หลังวิกฤติแห่งความแตกแยกในสังคม

โดย Logos เมื่อ 21 July 2008 เวลา 21:30 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3943

“เหตุการณ์เดือนตุลาคม” มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นสองเรื่องคือเหตุการณ์​ ๑๔ ​ตุลาคม ๒๕๑๖ และเหตุการณ์​ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ในเวลานั้น หลายคนยังไม่เกิด หลายคนยังไม่เดียงสา มีอีกหลายคนเช่นกันที่เมื่อหลายปีผ่านไป เหตุการณ์ลืมเลือน อุดมการณ์เปลี่ยนแปลง

ต่างฝ่าย ต่างคิดมุ่งมั่นอยู่ในความชนะหรือแพ้ ถูกหรือผิด เหตุผล ความถูกต้อง ความเป็นธรรม แต่ละฝ่ายต่างก็คิดว่าตนสูงส่ง ดีกว่า ถูกต้องกว่า

ผมอัญเชิญพระราชดำรัสสององค์ ที่พระราชทานแก่หมู่คณะขนาดใหญ่ ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มีข้อสังเกตว่า ไม่มีเรื่องชนะ-แพ้ ถูก-ผิด ถูกต้อง-เป็นธรรม พระราชดำรัสทั้งสององค์ (รวมทั้งองค์ที่พระราชทานหลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ) ยังเป็นเรื่องความอยู่รอดของบ้านเมือง เรื่องประชาชน เรื่องหน้าที่ของแต่ละคนเพื่อส่วนรวม

เตือนไว้ก่อนครับว่ายาวมาก แต่ผมคิดว่าน่าอ่าน น่าศึกษา


กระแสพระบรมราโชวาท เรียบเรียงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายพงศ์ศักดิ์ วรสุนทโรสถ อธิบดีกรมอาชีวศึกษา
นำนักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ ของสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา และสามัญศึกษา
เฝ้า ฯ รับพระราชทานพระบรมราโชวาท.
ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร
วันเสาร์ ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖

ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้มีโอกาสพบปะกับนักเรียนนักศึกษาทั้งหลาย ผู้เป็นผู้แทนของนักเรียนและ นักศึกษาอีกมากหลาย และทราบดีว่าในระยะนี้มีความสะเทือนใจมาก โดยได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ทำให้มีความรู้สึกเป็นพิเศษ เรื่องที่ได้ผ่านมานี้ย่อมเป็นสิ่งที่น่าสะเทือนใจมากจริง ๆ แต่ว่าถ้าเราทุกคนจะพิจารณาดูแล้วก็จะต้องถือว่าเป็นบทเรียน และเป็นสิ่งที่จะเป็นรากฐานสำหรับอนาคตได้ ฉะนั้นเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจึงต้องรับการพิจารณาอย่างรอบคอบ ในเบื้องต้นก็ขอแสดงความชื่นชม แม้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่น่าหนักใจปานใด แต่ความร่วมมือของเหล่านักเรียนนักศึกษาก็ทำให้สามารถกลับคืนสู่สภาพปรกติในไม่ช้าในเวลาอันสั้น ที่เห็นได้ชัดอย่างยิ่งก็เช่นการจราจร ซึ่งในเวลาที่ปั่นป่วน มีเหล่าลูกเสือได้มาช่วยอำนวยความสะดวก ซึ่งทำให้สถานการณ์เบาบางลงไปอย่างยิ่ง นอกจากนี้เวลามีเหตุอะไร ทุกคนก็ได้ช่วยกันเพื่อให้ระงับเหตุ อันนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้บ้านเมืองของเราแม้จะมีควา ปั่นป่วนได้กลับคืนสู่สภาพปรกติได้ และอย่างที่อธิบดีได้กล่าวว่านานาประเทศได้มีความยุ่งยาก แต่ประเทศไทยแม้จะมีความยุ่งยากก็ยังอยู่ได้ มั่นคงได้ อันนี้เป็นความลับ ฉะนั้นทุกคนจะเป็นนักเรียน จะเป็นนักศึกษา จะเป็นครูในสถาบันใดก็ตาม ตลอดจนประชาชนทั่วไปก็จะต้องสำนึกถึงข้อนี้ซึ่งสำคัญ คือคนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด มีศาสนาใด มีอาชีพใด ย่อมต้องช่วยซึ่งกันและกัน ช่วยกันอุ้มชูชาติบ้านเมืองคือส่วนรวมให้อยู่ได้ ข้อนี้ได้พูดมาเสมอ และคงได้ยินจากหลายคนที่ให้คำแนะนำให้โอวาทว่าทุกคนต้องนึกถึงส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ที่ต้องเห็นแก่ส่วนรวมเป็นที่ ตั้งนั้นก็เพราะเหตุว่า แต่ละคน แต่ละบุคคลต้องอาศัยส่วนรวมเป็นที่อยู่อาศัย ถ้าส่วนรวมอยู่เย็นเป็นสุขแต่ละบุคคล ก็อยู่เย็นเป็นสุข ฉะนั้นทุกคนมีหน้าที่ที่จะสร้างให้ส่วนรวมมีความมั่นคงและความสงบ

