เมื่ออาสาสมัครบาดเจ็บ

อ่าน: 3313

เมื่อตอนเย็น มีการประชุมการประสานงานเครื่องข่ายรับภัยน้ำท่วม ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีท่านอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นประธานในที่ประชุม

มีองค์กรพัฒนาเอกชนมาร่วมอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเช่นเคย ได้เจอหน่วยกล้าตายที่บุกลงพื้นที่มากมาย คราวนี้ @1500miles ไม่มาครับ แต่ภรรยานั่งอยู่ติดกัน เม้าธ์กระจาย

อ่านต่อ »


กำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย

8 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 8 November 2010 เวลา 1:23 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4240

น้ำท่วม ก็แปลว่ามีน้ำมากเกินไป จากบันทึกที่แล้วที่ชี้ให้เห็นความจริงอีกส่วนหนึ่ง ว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังเนื่องจากภูมิประเทศเป็นแอ่ง ระดับน้ำที่ท่วมอยู่ต่ำกว่าขอบแอ่ง ตอนน้ำหลากมา ข้ามขอบแอ่งมาได้เนื่องจากมีปริมาณน้ำมหาศาล แต่พอมวลน้ำผ่านไป น้ำที่ขังอยู่กลับหาทางออกไม่ได้

น้ำท่วมขังเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิต สุขภาพ การงาน และสำคัญที่สุดคือจิตใจของผู้ประสบภัยครับ ยิ่งเห็นน้ำใจหลั่งไหลไปช่วยพื้นที่อื่นๆ แต่ตัวเองต้องนั่งจับเจ่าอยู่ในที่แคบๆ นั่งคิดท้อแท้ฟุ้งซ่านสิ้นหวัง ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป น้ำท่วมขังไม่ลดลงสักที ฯลฯ สถานการณ์อย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อใครเลยนะครับ

ปีนี้คงหนาวจัด ปลายเดือนกันยายน ตอนนั้นน้ำท่วมบางส่วนของพิษณุโลกและสุโขทัยแล้วแต่ไม่ค่อยเป็นข่าว (หมอ)เบิร์ด-นักจิตวิทยาประจำลานปัญญา-เขียนบันทึกเรื่องถักหมวกแบบง่าย คุณแม่ซึ่งเป็นข้าราชการครูเกษียณแล้ว เป็นต้นความคิดหาเครื่องป้องกันความหนาวเย็นให้กับเด็กที่เข้ามารักษาตัวยัง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ คงทำมาหลายปีแล้วล่ะครับ ถึงใครไม่พูดถึง ก็ทำอยู่ดี

แหะๆ ผมถักไม่เป็นหรอกครับ อย่างนั้นช่วยเรื่องไหมพรมดีกว่า ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องเลย ค้นเน็ตหาร้านขายไหมพรมที่ไม่ไกลจากบ้าน เพราะคิดว่าจะต้องไปลองจับดูว่าจะนุ่มหรือว่าจะคันหรือไม่ เจอร้านขายออนไลน์ร้านหนึ่งชื่อ http://www.girl-paradiseshop.com/ แล้วผมก็บุกไปที่ร้าน ได้พบเรื่องราวการต่อสู้ของน้องก้อยเจ้าของร้าน อยากจะเล่าให้ฟัง…

อ่านต่อ »


น้ำท่วมขัง (1)

อ่าน: 5589

เขียนเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วครับ เขียนอีกก็ไม่เป็นไร เป็นเหมือนสิทธิ์ของ สว.ที่บ่นได้โดยผู้คนไม่ถือสา (ถึงถือสาผมก็ไม่ได้ยินอยู่ดี แล้วผมเขียนไว้ในบล็อกของผมเฉยๆ มาอ่านกันเองนะ)

น้ำท่วมนั้น เกิดจากอัตราที่น้ำไหลเข้าพื้นที่มากกว่าน้ำไหลออก เมื่อเข้ามามากแล้วออกไปได้น้อย ปริมาตรของน้ำที่อยู่ในพื้นที่นั้น ก็ยกตัวเอ่อขึ้นพ้นตลิ่ง อปท.ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ตลอดจนชาวบ้าน และหน่วยราชการ ไม่ยืนดูเฉยๆ หรอกนะครับ เขาก็พยายามป้องกันพื้นที่ไม่ให้น้ำท่วมเหมือนกัน มีถนนเป็นแนวป้องกันหลักเสมอ

