หนังสือ “เจ้าเป็นไผ ๑”

โดย Logos เมื่อ 28 พฤษภาคม 2009 เวลา 2:22 (เย็น) ในหมวดหมู่ หนังสือ #
อ่าน: 3675

เพื่อประโยชน์แก่นักเขียนหนังสือ “เจ้าเป็นไผ ๑” และคณะบรรณาธิการ จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นจากท่านผู้ที่ได้อ่านหนังสือแล้ว

คณะผู้จัดทำน้อมรับคำวิจารณ์ ทั้งเนื้อเรื่อง รูปประกอบ รูปเล่ม หรืออะไรก็ตามอันจะช่วยให้การทำหนังสือเล่มต่อไป ทำได้ดีขึ้น

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า

Next : หนังสือ “เจ้าเป็นไผ ๒” » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

45 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2009 เวลา 6:40 (เย็น)
    • ผมเชื่อว่าแต่ละท่านมีอะไรที่อยากจะเขียนมากมาย แต่สงวนเอาไว้ไม่บันทึกไว้ในนี้
    • ท่านที่เขียนสั้นจุ๊ดจู๋ ก็ไม่ใช่ว่าชีวิตท่านจะไม่มีอะไร แต่สงวนไว้
    • บางท่านอย่างผมเองเปิดเผย บอกโม๊ด…(แต่ไม่หมด) จำนวนหน้าจึงยาวมาก
    • เล่มสองนั้นผมเสนอว่าน่าจะให้มีการขยาย ตัดต่อเอาเพียงจำนวนหนึ่ง เช่น ไม่เกิน 6 แผ่น (12 หน้า)เป็นต้น
    • แล้วเอารูปมาใส่มากขึ้น รูปส่วนตัว รูปกิจกรรม รูป เฮฮา ตั้งแต่มีการบันทึกภาพสวยๆเอาไว้ เช่น ครั้งที่ 3 เป็นต้นมา เพราะรูปกิจกรรม เฮฮาศาสตร์ เรามีมาก
    • การแนะนำท่านนั้นท่านนี้ ควรไม่เกิน 1 แผ่น 2 หน้า(มากที่สุดแล้ว)
    • แต่จำนวนหน้าทั้งหมดนั้นก็ขึ้นว่าจะให้แต่ละเล่มหนาแค่ไหน จำนวนคนกี่คน
    • ส่วนตัวไม่สนใจเท่าไหร่ว่าหน้าตาจะเป็นเช่นไร ขอให้เนื้อหาดี เป็นโอเค  แต่ก็ทำไปพร้อมๆกันได้ สาระได้ รูปเล่มสวย ก็ยิ่งดีครับ
  • #2 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2009 เวลา 9:16 (เย็น)

    ขอบอกแบบเหนียมๆ ว่า ยังไม่รู้ว่าจะไปอ่านตรงไหน เลยไม่ได้เม้นท์อะไรเลย..

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2009 เวลา 9:26 (เย็น)

    ตอนนี้ ส่งให้นักเขียนได้ดูเท่านันครับพี่ แต่ผมส่ง URL ทาง SMS ไปขอความเห็นคนทำหนังสือได้ครับ กำลังตรวจแก้กันอยู่

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2009 เวลา 6:42 (เย็น)

    ผมทั้งเห็นเหมือนและแตกต่างจากพี่บางทรายครับ

    การเขียนบันทึกสำหรับบล็อก ต่างกับการเขียนบทความสำหรับหนังสือ ในบล็อกเป็นพื้นที่อิสระ แต่หนังสือมีข้อจำกัดเยอะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยาวของบรรทัด ซึ่งเมื่อแทรกรูป แทรก quote ลงมา ทำให้จัดยากมาก แล้วก็ไม่มีใครเลยสักคน (ยกเว้นน้าแป๊ด) ที่เข้าใจกระบวนการทำหนังสือตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อมารับหน้าที่จำเป็นเพื่อให้หนังสือออกมาให้ได้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ดีหรือไม่ดีอย่างไร คงต้องรอดูนะครับ

    ในส่วนของเรื่อง มีประโยคที่เรียกว่า run-on หลายแห่ง ประโยคแบบนี้ควรแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆ ทำให้ทุกประโยคจบในตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องขยาย..เชื่อม..ขยาย..เชื่อม.. เพราะประโยคไม่ใช่ย่อหน้านะครับ ประโยคหนึ่งๆ นำความคิดมาไม่เกินหนึ่งอย่างเท่านั้น

    เมื่อจะเล่าเรื่อง คงไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหตุผลอธิบายทุกอย่างแบบที่อยากจะให้เข้าใจ เพราะมันเป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ผู้อ่านเข้าใจได้เองครับ

    เรื่องความยาว ผมคิดว่ายาวก็ไม่แปลกหรอกครับ สำคัญที่เนื้อหา+แง่คิดมากกว่า และนั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนให้กับผู้อ่าน

    รูปประกอบที่สองน้าเคยขอความร่วมมือ จำเป็นต้องได้รูปที่ยังไม่ย่อครับ การพิมพ์ละเอียดกว่าที่เห็นบนจอภาพอย่างน้อยสี่เท่า รูปที่ดูดี/ขนาดพอดีบนจอ เวลาจะเอาไปพิมพ์ จะต้องละเอียด/ใหญ่บึ้มเพื่อความคมชัด จะกี่พัน pixels ก็รับได้ครับ แต่ถ้าส่งรูปที่ใช้บนบล็อกมา มักจะใช้ไม่ได้ ต่อให้เอาไปขยาย ก็มักจะไม่ละเอียดพอ (รูปแตก)

    ผมอ่านหนังสือเล่มนี้หลายรอบ ก็ยังชอบอยู่ ตั้งแต่ต้นจนจบครับ

  • #5 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2009 เวลา 2:14 (เย็น)