เพื่อการนี้ก็ต้องพิจารณาต่อไปว่าจะทำอย่างไร แต่ละคนมีหน้าที่และได้รับคำบอกอยู่เสมอว่านักเรียนก็มีหน้าที่ที่จะเรียน อันนี้อาจน่ารำคาญบ้าง แต่ว่าเหตุผล คือแต่ละคนมีพลังของตัวสร้างขึ้นมา และรวมพลังก็เป็นพลังแรง พลังนี้มีหลายชนิด พลังกายและพลังใจ ทั้งพลังความรู้ ถ้าได้รวบรวมพลังกายได้แล้วก็เป็นสิ่งอย่างหนึ่งที่น่าชื่นชม เพื่อให้พลังกายนี้ได้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้มากยิ่งขึ้น ต้องพยายามที่จะสร้างพลังวิชาความรู้และ พลังใจให้มีขึ้น พลังจิตใจนี้ถ้าพูดโดยส่วนรวมแล้วเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะรวมทั้งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะทราบว่าสิ่งใด ควรสิ่งใดไม่ควร ทั้งทำให้สามารถที่จะคิดดีชอบเพื่อให้ตนได้สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตน เพื่อตนเองและเพื่อส่วนรวมได้ดี ยกตัวอย่างเวลาเรามีความโกรธแค้น เราก็มีกำลังกายมาก แต่ว่ากำลังกายนั้นอาจมีไม่ได้เต็มที่ คือไม่ได้รับการควบคุมจากวิชาความรู้หรือสิ่งที่ดีที่อยู่ในตัวได้ อาจเปะปะไปบ้าง ฉะนั้นความโกรธนั้นก็เป็นผลทำให้เรา ไม่สามารถที่จะใช้กำลังกายโดยเต็มเปี่ยม เหตุผลก็คือเวลาเรามีความโกรธ จิตใจของเราไม่สว่าง มีสิ่งที่มาครอบอยู่ ทำให้มืดมนไม่เห็นทางเราจึงอาจเปะปะ และมิใช่เฉพาะความโกรธ ความเศร้าก็ทำให้มืดก็ได้ หรือแม้แต่ความดีใจก็ทำให้มืดก็ได้ ฉะนั้นทุกคนจึงมีหน้าที่ที่จะควบคุมจิตใจ ทั้งจิตใจทางโกรธ ทางเศร้า หรือทางดีใจเพื่อให้ทุกคน สามารถที่จะมีความสว่างในใจ

ในวันนี้เพื่อที่จะให้ขจัดความเศร้าหรือความโกรธหรือความดีใจเพื่อให้มีความสว่างจึงได้มีการสวดมนต์ของพระทั่วราชอาณาจักร เพื่อที่จะให้มีความสว่างไสวในใจของประชาชนทุกคน การสวดมนต์ครั้งนี้ก็เป็นทางหนึ่งที่จะทำให้ระลึกถึงสิ่งที่ดีที่งาม และทำให้บุคคลแต่ละคนสามารถที่จะหาความสว่าง ที่สวดมนต์วันนี้ก็เป็นการสวดมนต์ทางพุทธศาสนา แต่ศาสนาอื่น ๆ ก็ได้มีการสวดมนต์เหมือนกัน ประชาชนในประเทศไทยก็มีศาสนาต่าง ๆ นานา แต่ละคนก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะยึดและมีความดีที่จะยึด ฉะนั้นควรที่จะพยายามที่จะยึดสิ่งที่ดีเพื่อความสว่างของตน