เรื่องนี้มีผลข้างเคียง กล่าวคือเมื่อน้ำมีปริมาณมาก จนท่วมข้ามแนวป้องกันมาแล้ว ทีนี้น้ำไหลไปไหนไม่ได้ จะเห็นได้จากภาพข่าวโทรทัศน์ ว่าภาคเหนือตอนใต้กับที่ราบลุ่มภาคกลางที่ประสบอุทกภัยอยู่ในเวลานี้ น้ำไม่ค่อยไหลไปไหน พอน้ำไม่ไหลประกอบกับท่วมไร่นา พืชที่จมน้ำก็เน่า ทำให้น้ำเริ่มเน่าอีกต่อหนึ่ง

อ่านต่อ »


น้ำท่วมกลับไม่มีน้ำดื่ม (1)

อ่าน: 5256

รู้สึกติดใจกับโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายที่เหลียวมองไปรอบตัวมีแต่น้ำ แต่ดื่มไม่ได้ ต้องขนน้ำมาจากระยะไกลหลายสิบ หลายร้อยกิโลเมตร

คืนนี้พักจากการเขียนโปรแกรม ก็เลยค้นเน็ตดูว่ามีวิธีแก้ปัญหาน้ำดื่มในเขตภัยพิบัติในประเทศอื่นบ้างหรือไม่ เลยไปเจอวิธีหนึ่ง เรียกว่า Ceramic Water Filter ครับ เรียก Ceramic Filter ฟังดูดี มีชาติสกุล เหมือนใช้ความรู้สูงด้วยนะ ที่จริงแล้วสร้างได้ไม่ยากหรอกครับ เพราะ Ceramic Filter นี้คือดินเผานั่นแหละ รูปร่างเหมือนกระถางต้นไม้แต่ไม่เจาะรูระบายน้ำที่ก้น

หลักการก็ง่ายๆ ครับ ดินเผาไม่ได้แน่นเป็นเนื้อเดียวไปหมด มันมีช่องว่างเล็กจิ๋วขนาด 0.6-3 ไมครอนที่น้ำซึมผ่านได้  ดังนั้นก็จะกรองสารแขวนลอยต่างๆ เช่นดิน ซากพืช ซากสัตว์ที่มากับน้ำ

ใช้แกลบป่นละเอียด 20% กับดินเหนียว 80% ผสมกัน 10 นาทีจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นผสมน้ำอีกเท่าตัวโดยปริมาตร ปั่นรวมกันไปอีก 10 นาทีก่อนนำไปปั๊มขึ้นรูป แล้วก็ผึ่งไว้ให้แห้งก่อนส่งเข้าเตาเผา

ขั้นตอนการเผา มีการไล่น้ำโดยเผาที่ 100°C ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็ค่อยๆเร่งเป็น 866°C กระบวนการเผาทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง แล้วก็ต้องปล่อยให้เตาค่อยๆ เย็นลงเองอีกประมาณ 24 ชั่วโมง

ฟิลเตอร์รูปกระถางต้นไม้ที่ได้ เอาไปแช่น้ำไว้สามชั่วโมงให้ดินเผาอิ่มน้ำ จากนั้นทดลองเติมน้ำจนเต็ม ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมงเพื่อวัดว่ากรองน้ำได้โอเคไหม ถ้าหากว่ากรองน้ำได้ไม่อยู่ในช่วงมาตรฐาน (มากหรือน้อยเกินไป) ก็จะถูกทำลายทิ้ง จากนั้นก็เทน้ำออก ผึ่งให้แห้ง เตรียมตัวสำหรับขึ้นต่อไป

อ่านต่อ »


ไอทีกับการจัดการภัยพิบัติ

อ่าน: 4082

ดูเผินๆ ไอทีมีลักษณะเสมือนจริงในแง่ที่ไม่ได้เกิดการกระทำในตัวเอง

ไอทีเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น จะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เข้าใจเครื่องมือหรือไม่ และนำไปใช้ประโยชน์ได้แค่ไหน ยกตัวอย่างเช่นเอาฆ้อนไปตอกตะปู ก็จะใช้งานได้ดีมีประโยชน์ แต่ถ้าเอาฆ้อนไปพรวนดิน ถึงจะทำได้ก็จะดูแปลกๆ ไปสักหน่อยนะครับ

