — งานเหล่านี้แม้ทำได้สมบูรณ์ ก็มักถูกมองข้ามไปเสมอๆ ในขณะที่หากมีอะไรไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ก็จะโดนตำหนิ ประหนึ่งว่าเป็นความผิดร้ายแรงที่ทำให้คนทั้งองค์กร ต้องประสบปัญหาติดขัดไปหมด

ในปี ค.ศ. 2000 ได้มีกลุ่มคนระลึกได้ว่าควรแสดงความขอบคุณต่อกลุ่มงาน Sysadmin แล้วก็ได้จัดเป็น event ขึ้นมา แพร่หลายไปทั่วโลก เรียกว่างาน System Administrator Appreciation Day ซึ่งจัดในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม

ในบริษัทที่ผมเคยทำงานอยู่ จัดงานนี้มาหลายปีแล้ว แต่ได้ขยายขอบเขตออกไปโดยรวมถึงพนักงานที่ทำงานในกลุ่มที่เรียกว่า back office ซึ่งเป็นงานที่อยู่เบื้องหลังเช่นกัน — บัญชี/การเงิน จัดซื้อ ทวงหนี้ เลขา กฏหมาย บุคคล แม่บ้าน ฯลฯ

งานปิดทองหลังพระเหล่านี้ เป็นงานสำคัญแต่ถูกมองข้ามไปอยู่เรื่อยๆ เป็นงานที่ผู้คนมัก take it for granted คาดหวังว่ามันจะมีอยู่อย่างสมบูรณ์ตลอดเวลา โดยลืมไปว่าเราโชคดีแค่ไหนที่มีมันอยู่ในตอนนี้ และมีใครทำงานหนักขนาดไหนที่จะทำให้เราทำงานของเราได้สะดวกสบายอยู่ในวันนี้

งานนี้เป็นงานง่ายๆ ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมาก มีกินอาหารว่างกันนิดหน่อย มีการกล่าวแสดงความขอบคุณจากฝ่ายต่างๆ

อยากเชิญชวนให้ลองคิดดู ว่าเป็นเรื่องสมควรหรือไม่ ที่จะแสดงน้ำใจและความขอบคุณชื่นชมต่อบุคคลเหล่านี้ในองค์กรของท่าน หากจะทำ จะทำอย่างไร 

สังคมไทยมีคนหลังบ้าน อยู่มากมาย เวลาท่านจะกินข้าวสักจาน รู้ไหมครับว่ากว่าจะเป็นข้าวและกับแต่ละคำ มีใครต้องทำอะไรมาบ้างเพื่อให้ท่านกินข้าวได้; คนเหล่านี้ มักทำงานบริการและไม่ค่อยมีปัญหากับใคร แต่คนอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่คิดว่าตัวสำคัญ กลับทำให้คนเหล่านี้เดือดเนื้อร้อนใจอยู่เนืองๆ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นครับ?

สำหรับท่านผู้บริหาร ฝากคำถามอีกอันหนึ่ง คือการที่ท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งบริหารได้นั้น ท่านตระหนักหรือไม่ว่ามีคนเป็นจำนวนมากที่อยู่ใต้ท่าน ประคับประคองให้ท่านอยู่ในตำแหน่งนั้น ท่านปฏิบัติต่อเขาเหล่านั้นดีพอหรือไม่/อย่างไรนะครับ


กับเฮฮาศาสตร์

อ่าน: 2828

เมื่อวานออกเดินทางมาสวนป่าอีกวาระหนึ่ง คราวนี้มาช่วยครูปูพูดคุยกับนักศึกษาและอาจารย์จาก VBAC คิดว่าเด็กกลุ่มนี้โชคดีครับ

ครูมิมเดินทางมาจากพิษณุโลก มาถึงบ้านป้าจุ๋มตั้งแต่เช้า แต่ผมไปรับสายเอง กว่าจะมาทันกลุ่มของครูปูแถวเขาใหญ่ ก็ช้าไปเกือบชั่วโมง เมื่อกินข้าวกลางวันเสร็จ ก็นัดพบกันอีกครั้งที่ตลาดสตึกเพื่อเข้าไปสวนป่าด้วยกัน ผมแยกไปบ้าน อ.แพนด้า+อ.หลินฮุ่ย

พอเย็น ออกจากสวนป่าอีกครั้งมารับป้าหวานซึ่งเป็นแขกพิเศษ กินข้าวเย็น แล้วตั้งวง dialogue (แบบแปลกๆ) แต่ผมก็ดีใจกับเด็กชุดนี้ที่ได้มีประสบการณ์ที่หาได้ยาก

ช่วงดึกหลังจากเลิกวง dialogue ครูน้อยชวนคุยเรื่องกระบวนการเรียนรู้ของครูบา ตรงนี้ผมกลับคิดว่าผมโชคดี ที่ได้มีโอกาสคิดใคร่ครวญกับคำถามของครูน้อย ทำให้ชัดเจนกับกระบวนการเรียนรู้แบบเฮฮาศาสตร์มากขึ้น จำไม่ได้หรอกครับว่าตอบอะไรไป แต่ตอบต่อหน้าหลายคน ตอบไปอย่างที่คิด และรู้สึกดีที่ได้ตอบไป รายละเอียดรอไปอ่านใน dissertation ของครูน้อยก็แล้วกัน



Main: 0.074873924255371 sec
Sidebar: 0.19178605079651 sec