คราวนี้มาว่าถึงวิธีที่จะทำให้มีความสว่าง สามารถที่จะมองเห็นสิ่งที่ดีที่งาม และสามารถที่จะสร้างกำลังใจ และกำลังวิชาให้แก่ตน คือแต่ละคนที่มาในวันนี้ก็เป็นผู้ที่กำลังศึกษาวิชาความรู้ในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ในวันข้างหน้าเพื่อสร้างตน สร้างบ้านเมืองให้มีความเจริญ ให้สามารถที่จะใช้วิชาความรู้ให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมและแก่ส่วนตัว ถ้าแต่ละคนพากเพียรที่จะศึกษาในวิชาการ จะเป็นวิชาการใดก็ตามอย่างเคร่งครัดและอย่างขะมักเขม้น ก็จะแก้ปัญหาในการสร้างบ้านเมืองได้อย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าถ้าขาดวิชาความรู้ก็เท่ากับไม่สามารถที่จะใช้กำลังของตนเพื่อให้เป็นประโยชน์ได้เต็มที่ เมื่อมีโอกาสเรียน ก็จะทำให้สร้างเสริมตนเองให้มีสามารถสูง ทำให้มีทางที่จะช่วยส่วนรวมมากขึ้น ตัวเองเท่ากับเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง เครื่องมือทุกชนิดถ้าเราไม่สามารถที่จะใช้ ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เครื่องมือมีเครื่องมือที่ง่ายๆ และมีเครื่องมือที่ค่อนข้างจะมีกลไกที่ยุ่งยากและสับสน กลไกที่ยุ่งยากสับสนนั้น ถ้าทุกคนจะใช้ก็ต้องพยายามเรียนรู้ แต่กลไกที่ง่ายๆ หรือเครื่องมือที่ง่ายๆ ก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน ให้ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคืออย่างไม้บรรทัดที่แต่ละคนต้องใช้ทุกวิชาเขาก็ใช้ไม้บรรทัดตีเส้น โดยเฉพาะวิชาอย่างช่างก่อสร้างเขาก็ใช้ไม้บรรทัดสำหรับขีดเส้น ถ้าหากเราใช้ไม่เป็นก็ถือว่าเป็นไม้ แล้วก็เท่าที่ได้เห็น บางทีเคยเห็น เขาถือไม้บรรทัดไว้เป็นสำหรับตีหัวคน ไม่ใช่สำหรับมาใช้เพื่อที่จะวัดส่วนและขีดเส้น การใช้ไม้บรรทัดมาตีหัวคนนั้น ก็มีประโยชน์เหมือนกัน แต่ว่าประโยชน์ของไม้บรรทัดก็จำกัดในข้อนั้น ใช้ไม้อื่น ๆ ก็ยังได้ แต่ถ้ามาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ของไม้บรรทัด ก็จะทำให้สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดี แล้วก็เป็นประโยชน์มากขึ้นตามลำดับ ไม้บรรทัดนั้น ส่วนมากก็มีขีดเอาไว้ว่ามีเซนติเมตร บางอันที่มีมากกว่า อาจมีเป็นมุมฉากหรือเป็นมุมต่าง ๆ ถ้าเรามาใช้ ประโยชน์จากไม้บรรทัดนี้ เราก็จะสามารถจะสร้างตึกรามที่ใหญ่โต เขียนแบบเขื่อนหรือสร้างถนนได้ เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมแก่ตนเองได้มาก ฉะนั้นการใช้เครื่องมือก็ย่อมต้องเรียนรู้วิชาให้ใช้เป็นประโยชน์ให้ใช้เต็มที่ แต่ละคนมี สมอง มีกาย ก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ให้ถูกต้องเพื่อที่จะเป็นประโยชน์แก่ตน ประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงขอวิงวอนให้ นักเรียน นักศึกษาทั้งหลายให้พยายามที่จะสร้างตนเองด้วยการขะมักเขม้นในการเรียน การเรียนนี้เขาอาจว่าได้ ว่าที่บอกให้เรียนเถิดนั้น อาจนึกว่าให้เรียนเพราะว่าไม่อยากให้มาก่อความวุ่นวาย ถ้ามาถามว่าเป็นเช่นนี้จริงหรือเปล่า ก็ขอตอบว่าจริงส่วนหนึ่ง เพราะว่าคนที่มีความรู้จะสามารถที่จะก่อความวุ่นวายในทางที่มีประโยชน์ถ้าเราก่อวุ่นวายทั้งที ก็ขอให้ก่อวุ่นวายที่เป็นประโยชน์ ในระยะเวลาที่ผ่านมาก็เป็นเวลาหลายปีอยู่ ก็เห็นว่ามีการแสดงความวุ่นวายที่เป็นประโยชน์บ้างไม่เป็นประโยชน์บ้าง แต่ที่ไม่เป็นประโยชน์ก็มากอยู่ ไอ้ไม่เป็นประโยชน์นี้แหละที่หนักใจ ถึงขอให้ทุกคนพิจารณาในการหาความรู้วิชาการและหาความรู้ในทางจิตใจ เพื่อที่จะให้ความวุ่นวายที่ไม่เป็นประโยชน์นั้นเป็นประโยชน์ขึ้นมา ความวุ่นวายที่จะไม่เป็นประโยชน์นั้นเป็นสิ่งที่มีข้อเสียหายหลายอย่าง เสียหายต่อตนเอง คือแต่ละคน แต่ละนักเรียน แต่ละนักศึกษา และเป็นข้อเสียแก่บ้านเมือง คือข้อเสียแก่แต่ละคน และแก่ชื่อเสียงของสถาบันของตน จะเป็นโรงเรียน จะเป็นมหาวิทยาลัย จะเป็นวิทยาลัยก็ตาม เสียหายเพราะว่าทำให้คนเขา เสื่อมความนับถือ ถ้าก่อความวุ่นวายที่ไร้ประโยชน์ ทำให้เสื่อมความนับถือ ก็ทำให้เสื่อมกำลังของตนเองด้วยซ้ำ เพราะว่าคนก็ระแวงคนก็ดูถูก ฉะนั้นที่ขอวิงวอนให้เรียนและไม่ให้ก่อวุ่นวายนั้นไม่ใช่เพราะผู้พูดวิงวอนเพื่อผู้พูด แต่ว่าวิงวอนเพื่อตัวของท่านเองทุกคน เพื่อให้มีชื่อเสียงที่ดี เมื่อมีชื่อเสียงที่ดีแล้ว กำลังของแต่ละคนจะเพิ่มขึ้นมา จะมีคนทั่วไปเขาเกรงใจเขานับถือความคิดที่ดี ซึ่งทุกคนก็เชื่อมั่นว่ามีความคิดที่ดี ที่จะสร้างงาน สร้างบ้านให้เจริญ ให้ไม่เหมือนนานาประเทศที่เขาล่มจม ไม่เหมือนนานาประเทศที่เขาประสบเหตุร้าย ให้เป็นเมืองไทยเป็นประเทศไทยที่คงอยู่ ที่มีเกียรติและมีความมั่นคง ก็ขอให้ทุกคนพยายามสร้างตนเพื่อที่จะสร้างบ้านได้ ข้อที่ได้กล่าวเหล่านี้ก็ ยินดีที่ทราบว่าแต่ละคนคิดอยู่เสมอคิดมาอยู่ตลอด และเชื่อว่าทุกคนก็พยายามคิดยิ่งขึ้นในทุกวันนี้ เพราะว่าเหตุการณ์ของบ้านเมืองคับขัน ถ้าทุกคนพยายามที่จะขะมักเขม้นในหน้าที่ของตน คือศึกษาวิชาความรู้ศึกษาใจของตัว ศึกษาสิ่งที่ดีที่งาม และปรองดองกัน ใช้กำลังของตัวในทางที่สร้างสรรค์ในทางที่จะเป็นประโยชน์ หรือสร้างเกียรติของตน ซึ่งเท่ากับสร้างเกียรติของบ้านเมือง เราแน่ใจได้ว่าบ้านเมืองของเราจะอยู่ ทุกคนจะมีเสรีภาพทุกคนจะมีที่อยู่อย่างสบายอย่างก้าวหน้าได้แน่ ไม่ต้องให้ใครมากดหัวขี่ และประชาธิปไตยที่ทุกคนปรารถนาก็จะเกิดขึ้น โดยแท้