ภัยพิบัติทุกครั้งแตกต่างกันเสมอ ทั้งสาเหตุ ผู้ประสบภัย ระยะเวลา พื้นที่ประสบภัย ความเสียหาย ความหนักหนา ทรัพยากร อาสาสมัคร ฯลฯ ยิ่งกว่านั้น การจัดการบรรเทาทุกข์และฟื้นฟูจากภัยพิบัติ ก็เป็นภัยพิบัติในตัวเองเสมอๆ เนื่องจากมีคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่มีหน้าที่โดยตรง ทั้งที่มาด้วยจิตอาสา ในเมื่อต่างคน ต่างฝ่าย ต่างมีความรู้ความชำนาญที่แตกต่างกัน เรื่องเดียวกัน ก็จะมีมุมมองและวิธีการที่แตกต่างกัน ในเวลาที่ชาวบ้านทุกข์ยาก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่เวลาที่จะมากล่าวโทษหรือพิพากษาใครหรอกนะครับ เราต้องไม่ลืมว่ากำลังมีคนที่เดือดร้อนแสนสาหัสอยู่

ดังนั้นการประสานงานก็จะโกลาหลอยู่เป็นธรรมชาติ อาจจะต้องอาศัย connection ส่วนตัวกันมากหน่อย หรือไม่ก็ต้องอาศัยการระดมสรรพกำลังมาช่วยงานกัน ซึ่งจำนำไปสู่ความขลุกขลักต่างๆ อีกมากมาย — เรื่องนี้ไม่มีใครบ่นหรอกครับ เพราะว่าคนที่มาช่วยกัน ต่างก็ทนเห็นชาวบ้านเดือดร้อนโดยไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างไม่ได้กันทั้งนั้น

แต่ว่ามันจะดีกว่าหรือไม่ หากมีเครื่องมือที่ช่วยทำให้การประสานงานส่งความช่วยเหลือลงพื้นที่ เป็นไปอย่างที่มีระบบมากขึ้น บันทึกนี้พยายามจะเขียนแนวคิดของการจัดการในเชิงระบบ ที่เชื่อว่าน่าจะจำเป็นสำหรับระยะฉุกเฉินนี้ครับ ขอมองอย่าง “คนนอก” ไม่อย่างนั้นเวลาลงไปคลุกแล้ว ผมจะเมาหมัดคือจะใช้ทุกอย่างเท่าที่มี แล้วมองข้ามสิ่งที่ควรมีแต่ไม่มีไปครับ

อ่านต่อ »


น้ำท่วม ข้อมูลก็ท่วมด้วย

อ่าน: 4289

คำว่า Information Overload เป็นคำที่ Alvin Toffler นำมาใช้จนแพร่หลาย เมื่อเขาเริ่มบรรยายถึงสังคมแห่งข่าวสารเมื่อ 40 ปีก่อน

อาการ Information Overload เกิดขึ้นเมื่อมีปริมาณข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาจนประมวลไม่ทัน คืออ่านอย่างหาความหมาย แล้วคิดต่อจนรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไม่ทัน

มีอีกคำหนึ่งคือ Sensory Overload ซึ่งน่าจะตรงกว่าสำหรับคำว่า “รับไม่ไหว” มากกว่า

ในเมื่อรับไม่ไหว มันก็ไม่ไหวล่ะครับ คนที่เจออาการ Information Overload เข้าบ่อยๆ เขามักข้ามไปเลย ซึ่งอันนี้กลับเป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คืออาจจะพลาดข่าวสารสำคัญ

ในปัจจุบัน มีสถานการณ์วิกฤตอุทกภัยเกิดขึ้นทั่วประเทศ เครื่องมือสื่อสารก็มีมากขึ้นเยอะ ทำให้ข้อสนเทศ​ (data) และสารสนเทศ​ (information) หลั่งไหลเข้าสู่เครือข่ายสังคม มากน้อยแล้วแต่ความป๊อบ

แต่ถ้าเป็นศูนย์รวมเช่น #thaiflood hash tag หรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับน้ำท่วม คนที่เฝ้าติดตาม อาจจะเจอ Information Overload ได้ — เมื่อวานผมเดี้ยงไป พอตื่นขึ้นมา เจอข้อความใน #ThaiFlood ห้าพันข้อความ เอื๊อก…

อ่านต่อ »