    เขียนๆไปเถอะครับ  อีกไม่กี่สิบปีก็เขียนเก่งเองแหละครับ  อิอิ

    เขียนไอ้ที่อยากเขียนนั่นแหละครับ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

    ขอชมว่าเขียนดีทุกคน  ทีมทำงานก็เจ๋งๆทุกๆคน  โดยเฉพาะบทความของคนสุดท้ายนี่เจ๋งจริงๆ  ขอบอก  อิอิ

  • #6 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2009 เวลา 2:21 (เย็น)

    บทความของคนสุดท้าย เป็นองค์บากตอนบู้ล้างผลาญ ต้องอ่านให้ได้นะครับ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่

  • #7 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2009 เวลา 1:55 (เย็น)

    แม่บอกว่า
    1. ตัวหนังสือใหญ่ดี ช่องไฟห่างทำให้อ่านง่าย
    2. ขนาดหนังสือกำลังพอดี นอนถืออ่านได้ไม่เมื่อย
    3. กระดาษสีนี้ทำให้สายตาไม่ล้า
    4. คำผิดมีบ้างแต่ไม่มาก ในฐานะมือใหม่หัดทำถือว่าใช้ได้แล้ว ก๊ากๆๆๆๆ

  • #8 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กรกฏาคม 2009 เวลา 5:42 (เย็น)

    วันนี้จปผ.1 กลายเป็นประเด็นฮอตในการทำ BAR ก่อนทำ KM ยาเสพติดวันที่ 6-7 สค.นี้ค่ะ

    ทุกคนสนใจว่ารวมกันได้ยังไง เป็นการทำ KM แบบไหน..และถูกใจคำถาม”เจ้าเป็นไผ” เพราะเห็นว่าเป็นคำถามสำคัญที่ควรถามตัวเองเพื่อรู้จุดยืน

  • #9 magicy ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:10 (เย็น)

    ทุกท่านใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ถึงแม้จะไม่เคยสัมผัสผู้เขียนโดยตรง แต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้แนวคิดดีๆ อ่านไปแล้วก็ย้อนมองดูตัวเอง ทำให้เราใช้ชีวิตที่สมดุลมากขึ้น ..

  • #10 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กรกฏาคม 2009 เวลา 8:42 (เย็น)

    “เจ้าเป็นไผ เล่ม ๑” ให้พระใหม่ไปอ่าน เพิ่งเอามาคืน บอกว่า ครูปู เขียนน่าอ่านที่สุด…

    หลวงพี่ชัยวุธ

  • #11 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กรกฏาคม 2009 เวลา 5:46 (เช้า)

    วันนี้ได้ feedback มาเป็นอันที่สองว่าอ่านเรื่องของครูมิมแล้ว มีกำลังใจขึ้นมากเลย เพราะว่าเรื่องที่เขาคิดว่าหนักแล้วนั้น เทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่ครูมิมเล่าให้ฟัง; ส่วน feedback แรก ผมเล่าให้ครูมิมฟังแล้วที่กำแพงเพชร ขาขึ้นไปปลูกต้นไม้ที่ลำพูนครับ ว่าเรื่องเล่าที่ให้สติ คงจัดเป็นธรรมทาน

    พี่รุมกอด

  • #12 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กรกฏาคม 2009 เวลา 5:15 (เย็น)

    ขอเสนอแนะให้ผู้เขียนเจ้าเป็นไผ ๑ แต่ละท่านแนะนำผู้เขียนเจ้าเป็นไผ ๒ จะดีไหม พ่อครูเป็นผู้เขียนโดยสรุปถึงแต่ละคนในเจ้าเป็นไผ ๒ สั้นๆว่าดึงอย่างไรลากอย่างไรผลักอย่างไรจึงชักนำเจ้าเป็นไผ ๒ เข้าสู่วงการ อิอิ

  • #13 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กรกฏาคม 2009 เวลา 7:10 (เย็น)

    ขออนุญาตแสดงความเห็นจากอีกมุมหนึ่งครับ

    การเขียนสำหรับหนังสือเจ้าเป็นไผ ควรมองที่คุณค่าที่ผู้เขียนให้กับผู้อ่าน เพราะว่าหนังสือนี้ขาย ไม่ได้ไล่แจก ดังนั้นแม้จะใช้ชื่อเจ้าเป็นไผ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแบบคุณเป็นใคร

    แต่ละเรื่องให้อะไรกับผู้อ่าน — ตรงนั้นต่างหากครับที่ยาก โดยเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของผู้เขียน และคณะบรรณาธิการ ซึ่งทำงานนี้เพื่อให้ ไม่ใช่เพื่อด้มา

    ส่วนวิธีการที่จะให้ได้มาซึ่งบทความนั้น ผมไม่มีความเห็นครับ แต่เมื่อได้บทความมาแล้ว จะตีพิมพ์หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่ดี ไม่พร้อม คิดว่าไม่ควรพิมพ์เล่มสองครับ

  • #14 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กรกฏาคม 2009 เวลา 8:53 (เย็น)

    วันนี้นั่งคุยกับแม่ถึงเนื้อหาและสิ่งที่ได้รับจากไผ 1 รวมทั้งประเด็นไผ 2 แม่บอกว่า…

    1. ไผ 1 เปรียบได้กับเรื่อง “หลายชีวิต” ที่อ.คึกฤทธิ์ ปราโมชเขียน คือเป็นเรื่องจริงที่เกิดจากชีวิตของแต่ละคน เป็นการให้้สติกับคนอ่าน ได้ย้อนดูตัว ได้เข้าใจชีวิตและเห็นว่ามุมที่เรามองเห็นนั้นไม่ใช่ทั้งหมดของคนๆหนึ่ง
    2. เล่ม 2 แม่เสนอว่าเขียนประเด็นที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของตัวเอง เพราะชีวิตแต่ละคนมีจุดหักเหทั้งนั้น เสนอประสบการณ์ที่เป็น”จุดเปลี่ยน” ของตัวเอง เมื่อเจอปัญหา เจอเรื่องใหญ่แล้วเผชิญกับมันอย่างไร ผ่านปัญหานั้นมาด้วยวิธีไหน เพื่อเป็นวิทยาทาน
    3. เสนอมุมมองเกี่ยวกับเรื่องราวในสังคมที่เห็นจากมุมของตัวเอง เช่นเบิร์ดในฐานะที่ยืนอยู่ปัจจุบัน ในหน้าที่ปัจจุบันจะมีมุมมองเสนอสังคมเรื่องการสร้างคน สร้างตน สร้างงานอย่างไรแบบเฮฮาศาสตร์

