ประสบการณ์เที่ยวถ้ำ Ajanta มรดกโลกในอินเดีย

อ่าน: 6989

เมื่อหลายปีก่อน ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวอินเดีย เป็นทริปที่เปลี่ยนโลกทัศน์เกี่ยวกับการศึกษาศาสนาไปเป็นอย่างมาก ด้วยเห็นศรัทธาและความพยายามของคนโบราณที่มีต่อศาสนาต่างๆ ว่าเป็นสิ่งบริสุทธิ์ และมีพลังเหลือเกิน

ถ้ำ Ajanta และ Ellora เป็นศาสนสถานที่ขุดเข้าไปในหินบาซอลต์ (แกรนิตแข็ง) โดยขุดจากหินก้อนเดียวจนเป็นวิหารขนาดใหญ่

Ellora ประกอบไปด้วยวิหารฮินดู พุทธ และเชน — ของฮินดูอลังการอย่างไม่น่าเชื่อครับ มีพื้นที่เป็นสองเท่าของวิหารพาเธนอนในกรีก สูง 1.5 เท่า แต่ใช้วิธีขุดหินภูเขาไฟก้อนเดียวเข้าไป ไม่มีการเอาหินมาต่อกัน ตัดเจาะและแกะสลักหินสองแสนตันด้วยแรงงานคน

Ajanta พบโดยทหารอังกฤษในปี 1819 หลังจากไปล่าเสือ แล้วสังเกตเห็นงานก่อสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ซ่อนตัวอยู่ในป่ารก Ajanta มี 30 ถ้ำ ก่อสร้างประมาณระหว่างพุทธศตวรรษที่ 3 ถึง 7 อยู่ในรัฐมหาราชตระ

Ajanta ถูกทิ้งให้รกร้างเนื่องจากอิทธิพลของศาสนาที่มหาราชาผู้ครองรัฐมหาราชตระใน เวลานั้นนับถือ (ต่อมาราชวงศ์นี้ครองประเทศอินเดีย และสร้างทัชมาฮาล)

ผมยังไม่ได้จาริกไปยังสังเวชนียสถานทั้งสี่ แต่ก็ได้ชวนพนักงานไว้ให้เก็บเงินเดือนละพัน สามสี่ปีก็คงไปได้ (เงินเก็บมักจะรั่วไหล เลยต้องเผื่อเวลาไว้หน่อย)

ที่ยกเรื่องถ้ำ Ajanta ขึ้นมา เพราะเป็นจุดเปลี่ยนส่วนตัวเกี่ยวกับการมองพุทธศาสนาอีกอันหนึ่ง (อันแรกคือการค้น/อ่านพระไตรปิฎกตามอัธยาศัย) เดิมทีรู้สึกเหมือนเรื่องพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน เมื่อย้อนกลับไปดูถึงอินเดีย ก็ได้เห็นศรัทธาอันแรงกล้าต่อพุทธศาสนาตั้งแต่ยุคโบราณ ได้รับรู้เรื่องราวว่าฝ่าฟันอะไรมาบ้างจนมาถึงวันนี้

(ถ้ำ #16? จำเลขไม่ได้แน่เพราะผ่านมาหลายปีมาแล้ว) มีภาพเขียนพุทธประวัติ ซึ่งกำลังเสื่อมสภาพจากน้ำฝน+ความชื้นอย่างรวดเร็วมาก และมีหลังคาถ้ำที่วิจิตรมาก เมื่อพิจารณาภาพก็ตรงกับเรื่องราวที่ศึกษามาทั้งๆ ที่เวลาห่างกันประมาณสองพันปี (ดูแล้วเข้าใจว่าเป็นพุทธประวัติตอนไหน)

หากมีกำลังไปดูได้และอยากไป แนะนำให้รีบครับ

http://gotoknow.org/blog/random/97695


หลังวิกฤติแห่งความแตกแยกในสังคม

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 21 July 2008 เวลา 21:30 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4096

“เหตุการณ์เดือนตุลาคม” มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นสองเรื่องคือเหตุการณ์​ ๑๔ ​ตุลาคม ๒๕๑๖ และเหตุการณ์​ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ในเวลานั้น หลายคนยังไม่เกิด หลายคนยังไม่เดียงสา มีอีกหลายคนเช่นกันที่เมื่อหลายปีผ่านไป เหตุการณ์ลืมเลือน อุดมการณ์เปลี่ยนแปลง

ต่างฝ่าย ต่างคิดมุ่งมั่นอยู่ในความชนะหรือแพ้ ถูกหรือผิด เหตุผล ความถูกต้อง ความเป็นธรรม แต่ละฝ่ายต่างก็คิดว่าตนสูงส่ง ดีกว่า ถูกต้องกว่า

