พระอรหันต์องค์ที่ ๗
อ่าน: 4551เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ละอาสวะ บรรลุอรหัตผลได้ นับเป็นพระอรหันต์องค์แรก ต่อมาเมื่อพระองค์แสดงปฐมเทศนาด้วยธรรมจักกัปปวัตนสูตร ท่านโกณฑัญญะ บรรลุอรหัตผล และขอบรรพชาเป็นพระภิกษุรูปแรก (ไม่ใช่อุปสมบท!) พระพุทธเจ้าแสดงธรรมต่อไป พระวัปปะและพระภัทธิยะ ละอาสวะได้จึงขอบรรพชา วันต่อมาทรงแสดงธรรมอีกจน พระมหานามะและพระอัสสชิ ละอาสวะได้และขอบรรพชา ในเวลานั้นจึงมีพระอรหันต์ 6 องค์คือพระพุทธเจ้า และปัญจวัคคีย์ แต่ยังทรงแสดงอนันตลักขณสูตรสอบทานความเห็นอีก
ในนครพาราณสี ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน มีเศรษฐีอยู่ท่านหนึ่ง เลี้ยงดูลูกชายแบบปรนเปรอบำเรอสุข ผู้บุตรนั้นชื่อยส เรียกว่ายสกุลบุตร เศรษฐีสร้างปราสาทให้ลูกชายสามหลังสำหรับฤดูร้อน ฝน หนาว อยู่แต่ในปราสาทได้ตลอดสี่เดือนโดยไม่ต้องย่างกรายออกมาเลย เรียกว่าอยู่อย่างบรมสุขมีรูมเซอร์วิสตลอดเลยก็ว่าได้ (ตามพระไตรปิฎก)
วันหนึ่งก็เกิดเรื่อง ยสกุลบุตรฟังการขับกล่อมจนหลับไป บรรดานางทาสีนอนทีหลัง กลิ้งเกลือกอะโกโก้ซกมกโดยไม่ดับไฟ ยสกุลบุตรตื่นขึ้นมา เจอภาพอล่างฉ่าง เป็นภาพที่ไม่น่าดูเลยตามสายตาของยสกุลบุตร จนกล่าวคำอุทานออกมาแปลเป็นไทยว่า ท่านผู้เจริญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ ว่าแล้วก็เดินออกนอกปราสาท ออกนอกเมืองไปทางป่าอิสิปตนมฤคทายวันที่พระพุทธเจ้าและปัญจวัคคีย์พำนักอยู่
พอเดินเข้าไปใกล้พระพุทธเจ้า ยสกุลบุตรเปล่งอุทานออกมาอีกว่า ท่านผู้เจริญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสตอบว่า ดูกรยส ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง มาเถิดยส นั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่เธอ ยสกุลบุตรพอได้ยินว่า ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง ก็รีบถอดรองเท้าทองเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
พระพุทธเจ้าตรัสแสดงอนุปุพพิกถาเป็นครั้งแรก คาถานี้เป็นธรรมะสำคัญ ประกอบไปด้วยคาถาห้าส่วนคือ ทานกถา (ทาน) สีลกถา (ศีล) สัคคกถา (สวรรค์/ความสุขล้นพ้นตัว) กามาทีนวกถา (กามไม่จีรัง เป็นสุขเทียม เป็นความเศร้าหมอง) และ เนกขัมมานิสังสกถา (อานิสงส์ของการพาตัวให้อยู่เหนือกามคุณ) ธรรมะห้าคาถาเป็นการเตรียมจิตใจของผู้ไม่เคยฟังธรรม มีเนื้อหาไล่เรียงจากง่ายไปหายาก เมื่อสภาวะจิตพร้อมแล้ว จึงแสดงอริยสัจ ๔
ฝ่ายมารดาบิดาของยสกุลบุตร ตื่นเช้าไม่เห็นลูกชาย จึงแยกย้ายกันออกตามหา ฝ่ายเศรษฐีผู้บิดาตามมาทางป่าอิสิปตนมฤคทัยวัน จึงได้พบกับพระพุทธองค์ ทรงแสดงอนุปุพพิกกถาอีกครั้งหนึ่งให้เศรษฐีฟัง เศรษฐีบรรลุธรรมขั้นหนึ่ง และได้ปวารณาตัวเป็นอุบาสกคนแรก “ข้าพระพุทธเจ้านี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระพุทธเจ้าว่า เป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะจำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ฝ่ายยสกุลบุตรซึ่งได้บรรลุภูมิธรรมชั้นหนึ่งก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อได้พิจารณาตามที่พระพุทธเจ้าเทศนาบิดาอีกครั้งหนึ่ง ก็สามารถละอาสวะได้ บรรลุอรหันต์เป็นองค์ที่ 7 และหลังจากได้ปรึกษากับบิดาแล้ว จึงขอบรรพชา…
บันทึกนี้เป็นเรื่องราวที่เกินจากหลักสูตรที่สอนกัน ถ้าสนใจใฝ่รู้ ต้องไปค้นเอาเอง อย่ารีบสรุปเลยครับว่าเขียนเรื่องธรรมะแล้วจะต้องหลุดพ้น เพราะผมยังไม่หลุดพ้น จึงศึกษาและบันทึกไว้ให้ผู้สนใจไปค้นต่อเอาเอง ด้วยตระหนักว่าด้อยปัญญา จึงขวนขวายศึกษาว่าพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไรและอย่างไร จะนำไปใช้อย่างไร
หลวงพี่ติ๊ก (พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ป.ธ.๙ วัดสระเกศ) เคยให้แง่คิดไว้ว่า รู้ ก. สอน ก. รู้ ข. สอน ข. รู้ ค. ก็สอน ค. ไม่ต้องรอจนรู้ ฮ. จึงเริ่มสอนก็ได้
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ถ้าปฏิบัติไปไม่ถึงไหน ก็ยังติดแหงกอยู่แค่นี้แหละ ระหว่างนี้ก็ทำเรื่องน้ำท่วมต่อไป ยังมีงานบรรเทาทุกข์อีกมากมายที่ต้องทำครับ…
สวากขาโต ภควตาธัมโม ธรรมะอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว สันทิฏฐิโก อันผู้ปฏิบัติผู้ได้บรรลุพึงเห็นเอง อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาลเวลา เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้มาดู โอปนยิโก ควรน้อมเข้ามา และ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ อันวิญญูคือผู้รู้พึงรู้เฉพาะตน ดั่งนี้
Next : หลุมหลบภัยนิวเคลียร์ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "พระอรหันต์องค์ที่ ๗"