    จบข่าวค่ะ

  • #15 dodo ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:18 (เย็น)

    อาจจะมาแสดงความคิดเห็นช้าไปสักนิด  แต่ก็เชื่อว่าไม่สายเกินไป  ไม่ให้เสียเวลา ขอชื่นชมคุณมิมที่มีวิธีการนำเสนอและแง่คิดดีมากๆ อ่านแล้้วสะเทือนใจจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ดีว่าคุณมิมหักมุมได้อย่างสวยงาม และท่านต่อไปที่ปลื้มมากบรรยายจนเห็นภาพ จนอยากไปเป็นนักเรียนของครูปู ครูผู้ภายนอกแข็งแกร่ง เก่งกาจ แต่ใครจะรู้ว่าภายในอ่อนโยนจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครสักคนจะทุ่มเทกำลังกายกำลังใจให้กับคนอื่นๆ ได้อย่างที่ครูปูเป็น ถ้าคนๆนั้นไม่มีจิตวิญญาณของผู้เสียสละอย่างแท้จริง ใครไม่เห็น แต่เชื่อว่าสวรรค์คงมีตาบรรดาลให้ความสุขสู่ครูปู …  สำหรับท่านอื่นก็ให้ข้อคิดที่ดีจนอดไม่ได้ที่จะนั่งพิมพ์แล้ว ส่งต่อให้เพื่อนทางเมล์ได้อ่านกัน 
     และหลังจากแจกจ่ายหุนังสือให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รักได้อ่านกัน ได้รับความเห็นตอบกลับมาว่า อ่านแล้วได้กำลังใจดี ที่จะฟันผ่าอุปสรรคต่อไป ท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ และอยากอ่าน จปผ 2 เร็วๆ จะรออ่านอย่างใจจดใจจ่อ :)

  • #16 chakritt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 กรกฏาคม 2009 เวลา 3:38 (เย็น)

    สมาชิกหน้าใหม่ครับ
    ครูจอมป่วนให้”เจ้าเป็นไผ”มาอ่านเมื่อ 13 ก.ค. อ่านจบเล่มในเวลาอันรวดเร็ว (7 วัน..แฮ่..ปกติอ่านหนังสือไม่ค่อยจบเล่มครับ) อ่านแล้วชอบทุกเรื่อง อยากซื้อไปแจกให้คนอื่นได้อ่านอีก แต่ไม่รู้ว่าซื้อที่ไหน จ่ายเงินอย่างไร  อยากได้สัก  6 เล่มครับ เลยขอข้อมูลตรงนี้เลยครับ

  • #17 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กันยายน 2009 เวลา 5:38 (เย็น)

    หนังสือเจ้าเป็นไผ ๑ หมดแล้ว ขอปิดการสั่งซื้อครับ

  • #18 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ตุลาคม 2009 เวลา 6:59 (เย็น)

    เจ้าเป็นไผ๑ จากใจวัยโจ๋ — ความเห็นจากนักศึกษาระดับ ปวส.ปีที่ 1 หลายคน

  • #19 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:42 (เย็น)

    หลังจากอ่าน หนังสือเจ้าเป็นไผ1 จบ รู้สึกว่าตัวหนูนี่เกิดมาสบายจริงๆ อยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว อยากได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้ อยากเรียนอะไรท่านก็สนับสนุน  แต่อีกมุมหนึ่งของโลกใบเดียวกัน  ยังมีอีกหลายคนที่เลือกเกิดไม่ได้  อยากได้อะไร   ก็ต้องพยายามให้ได้มา อ่านแล้วเข้าใจชีวิตอย่างบอกไม่ถูก

  • #20 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:43 (เย็น)

    หนังสือเรื่องเจ้าเป็นไผให้อะไรกับเราบ้าง ?…………………..

    ให้แง่ คิดหลายเรื่องเลยหล่ะครับ ทั้งการดำรงชีวิตและความเพียรพยายาม ทำให้เรารู้ว่าควรจะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร เรื่องที่ผมชอบก็คือเรื่องของ อ.ปู อ่ะครับ…..ในความเห็นของผม อาจารย์เป็นผู้หญิงที่เก่ง มีน้ำใจและกล้าแสดงออก ….” ผมคิดว่าที่อาจารย์ปูมาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะความพยายามทั้งนั้นเลย”
    ……………………………….อ.ปู เป็นอาจารย์ ที่เก่งมากจริง ๆ  [นี่ผมไม่ได้แกล้งชมอาจารย์นะ]  มันคือความคิดผม !! >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

    ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยทำอะไรไม่ดี..ทำให้รู้จักคำว่าการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช่อะไรก็เอาแต่ใจตัวเองไปซะทุกเรื่อง ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เราเกิดมาโชคดีที่มีพ่อแม่คอยเป็นกำลังส่งให้เราเรียนไม่ต้องไปลำบากอะไร เราก็ควรจะตั้งใจเรียน ในเมื่อเราได้โอกาสมาแล้ว เราก็ควรจะทำให้มันเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะบางคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะเรียนหนังสือ แต่เค้ายังไขว่่คว้าหาโอกาสนั้น ถ้าเค้ายังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ “เราก็คนเขาก็คน”

    ….นี่เป็นแง่คิดจากการวิเคราะห์ของผมครับ !!!