ในข้อสุดท้ายก็ขอพูดถึงว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดนี้ คือการสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลาต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนในความเพียร ของตน ต้องถือว่าวันนี้เราทำยังไม่ได้ผล อย่าไปท้อบอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก วันนี้เราทำ พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ เดือนหน้าเราก็ทำ ผลอาจได้ปีหน้า หรืออีกสองปีหรือสามปีข้างหน้า แต่ว่าถ้าสมมติว่าวันนี้เราทำแล้วบอกว่าไม่มีประโยชน์ เพราะว่าพรุ่งนี้ไม่ได้ผล เลิกเสีย พรุ่งนี้ไม่ได้ผลแน่ เป็นสิ่งที่แน่นอน แต่ว่าพรุ่งนี้เราจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ทราบ ก็เชื่อว่าอยู่ แต่ว่าปีหน้าเราจะอยู่หรือไม่ถ้าเราหยุดทำสิ่งที่ดี ฉะนั้นความไม่ย่อท้อ ความเพียร ความเพียรนี่หมายความว่าไม่ใช่ความเพียรในการทำงานเท่านั้นเอง หมายถึงความเพียรที่จะข่มใจตัวเองด้วย ความกล้าหาญที่จะข่มใจตัวเองให้อดทน ไม่ใช่อดทนแล้วก็เหมือนว่าใครทำก็ทำไป เราทนเอาไว้ เท่ากับคนอื่นเขาเอาเปรียบเรา ไม่ใช่อดทนที่จะยังไม่เห็นผล อดทนที่จะทราบว่าสิ่งใดที่เราทำต้องใช้เวลา ถ้าเราอดทน หรือถ้าพูดตามธรรดาว่า “เหนียว” ไว้ อดทนในความดี ทำให้ดี เหนียวไว้ในความดีแล้ว ภายภาคหน้าได้ผลแน่