งานอาสาสมัครกับ Crowdsourcing

อ่าน: 4172

ในบางกรณี อาจจัดงานอาสาสมัครเป็น Crowdsourcing ได้ในแบบหนึ่ง

Crowdsourcing เป็นฝูงชนอิสระที่มีพลัง (แต่ตัวคนเดียวไม่มีพลังพอ) ที่ทำให้ความเห็นเล็กๆ การกระทำเล็กๆ กลายเป็นสิ่งที่มีค่า — ทั้งนี้เป็นเพราะคนแต่ละคนแตกต่างกัน จึงเลือกทำอย่างที่ตนทำได้ดี เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน เช่น Wikipedia ซึ่งแต่ละคนเขียนสิ่งที่ตนรู้ และถูกตรวจสอบโดยคนอื่น ไม่มีใครเขียน Wikipedia ทุกเรื่อง ไม่มีใครทำทุกเรื่อง หรือพยักหน้าหงึกๆ กับทุกเรื่อง แต่ทั้งหมดร่วมกันสร้าง Wikipedia ให้เป็น Wikipedia; ในมุมหนึ่ง ก็เป็นการก้าวข้ามลักษณะพวกมากลากไป ทำอะไรเหมือนกันไปหมดทุกคน หรือมีขาใหญ่ที่รู้ไปหมดแล้วสั่งลูกเดียวไม่ฟังใคร

อ่านต่อ »


บุก Crisis Camp

7 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 2 November 2010 เวลา 20:36 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4012

บ่ายนี้ ผมบุกวอร์รูมของเครือข่ายอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติภาคประชาชน เพิ่งเปิดดำเนินการบ่ายนี้เองครับ แต่มีอาสาสมัครตัวจริงเข้าทำงานแล้ว

อ่านต่อ »


เครือข่ายอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติภาคประชาชน

อ่าน: 4272

เย็นนี้ที่ สสท. (ทีวีไทย หรือ ThaiPBS) มีการประชุมเครือข่ายอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติภาคประชาชน ซึ่งเดิมใช้ชื่อเล่นว่า คชอ.ภาคประชาชน มีองค์กรพัฒนาเอกชน กลุ่มอาสาสมัครต่างๆ เข้าร่วมประชุม 60 ท่าน — การประชุมที่มีผู้เข้าร่วมเยอะๆ แบบนี้ มักไม่ค่อยมีประสิทธิผลหรอกครับ แต่ว่าในครั้งนี้ ผมคิดว่าต่างคนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน ผ่านประสบการณ์ทำนองเดียวกันมา ถึงตื้นลึกยาวนานไม่เท่ากัน ก็ยังมองไปในทิศเดียวกัน

น่าจะกล่าวได้ว่าที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า การรวมตัวกันเช่นนี้ ไม่ควรหยุดแค่อุทกภัยใหญ่ในครั้งนี้เท่านั้น แต่ควรจะรวมตัวกันต่อไปเนื่องจากการฟื้นฟู ยังจะใช้แรงใจและแรงงานอีกยาวนาน ใช้ประสบการณ์การทำงานร่วมกันให้เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้นในภันครั้งหน้า(หากเกิดขึ้น)

กิจกรรม CSR แบบยกป้ายถ่ายรูป น่าจะเลิกกันได้แล้วครับ บริษัทห้่างร้านต่างๆ ที่ต้องการจะฝึกจิตสาธารณะของพนักงานจริงๆ ควรพิจารณาให้พนักงานสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อผู้อื่นบ้าง ให้ไปช่วยเหลือและเรียนรู้ความจริงจากพื้นที่ เช่นพนักงานขอลาพักร้อนไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม 5 วัน บริษัทยอมให้พักต่อโดยไม่ต้องเข้าทำงานอีก 5 วันโดยจ่ายค่าจ้างตามปกติ — รวมเสาร์อาทิตย์อีก 3 รอบเป็น 16 วัน อบรมสองวัน พักตอนกลับมาสองวัน  เหลือเป็นเวลาลงพื้นที่ 12 วัน — เวลา 12 วันนี้ เหลือเฟือสำหรับสร้างบ้านที่เสียหายขึ้นมาใหม่นะครับ มีเวลาที่จะนำความรู้ที่ต่างคนต่างคิดว่ามีไปช่วยชาวบ้าน (หรือเรียนรู้ว่าที่จริงนั้น ตนไม่รู้อะไร) นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าให้โอกาสพนักงานได้เห็นสังคมไทยตามความเป็นจริง สร้างแรงบันดาลใจขึ้นมาใหม่ เข้าใจความสำคัญของความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ

อ่านต่อ »


อย่ารอ: เครื่องอบแห้งข้าวเปลือกอนาถาเพื่อช่วยชาวนาที่น้ำท่วม

อ่าน: 3900

เทคโนโลยีชาวบ้าน ทำได้เองง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งใคร ไม่ต้องรอใคร (ไม่ทำก็ไม่เป็นไรครับ)

อ่านต่อ »



Main: 0.18456292152405 sec
Sidebar: 0.1724841594696 sec