    ชอบตอนของอาจารย์อ่ะคับ อาจารย์เคยลำบากมาเท่าไหร่ กว่าจะได้มายืนจุดนี้ได้ ขนาดถึงกับถือวิทยุไปอัดเสียงฝรั่ง ผมนับถือเลย !! อาจารย์มีความตั้งใจมาก ถึงแม้ทางบ้านจะไม่พร้อมก็ตาม แต่อาจารย์ก็ผ่านจุดนั้นมาได้ อาจารย์จึงประสบความสำเร็จ

    …ผมคิดว่า คุนค่าของคน ก็คือความตั้งใจนี่หล่ะครับ ^^

    ณัตพล  เอี่ยมวิไล  ปวส.1/4

  • #21 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:43 (เย็น)

    อาจารย์ปูคะ …ชอบมากค่ะหนังสือเล่ม นี้  แต่หนูยังอ่านไม่จบเลยค่ะ  แต่ที่อ่านมาบ้างแล้ว ชอบแทบทุกคนเพราะทุกคนมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน

    ทั้ง 7 คนที่อ่านมามีแนวทางการแก้ปัญหา สู้กับปัญหา ค้นหาตัวเองอย่างแท้จริง แต่ที่ชอบพิเศษของคุณตฤณ ตัณฑเศรษฐี เพราะเป็นคนเก่ง เป็นผู้ริเริ่มอะไรใหม่ ๆ เยอะมากและเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แก้ปัญหาด้วยตัวเอง  เจ๋งจริง ๆ เลยค่ะ
    ส่วนอีกคน ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ  ถึงชีวิตเขาจะเจอปัญหา แต่ก็มีเรื่อง ฟลุค ๆ บุญหล่นทับหลายครั้ง มีโอกาสในชีวิตเยอะเลยค่ะและที่ขาดไม่ได้..หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่า อ.ปู จะมีชีวิตที่ผ่านอุปสรรคมากมายจริง ๆ ฝ่าฟัันทุกอย่างมาด้วยตัวเอง

    ได้แนวทางการ แก้ปัญหา…สอนให้เรามี สติในการใช้ชีวิตและมีจุดหมายในชีวิต ได้เรียนรู้ว่าการจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกคนสามารถสร้างชีวิตของตัวเองได้ ตอนนี้เหมือนกับหนูมีแรงฮึกเหิมที่จะทำให้ชีวิตหนูประสบความสำเร็จบ้าง เพราะทุกท่านที่อ่านมาสอนให้รู้ว่าทุกปัญหามีทางแก้ไข แก้ด้วยมือของเราและค้นหาตัวตนที่แท้จริงว่าเราเป็นอย่างไร ชอบอะไร และจะทำอะไรต่อไป…และหนูจะนำความรู้ที่อาจารย์ปูมอบนี้กลับไปใช้ให้ สำเร็จให้ได้ค่ะ

    หนูชอบตอนของอาจารย์ปูค่ะ เพราะเป็นต้นแบบที่เห็นได้จริงและรู้สึกได้จริง

    เพราะไม่น่า เชื่อว่าอาจารย์มี ชีวิตที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย สู้กับทุกอย่างจนประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะตอนแรกที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ หนูคิดว่าอาจารย์ปูต้องมีครอบครัวที่มีฐานะและเพียบพร้อมทุกด้านเพราะ อาจารย์ปูดูสง่างามซะทุกด้าน แต่พอได้อ่าน ทำให้หนูทึ่งในตัวอาจารย์มาก ๆ เป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่มีแรงและกำลังในการต่อสู้มหาศาลจริง ๆ และที่สำคัญทำให้หนูเลิกกลัวอาจารย์ปูแต่กลับกล้าที่จะเข้าใกล้และรู้สึกว่า รักอาจารย์คนนี้จัง อาจารย์มอบของขวัญในวันครูที่มีค่ามากมายเหลือเกิน

    น.ส.ปอแก้ว โพธิ์มณี ปวส.1/1

  • #22 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:44 (เย็น)

    สวัสดีค่ะอาจารย์ปู หนูชื่อนางสาวรุ่งรัชนี ธนเมธางกูร ปวส.1/5 สาขาการตลาด

    หนูได้อ่านหนังสือแล้ว  หนูรู้สึกว่าอาจารย์ปูเป็นคนที่เก่งมากมากเลย หนูอ่านแล้วมีบางตอนก็หัวเราะ เป็นตอนที่อาจารย์จะไปโรงเรียนแต่คุณแม่ของอาจารย์ลืมปักชื่อที่นอนแล้ว อาจารย์ก็ร้องไห้จนสลบไป หนูฮามากเลย จนคุณแม่อาจารย์ปักเสร็จ แล้วก็เรียกอาจารย์อ่ะค่ะ ฮามากมากเลย ทำ้หนูเศร้า้ตอนที่อาจารย์ไปอยู่กับอาแล้วไปนอนในห้องเก็บของที่มีแต่ฝุ่น   มีช่วงหนึ่งที่อาจารย์คิดถึงแม่ของอาจารย์แล้วโทรศัพท์ไปหาท่าน ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ไม่เคยพูดหวานหวานหรือแสดงความรักกับท่านเลยแล้วอาจารย์ก็ไปบอก ท่านว่า..หนูคิดถึงแม่…ทำเอาหนูซึ้งเลยค่ะ  เพราะหนูก็ไม่เคยแสดงความรักกับพ่อแม่หนูเหมือนกัน หนูไม่เคยพูดหรือคุยแบบหวานหวานเลย และตอนที่อาจารย์ไปเรียนแล้วก็มีเรื่องกับเด็กผู้ชาย  โห…อาจารย์เก่งมากเลยสู้ได้ไง แรงผู้ชายนะคะกัดเขาจนเนื้อเกือบขาดสุดยอดเลยอาจารย์

  • #23 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:44 (เย็น)