ผมอัญเชิญพระราชดำรัสสององค์ ที่พระราชทานแก่หมู่คณะขนาดใหญ่ ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มีข้อสังเกตว่า ไม่มีเรื่องชนะ-แพ้ ถูก-ผิด ถูกต้อง-เป็นธรรม พระราชดำรัสทั้งสององค์ (รวมทั้งองค์ที่พระราชทานหลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ) ยังเป็นเรื่องความอยู่รอดของบ้านเมือง เรื่องประชาชน เรื่องหน้าที่ของแต่ละคนเพื่อส่วนรวม

เตือนไว้ก่อนครับว่ายาวมาก แต่ผมคิดว่าน่าอ่าน น่าศึกษา

อ่านต่อ »


ตามคำขอของพี่หมอเจ๊

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 20 July 2008 เวลา 22:11 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4527

เมื่อตอนที่ไปสวนป่าในงานอบรมกระบวนกร ซึ่งไม่รู้ว่าภายหลังได้กลายเป็นเฮฮาศาสตร์5 ไปได้อย่างไร ก่อนไปก็พอรู้เลาๆ ว่าจะถูกถีบขึ้นเวที ส่วนหัวข้อที่บอกมาก่อนก็เป็นที่รู้กันว่าจะไม่เป็นไปตามนั้น หัวข้อจริงก็ไปรู้เอาตอนเดินขึ้นเวทีแล้ว

มีเรื่องจะสารภาพครับ เรื่องที่พูดในคืนนั้นไม่ได้เตรียม และเรื่องที่เตรียมไปกลับไม่ได้พูด เพราะว่าพูดเรื่องที่ไม่ได้เตรียมซะเยอะแล้ว เลยลืมที่จะบอกว่า ผมมี “ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๙๓ - ๒๕๔๘” ที่ทาง กบข. ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดพิมพ์ สามารถจะค้นหาได้ ที่อยากบอกแต่ไม่ได้บอกคือเรื่องนี้ล่ะครับ:

ว่าท่านใดอยากได้พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่พระราชทานให้ในวันที่รับปริญญา ก็ขอให้บอกมาว่าปีใด และมหาวิทยาลัยใดนะครับ — โดยส่วนตัว เป็นแรงบันดาลใจของผมเสมอมา

พอดีพี่หมอเจ๊ขอมากลางอากาศ ก็เลยค้นมาแสดงไว้ตรงนี้นะครับ

อ่านต่อ »


คุณธรรมกับวิชาการ

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 20 July 2008 เวลา 4:03 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4364

พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันพฤหัสบดี ที่ ๙-๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๕

…หลักของคุณธรรมคือการคิดด้วยจิตใจที่เป็นกลาง. ก่อนที่บัณฑิตจะพูดจะทำสิ่งไร จำเป็นต้องหยุดคิด เสียก่อน เพื่อรวบรวมสติให้ตั้งมั่นไม่โอนเอนและให้จิตสว่างแจ่มใส ซึ่งแรกๆ หัด อาจต้องใช้เวลาบ้าง และอาจ รู้สึกว่าทำได้ยาก. แต่เมื่อปฏิบัติฝึกฝนจนคุ้นเคยชำนาญแล้วก็ตั้งสติคิดอ่านได้คล่องแคล่วรวดเร็วขึ้น. จะแสดง ความรู้ความคิดเรื่องใด แก่ใคร ผู้ฟังก็เข้าใจได้ง่าย ได้ชัด ไม่ผิดหลักวิชา ซึ่งเท่ากับได้ปฏิบัติถูกต้องตรงตาม คุณธรรมของนักวิชาการอย่างครบถ้วน. ดังนี้ หากทุกคนปฏิบัติได้สำเร็จ จะทำให้สามารถเผยแพร่วิชาการ ทั้งหลายที่ร่ำเรียนมา ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกัน ทั้งจะเอื้ออำนวยให้กิจการทั้งปวงที่ทำ ลุล่วงได้ โดยราบรื่น และถูกต้อง. จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายคิดใคร่ครวญให้เห็นจริงพร้อมทั้งให้พยายามระมัดระวังตั้งใจ ที่จะไม่นำเอาวิชาการมาใช้เป็นอุบายโต้เถียงเอาชนะกันแต่อย่างเดียว เพราะการกระทำดังนั้นจะกลับเป็นเหตุก่อ ให้เกิดความไม่เข้าใจและขัดแย้งกันในสังคม. …

อ่านต่อ »


อีกครั้งหนึ่งกับพระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕​

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 July 2008 เวลา 16:53 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4719