เคยพูดมาหลายแห่งแล้วหลายเรื่อง อย่างเช่นความเลวต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมืองไทยความทุจริตคอรัปชั่นนั้นมี ถ้าแต่ละคนมีปณิธานที่จะไม่คอรัปชั่น ที่จะไม่ทุจริต และสะสมพลังของตน สร้างตัวเองให้มีความรู้ให้มีความ แข็งแกร่ง และรักษาความรู้นั้น รักษาความแข็งแกร่ง ความมีปณิธานที่จะสร้างความดีสำหรับส่วนรวมและสำหรับส่วนตัว ถ้ารักษาเหนียวไว้ในความดีนี้ภายภาคหน้าความดีนั้นเกิดขึ้น เราก็ต้องรักษาความดีนั้นไปตลอดคนที่ยัง มีอายุน้อยมีกำไรเพราะว่าสามารถที่จะถึงในภายหน้าในอนาคตได้ ถ้าเรารักษาความดีวันนี้จริง ๆ คือรักษาความดี ที่สุจริต บริสุทธิ์แท้ ๆ รักษาไว้ได้ สิบปีข้างหน้าท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่มีหน้าที่สำคัญ งานการสำคัญ ผู้ที่อยู่ในหน้าที่ ในงานการสำคัญจะเป็นคนสุจริต จะเป็นที่ไม่คอรัปชั่น เป็นที่มีวิชาความรู้ก็สร้างบ้านเมืองได้ มีอิทธิพล ยิ่งยี่สิบปีข้างหน้าคนที่มีความบริสุทธิ์ใจที่รักษาไว้ ที่เหนียวไว้จะมีมากขึ้น แล้วคนเลวก็ต้องถอย เมืองไทยก็จะมีแต่คนที่บริสุทธิ์ใจ แต่ก็เป็นความหวัง จึงขอวิงวอนเป็นครั้งสุดท้ายว่า ต้องเรียน ต้องหาวิชาต้องสร้างตัวเอง มีความคิด พิจารณาที่รอบคอบ และเหนียวไว้ในความดีบริสุทธิ์ จึงจะทำให้งานที่ทำ ปณิธานที่ตั้งไว้ในระยะนี้เป็นผลเกิดเป็นประโยชน์ ก็ขอพูดแค่นี้ ขอให้การที่ทุกคนได้มีความสามัคคี มีความตั้งใจที่ดี มีความเข้มแข็ง ช่วยซึ่งกันและกัน ช่วยส่วนรวมเช่นนี้ เป็นผลทำให้ประสบความสำเร็จที่แท้จริง ที่บริสุทธิ์ และขอให้ทุกคนมีกำลังใจ กำลังกาย ต่อเนื่องไปเวลานาน ประสบแต่ความที่ดี ความที่งาม ประสบความสำเร็จ ทั้งในการศึกษา ทั้งในกิจการเพื่อความ เจริญรุ่งเรืองของส่วนรวม และความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละคน ขอจงมีความสุขความเจริญทุกประการ.


พระราชดำรัส เรียบเรียงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้
พระราชทานในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดชลบุรี
ณ โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี
วันพุธที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๙

โอกาสการมอบธงลูกเสือชาวบ้านประจำรุ่นต่างๆ นี้ เป็นโอกาสที่น่ายินดีอย่างยิ่งและต้องถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญมาก ที่ว่าสำคัญมีหลายประการ และความยินดีก็มีหลายประการ หลายขั้น