    เวลาผมทะเลาะกับแม่แล้วผมพูดคำแรง ๆ ออกไปพอกลับมานึก ผมก็เสียใจทุกครั้ง
    ผมจึงคิดว่า ถ้าผมพูดอะไรออกไปผมจะคิดก่อนที่จะพูดหรือฟังใครก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจว่าดีหรือไม่ดี

    นายอดิศร ดีคุ้ม ปวส.1/5

  • #24 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:45 (เย็น)

    ข้อคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ

    โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือแบบมีสาระอยู่แล้วใช้ชีวิตไร้สาระไปวัน ๆ

    ถ้าหนังสือที่ชอบอ่านบ่อยที่สุดก็จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับดาราหรือคนในวงการบันเทิง

    ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแต่พออาจารย์ สั่งให้อ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ

    เชื่อรึเปล่าคะว่าหนูใช้เวลาอ่านอยู่ 3 วัน กว่าจะจบ  พออ่านจบแล้ว ก็ได้ข้อคิดว่า

    ไม่ว่าคนเราจะเกิดมาจนหรือว่ารวย แต่เราก็ยังคงความเป็นคนเหมือนกัน

    มีชีวิต  มีความรู้สึก และรู้ผิดชอบชั่วดี และหนังสือเล่มนี้ได้ให้ข้อคิดหลายอย่างมาก

    ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตการต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ   เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว

    คิดว่าโชคดีมากที่เกิดมามีทั้งพ่อและแม่ที่คอยให้ความรักและการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี

    และหนังสือเล่มนี้ทำให้คิดถึงอนาคตขึ้นมาว่าถ้ามัวแต่ทำตัวอย่างนี้

    อนาคตข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร คิดว่าหนทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง

    และเราพร้อมที่จะรับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่  เราเข้มแข็งพอรึยัง

    เพราะการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องอาศัยความขยันความตั้งใจ

    ความอดทนอดกลั้น และการเอาชนะต่อความรู้สึกของตัวเอง

    คนเราต้องมีจุดมุ่งหมาย ความฝัน และต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเรา

    อีกทั้งความกตัญญูก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลา

     

     

    ถ้าถามว่าได้อะไรจากการอ่านและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

    ทำให้มองโลกกว้างขึ้น มองเห็นความลำบากของผู้อื่น และคิดว่าการที่เราจะมีจุดยืนเป็นของตัวเองได้นั้น  เราต้องยืนหยัดอยู่ในสังคมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้ได้  รู้จักช่วยตัวเองก่อนที่จะหวังไปพึ่งคนอื่น  และคำ ๆ นี้ทำให้ดิฉันเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง  การที่เราไม่รู้ค่าของตัวเอง   เป็นการสูญเปล่าที่ไม่น่าให้อภัย อ่านแล้วรู้สึกว่าคำ ๆ นี้มีความหมายมากและรู้สึกว่ามันครอบคลุมทุกอย่างไว้แล้ว  ต่อไปก็คงไม่ทำตัวไร้สาระจะพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด เพราะต่อไปภายภาคหน้าคงจะต้องเจออะไรอีกเยอะ

    นางสาวมณีนุช  จันนอก  ปวส.1/2  เลขที่ 30

  • #25 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:45 (เย็น)

    จักรินทร์ มีชัย ปวส.1/3 เลขที่14

    ได้ข้อคิดเห็นดังนี้

    จากที่ได้อ่านมา ทำให้หนูรู้สึกว่า กว่าที่ทุกท่านจะมาถึงจุดนี้ ทุกท่านต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี…   แต่ประวัติของบุคคลที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นของอาจารย์ปูมั้งคะ เพราะว่าอาจารย์ปูที่โรงเรียนมีตำแหน่งใหญ่พอสมควร เมื่อเริ่มต้นอ่านประวัติของอาจารย์ปูที่ผู้แต่งเกริ่นไว้ว่า    “เรื่องของลูกกำพร้า นิยายดาวพระศุกร์ชิดซ้ายตกขอบเลยเชียวแหละ”

    ก็งงว่า เอ่… ประวัติของอาจารย์ปูจะเศร้าขนาดนั้นเลยหรอ เพราะที่หนูรู้จัก คือ อาจารย์เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม เป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต ฐานะทางบ้านก็ต้องดีด้วยเป็นแน่

    แต่… เมื่ออ่าน ก็ทำให้รู้ว่ากว่าที่อาจารย์ปูจะมาถึงจุด ๆ นี้ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่อง การถูก Anti จากญาติ ๆ ของพ่อ และเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย (ถ้าหนูอ่านไม่ผิดนะ) แต่อาจารย์ปูก็ยังสามารถผ่านและทนต่อสถานการณ์นั้น ๆ ได้ ทำให้หนูประทับใจมากกับการตัดสินใจ ที่จะเลือกไม่มองว่าใครไม่ชอบเรา แต่ถ้าเป็นหนูละก็ คงต้องวิตกกังวลอยู่แน่ ๆ เลย ว่าคนนู้นคนนี้จะมองหนูด้วยสายตาเช่นไร เนื่องจากหนูไม่ใช่ผู้หญิงนี่คะ
    ยังไงก็ตาม เมื่อหนูได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว รู้สึกว่ากว่าที่ทุกคนจะยืนอยู่บนที่สูงได้ ต่างก็ต้องมาจากที่ต่ำกันทั้งนั้น ขอบคุณอาจารย์ปูมากเลยค่ะ ที่ให้อ่านหนังสือ มีข้อคิดและคติเตือนใจมากมายขนาดนี้

    http://lanpanya.com/sutthinun/?p=1444 หนูแอบไปเห็น Website นี้มาค่ะ  ทำให้รู้ว่าอาจารย์ปูของเรานี่ก็ดังใช่ย่อยเลยนะเนี่ย>w< และนี่ก็คือข้อคิดทั้งหมดค่ะอาจารย์