…ปัญหาของวันนี้ ไม่ใช่ปัญหาของการบัญญัติ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกวันนี้คือความปลอดภัย ขวัญดีของประชาชน ซึ่งเดี๋ยวนี้ประชาชนทั่วไปทุกแห่งทุกหน มีความหวาดระแวงว่าจะเกิดอันตราย มีความหวาดระแวงว่า ประเทศชาติจะล่มจม โดยที่จะแก้ไขลำบาก ตามข่าวที่ได้ทราบมาจากต่างประเทศ เพราะเหตุว่าในขณะนี้ ทั้งลูกชายทั้งลูกสาวก็อยู่ต่างประเทศ ทั้งสองก็ทราบดี แล้วก็ได้พยายามที่จะแจ้งให้กับ คนที่อยู่ในประเทศเหล่านั้นว่า ประเทศไทยนี้ยังแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่รู้สึกว่าจะเป็นความคิด ที่เป็นความคิดแบบหวังสูงไปหน่อย ถ้าหากว่าเราไม่ทำให้สถานการณ์อย่าง ๓ วันที่ผ่านมานี้สิ้นสุดไปได้ ฉะนั้นก็ขอให้โดยเฉพาะสองท่าน คือพลเอกสุจินดา และพลตรีจำลองช่วยกันคิด คือหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน เพราะว่าเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่า บ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง

ฉะนั้นจึงขอให้ทั้งสองท่านเข้ามา คือไม่เผชิญหน้ากัน แต่หันเข้าหากัน และสองท่าน เท่ากับเป็นผู้แทนฝ่ายต่างๆ คือไม่ใช่สองฝ่าย ฝ่ายต่างๆ ที่เผชิญหน้ากัน ให้ช่วยกันแก้ปัญหาปัจจุบันนี้ คือความรุนแรงที่เกิดขึ้น แล้วก็เมื่อเยียวยาปัญหานี้ได้แล้ว จะมาพูดกัน ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร สำหรับให้ประเทศไทย ได้มีการสร้างพัฒนาขึ้นมาได้ กลับคืนมาได้ด้วยดี อันนี้ก็เป็นเหตุผลที่เรียกท่านทั้งสองมา และก็เชื่อว่าทั้งสองท่าน ก็เข้าใจว่า จะเป็นผู้ที่ได้สร้างประเทศจากซากปรักหักพัง แล้วก็จะได้ผลในส่วนตัวมากว่าได้ทำดี แก้ไขอย่างไรก็แล้วแต่ที่จะปรึกษากัน ก็มีข้อสังเกตดังนี้

ท่านประธานองคมนตรี ท่านองคมนตรีเปรม ก็เป็นผู้ใหญ่ ผู้พร้อมที่จะให้คำปรึกษาหารือกัน ด้วยความเป็นกลาง ด้วยความรักชาติ เพื่อสร้างสรรค์ประเทศ ให้เข้าสู่ความปลอดภัยในเร็ววัน ขอฝากให้ช่วยกันสร้างชาติ

พระราชดำรัสองค์เต็ม พระราชทานแก่ พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง วันพุธที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕


การสื่อสารกับความขัดแย้ง

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 July 2008 เวลา 4:16 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4174

บันทึกนี้ มีข้อสังเกตเรื่องของการพูดคุยเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ แม้จะเป็นเรื่องที่รู้สึกลำบากใจ ความเดิมเริ่มเรื่องจากหนังสือ Getting to YES (1981) ซึ่งให้คำแนะนำสำคัญไว้หลายเรื่อง เช่น

  • อย่าต่อรองในเรื่องของจุดยืน (don’t bargain over positions)
  • แยกตัวตนออกจากปัญหา (separate people from the problem)
  • เน้นประโยชน์ไม่ใช่จุดยืน (focus on interests, not positions)
  • สร้างสรรค์ทางเลือกเพื่อประโยชน์ร่วมกัน (invent options for mutual gain)
  • ตกลงเรื่องวัตถุประสงค์ของการเจรจาก่อน (insist on using objective criteria)
  • เรื่องอื่นๆ เช่น
    • เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ก่อน ในกรณีที่การเจรจาที่เตรียมไว้ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้
    • ถ้าหา win-win solution ไม่ได้ บางทีการไม่ตกลงก็อาจเป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน (ไม่เสีย)

ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ไม่ว่าจะหลีกเลี่ยงหรือเผชิญหน้า ก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำให้ท่านจมปลักอยู่กับคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เครียด นอนไม่หลับ และหาทางออกไม่ได้

ท่านไม่สามารถจะพ้นไปจากภาวะอย่างนี้ได้ จนกระทั่งตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเท่านั้น การกลุ้มใจไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ การประนีประนอมก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีหากไม่บรรลุวัตถุประสงค์

เมื่อเจอปัญหาที่ดูเหมือนไม่มีทางออก เราอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ทางออกที่ดีที่สุดคือการทำให้เป้าหมายสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ลดความกลัวและวิตกจริตซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตั้งสติเรียนรู้ที่จะจัดการกับสิ่งที่ต้องทำอย่างฉลาด