ที่สำคัญอันดับแรก ก็คือเป็นโอกาสที่จะมาทวนคำปฏิญาณ ซึ่งท่านทั้งหลายได้แสดงรหัส และได้ทวนคำปฏิญาณ คำปฏิญาณนี้ดูเผินๆ ไม่มีอะไรมากนัก สั้นที่สุด แต่ความสั้นนั้นไม่ได้หมายความว่าไม่ซึ้ง ถ้าเรามาดูหัวข้อต่างๆ ของคำปฏิญาณ เข้าใจให้ซึ้งและปฏิญาณให้ดี เข้าใจว่าจะได้ความเจริญ โดยเฉพาะการทวนคำปฏิญาณในท่ามกลางลูกเสือชาวบ้านที่เป็นเพื่อน ที่เป็นสมาชิกของรุ่นต่างๆ จำนวนหลายสิบรุ่น ก็นับว่าเป็นการกระชับความไมตรีระหว่างกัน ข้อนี้เป็นข้อสำคัญ ที่ว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศก็ทำกันอย่างนี้เอง คือเห็นว่าเราต้องเห็นชัดว่าเรามีประเทศ ถ้าจะจงรักภักดีต่อประเทศ เราต้องเห็นว่ามีประเทศ ประเทศคืออะไร ประเทศคือดินแดน และประชาชนผู้ที่ถือว่าจะอยู่ด้วยกัน เห็นว่าการอยู่ด้วยกันมีความสุข มีความมั่นคง มีความปลอดภัย ถ้าจะอยู่ด้วยกันด้วยความสุข ความมั่นคง ความปลอดภัย จะต้องเข้าใจกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จะเป็นคนจากภาคไหนของประเทศก็ตาม ก็เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น คำว่าพี่น้องของประชาชนที่อยู่ในประเทศเดียวที่ถือว่าเป็นคนชาติไทยด้วยกัน ความเป็นพี่น้องนี้ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ตื้น เป็นสิ่งที่ซึ้ง จะต้องรักษาความเป็นพี่น้องนี้ด้วยความสามัคคี ทั้งเห็นว่า วันนี้ ได้ทวนคำปฏิญาณด้วยกัน คนจำนวนพัน และแยกออกไปเป็นรุ่นจำนวนหลายสิบ ซึ่งสำคัญมาก

ทีนี้มาถึงความยินดี ความยินดีนี้ที่ว่าแบ่งเป็นขั้นต่างๆ เราจะต้องดูว่ามีความยินดีอย่างไรบ้าง มีความยินดีเป็นบุคคล แต่ละคนๆ ที่อยู่ในที่นี้ ผู้เป็นลูกเสือชาวบ้าน ก็ได้ผ่านการฝึกมาเหมือนกันทั้งนั้น การฝึกนี้เป็นระยะสั้น จะหาว่าเป็นการฝึกที่ตื้นก็ได้ แต่เรารู้ดีว่าเป็นการฝึกที่ลึกซึ้ง เพราะว่าเราผู้ที่ได้ผ่านการฝึกเป็นเวลาเพียง ๕ วัน และได้เป็นลูกเสือชาวบ้านเต็มตัว เข้าใจดี เพราะเราซึ้ง เราเข้าใจ เราเข้าใจตัวเองว่า เรามีความหมายเรามีประโยชน์ เราเป็นส่วนหนึ่งของรุ่น เราเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอ ของจังหวัด เราเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ เราเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งมีสิทธิ และมีหน้าที่ที่จะรักษาส่วนรวมนี้ไว้ เราจึงมีความภาคภูมิใจว่า เรามีประโยชน์ เราเป็นประโยชน์ การฝึก ๕ วันนี้ ทำให้เราทราบดังข้อนี้ เมื่อทราบถึงข้อนี้แล้ว เราก็ซึ้ง ไม่ใช่เผิน ฉะนั้นสำหรับบุคคลก็ซึ้งในความดีของตัว ปรารถนาที่จะนำความดีนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเราจะสามารถทำความดีต่อประเทศ เพราะเรามีเพื่อน เรามีเพื่อนร่วมรุ่น การฝึกของตนให้สามารถที่จะเห็นประโยชน์ของตน และวิธีที่จะใช้ประโยชน์ของตน เพื่อเป็นประโยชน์ของส่วนรวม ให้บ้านเมืองของเราอยู่มั่นคง นี้เป็นความรู้ที่สำคัญ และเมื่อได้ความรู้แล้ว ก็มีสิทธิที่จะได้เครื่องหมาย คือผ้าพันคอของลูกเสือชาวบ้าน ผ้าพันคอของลูกเสือชาวบ้านนี้ เป็นเครื่องหมายว่า บุคคลนั้นเข้าใจ และตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนต่อส่วนรวมไม่บิดเบี้ยว ไม่บิดเบี้ยวหน้าที่ จะต้องทำหน้าที่ให้ดี โดยซื่อตรง โดยใจบริสุทธิ์สุจริตบางทีอาจจะมีสิ่งที่ล่อใจ เราก็รู้ ถ้าเรารู้ว่ามันเป็นสิ่งล่อใจไปในทางที่ไม่ถูกไม่ต้อง เราก็ระงับ ผู้ที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งล่อใจ อะไรเป็นสิ่งที่ดี อะไรสิ่งที่เลว ผู้นั้นอาจจะทำผิดได้ แต่ว่าความผิดของผู้นั้น คือความไม่ต้องการที่จะรู้เรื่อง ก็เป็นความผิดอยู่ดี แต่เป็นความผิดที่ทำให้ไม่สามารถที่จะเห็นความดี ตนก็ไม่ได้ความดี ลูกเสือชาวบ้านเห็นความดี เห็นทางที่ถูกต้องแล้ว ก็ปฏิบัติได้ เลือกสิ่งที่ดีที่งาม สิ่งที่ดีที่งามนี้ จะเป็นเครื่องหมาย จะเป็นสิ่งที่แสดงตน มีสง่าราศรี