    จาก ลูกศิษย์ VBac

  • #26 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:46 (เย็น)

    “เจ้าเป็นไผ”

    จากการที่หนูได้อ่านพ็อกเก๊ ตบุ๊คเล่มนี้ เริ่มจากการอ่านคำนิยมของหนังสือ  ก็คิดว่ามันน่าเกี่ยวกับวิถีการดำรงชีวิต ซึ่งหนูก็ได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างที่หนูคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นในชีวิต เพราะบางอย่างอาจจะเลวร้ายเกินไป แต่พอได้อ่านไปเรื่อย ๆ กลับมีความคิดอย่างนึงว่า “ถ้ามีความพยายามมากเท่าไรก็จะประสบความสำเร็จมากเท่านั้น” ซึ่งจากเรื่องของอาจารย์ปู ก็ทำให้หนูอดคิดไม่ได้ว่า หนูลำบากน้อยกว่าอาจารย์เยอะ!!!

    เพราะเมื่อตอนหนูเรียนชั้น ประถมที่ต่างจังหวัด (นครศรีธรรมราช)  หนูก็ลำบากมาก  (ในความรู้สึกของหนูนะ) คือตอนนั้นอยู่กับคุณยาย เวลาไปเรียนหนูจะได้เงินไปประมาณ 2-3 บาทเท่านั้น โดยการนำขนมที่ยายทำไปขายที่ รร. ซึ่งถ้าวันไหนขายหมดก็จะได้เงินไปซื้อขนมหรืออย่างอื่นกิน แต่ถ้าขายไม่ได้ก็กินขนมที่เอามาขาย เป็นอย่างนี้ทุกวันและเป็นอยู่ประมาณ 6 ปี จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่ตอนนั้นหนูไม่คิดว่ามันลำบากหรอก เพราะยังเด็กและยังไม่คิดอะไรมาก อีกอย่างอยากไปเรียนมากจึงทำทุกอย่างที่จะได้เงินมาซื้อกับข้าวกิน ไม่ว่าจะเก็บผัก ผลไม้ ทำขนม เดินไปขายที่ตลาด เดินประมาณ 8 กม.ในตอนตี 2 กับยายทุก ๆ วัน

    เวลาที่ฝนตก ก็อดคิดถึงพ่อแม่ไม่ได้ จนบางครั้งแอบไปนั่งร้องไห้อยู่ริมหน้าต่าง เพราะท่านทำงานอยู่กรุงเทพฯ จะได้เจอกันแต่ละครั้งก็ต้องรอเป็นปี ๆ ปีละประมาณ 2 ครั้งได้ พอหลังจากจบป.6 ก็ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ ฯ เป็นต้นมา  ทำให้คิดได้ว่า ตอนนั้นเราลำบากจริง ๆ เนอะ แต่ก็ภูมิใจที่สามารถผ่านชีวิตแบบนั้น เพราะนั่นคือกำไรชีวิต เพราะสามารถทำให้หนูตระหนักอยู่เสมอว่าหนูเคยลำบากมาแล้วไม่กลัวอุปสรรคหรือ ความยากลำบากเลย
    หนูจะสู้เพื่ออนาคตและความฝันของหนู เหมือนกับอาจารย์ปูคนนี้ ที่หนูไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยว่าอาจารย์ได้ผ่านอะไรมาบ้าง แต่พอได้อ่านพ็อกเก็ตบุ๊ค”เจ้าเป็นไผ”แล้ว ถึงได้รู้อย่างเต็มอกเต็มใจว่ายังมีคนที่เคยลำบากมากกว่าเราอีกร้อยเท่าพัน เท่า และอีกมากมายในโลกกลม ๆ ใบนี้…
    หนูว่านะอาจารย์เป็นบุคคลที่มีความอดทนและความพยายามสูงจริง…กว่าจะก้าวมา ถึงขั้นนี้ คงจะเหนื่อยและมีกำลังใจมากเลยทีเดียว ทำให้ตอนนี้หนูคิดที่จะฮึดสู้!!!ขึ้นมา เพื่อที่จะขวนขวายหาความสำเร็จให้ชีวิต ไม่ว่าจะไกลซักแค่ไหนก็ไม่ถอย…

    ขอขอบพระคุณอาจารย์ปูมากที่ทำให้หนูได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากหนังสือ เล่มเล็ก ๆ เล่มนี้…ขอบพระคุณจริงๆครับ

    นายโกวิทย์  ส่งเสริม ปวส.1/5 การตลาด

  • #27 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 2:48 (เย็น)

    ช่วงแจกจ่าย จปผ๑ นี่ น้ำหนักลดลงไปหลายอยู่ค่ะ เพราะสาระวนอยู่กับการตอบคำถามหรือไม่ก็ตั้งวงสนทนากับผุ้ที่ได้อ่านแล้ว ทั้งที่โรงเรียน ใน msn รับตอบทาง email ทั้งตามสายโทรศัพท์จากเพื่อน ๆ แต่มีความสุขมากค่ะ
    ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักนี่ใช่เลยค่ะ
    นักเขียน จปผ ทุกคนคงตั้งใจให้ชีวิตตัวเองเป็น case study
    ที่พอจะสะท้อนมุมมองของชีวิตจริงได้บ้าง
    พอผลออกมาได้ตามนั้น
    แหม มันปลื้มบอกไม่ถูกจริง ๆ ค่ะ ไม่เชื่อถามป๋าดูสิคะ อิอิ
    (^_______^)

  • #28 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 9:48 (เย็น)