เมื่อเจอภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงเป็นไปได้ยากที่จะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ดังนั้น การไม่เข้ามาอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียตั้งแต่แรก น่าจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า ก่อนจะทำอะไร คิดไตร่ตรองเสียก่อน อย่าสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งขึ้นมา


กระโถน

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 July 2008 เวลา 2:06 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 5396

เป็นกระโถนนี่ ใครมีขยะ+สิ่งปฏิกูลอะไรก็ทิ้งมาหมด จึงทำให้เห็นอะไรจากหลายมุม และรู้สึกกระอักกระอ่วนกับหลายเรื่องที่ไม่เหมาะที่จะพูด กระโถนไม่ได้สร้างสิ่งปฏิกูลขึ้นมา แต่สิ่งปฏิกูลถูกสร้างมาจากผู้คนอันสูงส่งต่างหาก

บอกได้อย่างหนึ่ง ว่าเรื่องที่คิดว่าใช่แน่ๆ นั้น อาจพลิกเป็นอีกอย่างได้อย่างน่าอัศจรรย์

คนเรานี่ก็แปลก ชอบถามหาเหตุผลโดยไม่รู้หรอกว่าเหตุผลกับข้อแก้ตัวนั้น เป็นเรื่องที่ทับซ้อนกันอยู่ ใช่หรือไม่ใช่ขึ้นกับมุมมอง — จุดดำในรูปทางขวา มีขนาดเท่ากันทั้งสองจุด

illusionความผิดเป็นของคนอื่นทั้งนั้น เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็พยายามทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ดังนั้นความผิดจึงเป็นของคนอื่นเสมอ คนอื่นโง่ ไม่แยกแยะดีชั่ว มีตัวเราดีและถูกต้องคนเดียว

ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็ไปหาพวกพ้องใกล้ตัวมาผลัดกันชม ชมกันไป ชมกันมา สบายใจดี

ยิ่ง “สูง” ก็ยิ่งกลัวตก ยิ่งได้รับการยกย่อง ยิ่งทำให้หลง และกลับยิ่งมีพื้นที่ในจิตใจที่จะต้องรักษามากขึ้น ติดแหงกอยู่กับอัตตา

จะแก้ไขความขัดแย้งเปิดใจก่อนครับ เข้าใจก่อนว่าขัดแย้งกันเรื่องอะไร ถ้าเอาตัวตน ฝักฝ่ายเข้ามาปน สาเหตุก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะมันจะนำไปสู่สถานะ ชนะหรือแพ้เท่านั้น การแก้ไขกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป


บทชวนรักชาติ

อ่าน: 4463
    เรานี้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติศาสนา
ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย
แม้ใครตั้งจิตคิดรักตัว จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน
ควรจะร้อนอกร้อนใจ เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน
ชาติใดไร้รักสมัคสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร
    ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส
เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา
    เพราะฉะนั้นชวนกันสวามิภักดิ์ จงรักร่วมชาติศาสนา
ยอมตายไม่เสียดายชีวา เพื่อรักษาอิสระคณะไทย
สมานสามัคคีให้ดีอยู่ จะสู้ศึกศัตรูทั้งหลายได้
ควรคิดจำนงจงใจ เป็นไทยจนสิ้นดินฟ้า
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว   
พุทธศักราช ๒๔๕๔

อ่านต่อ »


Lanpanya hack (2)

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 18 July 2008 เวลา 14:47 ในหมวดหมู่ ลานปัญญา #
อ่าน: 3143

ลองวิชาอีกแล้ว — ค้นหาคำตอบ 5 นาที, ลงมือแก้ไข 15 วินาที, ทดสอบ 15 นาที

ในขณะนี้ ได้เปิดให้ embed Flash (เช่น YouTube  Slideshare ฯลฯ) หรือ script/code snipplet ต่างๆ ที่เว็บ 2.0 ใช้กันในบันทึกที่ลานปัญญานี้ได้ แต่จะต้องระมัดระวังเรื่องของลิขสิทธิ์ด้วยครับ

หากพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในลานปัญญา กรุณาแจ้ง admin (ซึ่งไม่ใช่ผม) ในทันที

กรุณาอย่าเอาสิ่งละเมิดลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงในบันทึกครับ


KM 2.0

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 18 July 2008 เวลา 14:26 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้ #
อ่าน: 3653

สรุปอย่างง่ายว่า KM goes social เป็นเรื่องของเครือข่าย เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเป็นการนำไปปฏิบัติ ทดลอง ต่อยอด ไม่ใช่แค่ฟังบรรยายแห้งๆ อ่านแห้งๆ รู้แห้งๆ พล่ามต่อแบบแห้งๆ

SlideShare

สไลด์นี้ให้สิทธิ์แบบ Creative Commons แบบ Attribution และ Share Alike



Main: 0.17407393455505 sec
Sidebar: 0.4650719165802 sec