ฉะนั้น ลูกเสือชาวบ้านทั้งหลายไม่ต้องมีเครื่องแบบประจำตัว เครื่องหมายใดๆ ประจำตัว นอกจากผ้าพันคอซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เครื่องหมายสำคัญก็คือความเข้มแข็ง ความดีคือความปรารถนาดี ความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อลูกเสือชาวบ้านได้รับผ้าพันคอประจำตนแล้ว ประจำความดีของตน ก็ต้องเห็นว่าเราอยู่เป็นรุ่น คือเป็นกลุ่มเป็นกลุ่มนี้เพื่อที่จะให้รู้ว่าเราหันหน้า เรามีเดือดร้อน เราอยากจะช่วยคนอื่น เราก็ต้องหันหน้าให้คนอื่นไปพบ ไปดูหน้าเขาว่าเขาต้องการอะไร หรือเขามีอะไรที่จะมาช่วยเรา คือ หันหน้าหากันด้วยความปรองดอง ฉะนั้นรุ่นนี้เป็นสิ่งสำคัญ ในแต่ละรุ่นมีจำนวนจำกัด มีกฎเฏณฑ์ หรือควรจะมีกฎเกณฑ์ว่า เป็นคนที่รู้จักกัน ถ้าไม่รู้จักกันก็ขอให้ทำความรู้จัก แต่เข้าใจว่าทุกคนในรุ่นแต่ละรุ่นก็รู้จักกัน รู้จักเพราะว่าเป็นคนในท้องที่เดียวกัน ร่วมกันมาฝึกเพื่อที่จะมาช่วยกัน เพราะว่าหลายคนช่วยกันด้วยความปรองดองย่อมมีประโยชน์มากกว่า และมีความปลอดภัย ความมั่นคงกว่า ฉะนั้นจุดประสงค์ของรุ่นนี้ คือรวบรวมคนที่อยู่ในท้องที่เดียวกัน เพื่อที่จะช่วยกันสร้างความมั่นคง ความเจริญและความดีร่วมกัน ฉะนั้นขอให้ถือว่าเพื่อนร่วมรุ่นนั้น ต้องรู้จักกัน รู้ความสามารถของเขา รู้ความต้องการของเขา จะได้ช่วยกันได้ รุ่นนี้จึงมีธงประจำรุ่น เป็นการแสดงว่าเป็นรุ่น เป็นสัญลักษณ์ เป็นอันหนึ่ง ลูกเสือชาวบ้านเป็นบุคคลจำนวนหนึ่ง มาอยู่ร่วมกันเป็นรุ่น ก็เป็นรุ่นหนึ่ง เป็นปึกแผ่น บัดนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นของจังหวัด ของอำเภอ และของจังหลัด ฉะนั้นแต่ละรุ่นก็ควรจะทำความเข้าใจกับรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อความมั่นคง ความปลอดภัย เช่นเดียวกัน ที่ว่าต้องรู้จักกับรุ่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพราะเหตุว่าถ้ามีภัยอะไรมา ย่อมต้องผ่านบริเวณใกล้เคียงเข้ามา เราจะได้รู้ตัว รู้ทัน และถ้าเรามีเหตุอะไร เราจะได้แจ้งให้รุ่นที่อยู่ใกล้เคียงทราบได้ เป็นอันว่าชุมนุมรุ่นขึ้นมาเป็นรุ่นต่างๆ ของอำเภอ ก็รู้จักกัน ก็มีผู้แทนของตนไปรู้จักกับผู้แทนของรุ่นนั้น เป็นอำเภอ เป็นจังหวัด ตลอดจนเป็นทั้งประเทศ รุ่นต่างๆ ที่ใกล้เคียงกันก็ทำความรู้จัก เพื่อสร้างความมั่นคง เพื่อสร้างความเจริญ ความปลอดภัยทั่วออกไปทั้งประเทศ ฉะนั้นถ้ามีเกิดเหตุอะไรก็สามารถที่จะช่วยหนุนกัน เพื่อความปลอดภัยส่วนรวมของประเทศ ประเทศนี้มีธงเหมือนกัน มีสัญลักษณ์คือธงชาติ ฉะนั้นก็ต้องถือความสำคัญของชาติ เพื่อที่จะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเราทุกคน ที่เราจะต้องเทอดทูนแล้วเราจะต้องระลึกถึง