    จากที่ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็ดีนะครับได้รู้ถึงความลำบากของบุคคลต่างๆ แล้วย้อนกลับมาดูตัวเองผมว่าชีวิตผมสบายกว่าเยอะเลยนะ เพราะมีทั้งพ่อแม่คอยส่งเสียเล่าเรียนฉะนั้นควรจะทำตัวให้ดี ๆ เพราะสบายมาขนาด นี้แล้วถ้าทำตัวเหลวไหลผมคงจะลำบากแน่เลย…
    ส่วนตัวตอนที่ผมชอบก็คงเป็นของอาจารย์ปูนั่นเหละ เพราะเป็นบุคคลที่เรารู้จักและใกล้ชิดกว่าบุคคลอื่น ๆ ในหนังสือ ส่วนท่านอื่น ๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ แต่อย่างว่านะรักแท้มันแพ้ใกล้ชิด..
    ตอนที่ชอบก็คงเป็นตอนที่อาจารย์หิ้วเทปไปลุยท่าเรือเกาะสมุยคุยกับฝรั่งตัวเป็นๆ มันท้าทายดีลุยแบบ snake fish ๆ ดีกว่าเรียนจากหนังสือเยอะเลย งิงิ

  • #29 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 9:52 (เย็น)

    อ่านเจ้าเป็นไผแล้วทำให้ได้ย้อนนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง ไม่อยากให้แม่ต้องผิดหวังในตัวเรา ไม่อยากให้แม่ต้องเสียน้ำตาเพราะเรา ได้มุมมองความคิดในแบบที่เราไม่เคยคิด ทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น

    ผมอ่านหนังสือเจ้าเป็นไผแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวผมกับบุคคลในหนังสือแตกต่างกันเยอะมาก เพราะตัวผมไม่เคยมีความพยายามอะไรเลย แต่ถ้าผมมีความพยายามทำอะไรก็แล้วแต่ สักวันผมก็จะได้เป็นเหมือนคนในหนังสือ และสักวันตัวผมต้องทำได้อย่างคนในหนังสือ

    สุทธิพงษ์ ตั้งสิริกุลชัย ปวส.1/2  เลขที่18

     

  • #30 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 9:54 (เย็น)

    ถ้าเราตั้งใจจะทำอะไร พยายาม อดทน ผลที่ออกมาจะดีเสมอ

    ธนาวัฒน์ เฉียงกลาง ปวส.1/2  เลขที่ 7

  • #31 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:05 (เย็น)

    เห็นได้ชัดแล้วว่า  ไม่ว่าเราจะเกิดมาในครอบครัวแบบไหน สังคมอย่างไร
    เราก็กลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จได้ หากเรามีความตั้งใจ มีความพยายาม หนังสือ
    เล่มนี้เป็นเหมือนนิทานสอนใจ ให้เราคิดได้มากขึ้น เกิดความอยากมี อยากจะเป็นดังเช่น
    บุคคลเหล่านั้นบ้าง วันนี้เราอาจจะยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่ถ้าเราเริ่มคิด และเริ่มทำตั้งแต่วัน
    นี้เราก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางเข้าสักวัน

  • #32 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:08 (เย็น)

    การที่ผมได้อ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในหนังสือเรื่อง”เจ้าเป็นไผ” แล้วอาจจะยังอ่านได้ไม่จบ ไม่ครบหมดทุกท่าน แต่แค่นี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าการที่เราจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตได้นั้น ไม่ใช่ว่าเราอยู่ดี ๆ ก็วิ่งไปถึงเลย แต่เราต้องใช้ความสามารถ ความพยายาม และความอดทน อดทนต่ออุปสรรคมากมายในชีวิตที่จะเกิดขึ้น โดยที่เราไม่สามารถคาดคิดได้เลย หลาย ๆ ท่านที่วันนี้ได้ประสบความสำเร็จไปแล้ว ท่านเหล่านั้นต่างก็ผ่านเรื่องราวอันเลวร้าย เรื่องราวที่ตื่นเต้นมาแล้วหลายต่อหลายท่าน
    รวมทั้งเรื่องของท่านอาจารย์ปูก็ด้วย เด็กผู้หญิงตัว
    น้อย ๆ ที่เกิดมาโดยไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา กับครอบครัวตัวเองเลย ต้องไปอยู่กับครอบครัวอื่นนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า เด็กน้อยคนนั้นจะเติบโตมาโดยปราศจากความรัก หรือกลายเป็นเด็กมีปัญหาซะเมื่อไหร่
    ตรงกันข้าม เธอกลับเติบโตมาพร้อมความรักจากผู้เป็นแม่ และคนรอบข้าง ปลุกปั้นให้เธอโตมาเป็นคนดี และฉลาด ปราดเปรียวได้อย่างเช่นทุกวันนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเอาเป็นต้นแบบในเรื่องแง่คิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดีครับ

  • #33 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:09 (เย็น)

    หนังสือเล่มนี้ ได้ทำให้เราเกิดความรู้สึกฮึดสู้บ้าง เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิตดังเช่นบุคคลเหล่านั้นบ้าง  หลาย ๆ เรื่องของแต่ละบุคคลอาจใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ไม่มากก็น้อย เห็นได้ชัดว่าบางท่านนั้นเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ไม่ได้ร่ำรวย แต่เมื่อเติบโตขึ้นก็ตั้งใจเรียน และตั้งใจในการทำงาน
    จนประสบผลสำเร็จสูงสุดได้ เมื่อย้อนมองตัวเราบ้าง ในขณะนี้ที่เรายังเด็กนัก ชีวิตยังคงเติบโตได้อีกยาวไกลเราจึงควรเริ่มต้นสิ่งดี ๆ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป

  • #34 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:10 (เย็น)

    เจ้าเป็นไผ ผู้เขียนส่วนใหญ่มีชีวิตที่เหมือนหนูที่ต้องทำงานตั้งแต่ยังเด็กเพื่อช่วย ทางบ้านและตอนนี้ก็ยังทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียน หนูเลยรู้คุณค่าของการศึกษา ของเงินที่หามาได้ และตั้งใจเรียน ถึงหนูจะเรียนไม่เก่งก็ตามแต่หนูก็จะพยายามเรียนให้จบเพื่อให้ทางบ้านได้รู้ ว่าหนูมีความตั้งใจจริงๆ เพราะว่าตอนนี้หนูเริ่มจะติดเที่ยวมันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะทำอยากจะมี อิสระบ้าง คงไม่มีใครที่อยากจะเดินตามกรอบที่ผู้ใหญ่วาดไว้ให้ตลอดหรอกค่ะแต่ก็ไม่ใช้ เที่ยวเล่นจนลืมทำสิ่งที่ควรทำเพราะเราไม่ใช่แค่ทำเพื่อตัวเราแต่เราทำเพื่อ ครอบครัวของเราด้วย

    มนทิรา  อมรสังข์ ปวส.1/4

  • #35 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:12 (เย็น)

    “เจ้าเป็นไผ” หนังสือที่อ่านแล้วคิดว่าผู้เขียนทุกท่านมีแนวทางในการใช้ ชีวิตที่แตกต่างกันไป เพราะบางคนเกิดมาต้องทำงานช่วยที่บ้าน ต้องหาเงินเรียนเพราะทุกคนมีสิ่งที่อยากได้มากมายต่างกันจึงต้องดิ้นรนเพื่อ จะได้สิ่งนั้นมา แต่บางสิ่งก็ไม่ได้มาตามที่เราคิดไว้ เจ้าเป็นไผจึงทำให้ผมคิดว่าผมควรใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ มากกว่านี้ แค่เรียนให้จบ มีงานที่ดีทำ เป็นคนกตัญญูก็ทำให้เรามีคุณค่าได้

    อิศรา ธัญญลักษณ์ ปวส.1/4

  • #36 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:15 (เย็น)

    ชอบเยอะ อ่ะ ตั้งแต่เด็กที่อาจาร์ย ไปหัดเรียนหัดอ่าน แล้วก็ไปขอสัมภาษณ์ฝรั่ง

    แล้วก็ชอบตอนที่เปิด Vbac ใหม่ๆ ที่อาจาร์ยคนอื่นบอกว่าอาจาร์ยเป็นคนจุ้นจ้านอ่ะ

    แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าอาจาร์ยจะสามารถเข้าวัดไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานได้อ่ะ

    Impossible 555+

  • #37 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:17 (เย็น)

    แง่คิดที่ผมได้จากหนังสือเจ้าเป็นไผคือ บางทีเราก็ต้องหัดรับฟังแง่คิดของคนอืนบ้าง
    เพราะผมก็เป็นคนที่เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่

  • #38 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:18 (เย็น)

    รู้สึกว่าคนเราต้องมีความพยายามและเห็นใจผู้อื่น การที่ได้อ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ 1 ทำให้มีข้อคิดในการใช้ชีวิต รู้จักการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ และรู้ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องดีที่สุด แต่ขอให้ทำในทุกๆ เรื่องด้วยความจริงใจและมีสติ

  • #39 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 10:21 (เย็น)

    ความคิดเห็นของผมที่มีต่อหนังสือก็คือ หนังสือเล่นนี้ มีแง่คิดหลาย ๆ อย่าง และล้วนแล้วแต่เป็นข้อคิดของนักพยายามทั้งนั้นเลย ทำให้ผม ที่เป็นคนอ่าน รู้สึก อยากจะเข้าไป ร่วมอยู่กับ บทความนั้นด้วย จริงๆ ผมจะได้ซึมซับแนวคิดแความอดทน มาได้เยอะ ๆ จากผู้ที่เป็นผู้รู้แท้จริง 

    สิ่งที่ผมจะนำไปใช้ได้ มีหลายอย่าง ทั้งเรื่องการดำเนินชีวิต เรื่องฟื้นฟูจิตใจของตัวเอง เรื่องการให้กำลังใจ ล้วนแล้ว แต่มีความหมายมาก ๆ กับชีวิตของนักสู้ ที่ต้องเจอกับสิ่งที่เป็นอุปสรรคแทบทุกวัน แต่ก็ผ่านมันไปได้ เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อยอมจำนน

    วัชรพล ปวส.1/3

  • #40 ลานซักล้าง » ผู้นำในวิกฤติการณ์ (ถาวร) ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 8:53 (เย็น)

    [...] เจ้าเป็นไผ ๑ เสร็จประมาณช่วงกลางปีที่ผ่านมา [...]

  • #41 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 8:58 (เย็น)

    สุนทรียสนทนา (dialogue): ศาสตร์และศิลป์ของการหันหน้าเข้าหากัน (8: ควันหลง3)

    คนธรรมดา

  • #42 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 มกราคม 2010 เวลา 5:05 (เย็น)

    กองทุนชาวเฮ และคณะผู้จัดทำ ได้จัดพิมพ์หนังสือ ‘เจ้าเป็นไผ ๑: เครือข่ายมนุษย์ จิตใจ และสมอง’ เป็นครั้งที่สอง โดยตรวจแก้คำผิด เครื่องหมายวรรคตอน และเปลี่ยนปกใหม่เป็น

  • #43 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 สิงหาคม 2010 เวลา 11:35 (เย็น)

    ชีวิตที่ดาวพระศุกร์ต้องยอมเรียก….พี่

  • #44 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กรกฏาคม 2012 เวลา 9:21 (เย็น)

    มหาชีวาลัยอีสาน และคณะผู้จัดทำ ได้จัดพิมพ์หนังสือ ‘เจ้าเป็นไผ ๑: เครือข่ายมนุษย์ จิตใจ และสมอง’ เป็นครั้งที่สาม รายได้ทั้งหมด หักค่าพิมพ์หนังสือ และค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ มอบให้มหาชีวาลัยอีสานเพื่อใช้พัฒนาแหล่งเรียนรู้และโครงสร้างพื้นฐานต่อไป

  • #45 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 สิงหาคม 2019 เวลา 8:31 (เย็น)

    เจ้าของโรงเรียนได้อ่าน และให้ความเห็นว่า


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.25975704193115 sec
Sidebar: 0.013548135757446 sec