ฉะนั้น วันนี้ที่บอกว่ามีความยินดีเป็นขั้นๆ ก็ขอบอกว่าเป็นความยินดีส่วนบุคคลของแต่ละคน ลูกเสือชาวบ้านที่ยินดีมาพบกัน เป็นความยินดีระดับรุ่น เพราะว่าแต่ละรุ่นก็มีสมาชิกมาพบปะกัน มาอยู่ด้วยกัน มาตั้งปณิธาน ปฏิญาณตนที่จะช่วยกัน หลายรุ่นๆ มาอยู่ด้วยกันในที่นี้ ก็เป็นความยินดียิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก เพราะว่าแสดงให้เห็นว่าเรามีพรรคพวกที่คิดดีเหมือนกัน ทำให้เราสบายใจว่าจะมีความปลอดภัย ความเจริญ ความมั่นคง และสำคัญที่สุดตักเตือนเราว่า ปฏิญาณตนที่เราตั้งใจจะทำดี จะซื่อสัตย์สุจริตนั้น มีคนเขามอง มีคนเขาดูว่าเราทำตามที่ได้ปฏิญาณหรือเปล่า ถ้าเราไม่ทำตามที่ปฏิญาณ เพื่อนลูกเสือชาวบ้านก็จะต้องเตือน เราไม่ตำหนิ เราไม่ลงโทษ แต่เตือน เราตักเตือนว่าทำอย่างนี้ดีทำอย่างนี้ไม่ดี เพื่อส่วนรวม และเพื่อตัวเอง ขอให้ทำให้มันดี ไม่ใช่ลงโทษ การลงโทษนี่ไม่เกิดประโยชน์มากนัก ฉะนั้นการที่ท่านทั้งหลายมาชุมนุมอยู่นี้ และปฏิญาณ ร่วมกันปฏิญาณ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ และน่ายินดีสำหรับทั้งประเทศ และผู้ที่เป็นสมาชิกของประเทศ คือประชาชนทุกคน ยินดีว่าได้เห็นทุกคนปฏิญาณที่จะทำสิ่งที่ดีที่งาม รักษาส่วนรวม รักษาความดีของประเทศ และรักษาความดีของตน ฉะนั้นก็ขอให้เป็นพยานซึ่งกันและกัน ในการปฏิญาณตน อันนี้ก็เป็นความยินดียิ่งใหญ่ ความยินดียิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ ถือว่าท่านทั้งหลายเป็นส่วนของประเทศ เป็นการแสดงความตั้งใจที่แน่วแน่ที่จะรักษาความมั่นคงของประเทศ ก็เป็นความยินดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะทราบดีว่าตราบใดที่คนไทยเราตั้งมั่นอยู่ในความสามัคคี ตั้งมั่นในความดี คือปฏิบัติการที่ไม่เสียหาย จะมีกำลังรักษาความมั่นคง มีกำลังรักษาประเทศชาติให้อยู่ ไม่ต้องไปไหน เราไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เพราะว่าเรามีกำลังแล้ว อยู่ที่ใจของตัว ก็ขอให้รักษากำลังนี้ อย่าทำลาย ถ้าเป็นอย่างนี้ เราอยู่ยงแน่

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านทั้งหลายที่มาในที่นี้ ทั้งลูกเสือชาวบ้าน ทั้งผู้ที่ไม่ใช่ลูกเสือชาวบ้าน ผู้ที่ไม่ใช่ลูกเสือชาวบ้านนี้ก็ต้องทำใจอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าอยากอยู่ ถ้าคนที่ไม่อยากอยู่ก็ต้องเห็นใจคนที่อยากอยู่ ในที่สุดก็เข้าใจว่าทุกคนก็จะต้องเข้าใจ ต้องรู้ว่า ต้องช่วยกันบำรุงบ้านเมือง ไม่ใช่ปล้นบ้านเมือง ถ้าบำรุงบ้านเมืองแล้ว บ้านเมืองอยู่แล้ว เราก็อยู่ แต่ละคนก็อยู่มีความสุขได้มากขึ้นทุกที เพราะไม่ต้องหมกมุ่นอย่างอื่น เราก็ได้สร้างความเจริญ ได้มีความอยู่เย็นเป็นสุข

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงซึ้งในคำตั้งใจ ถือคำปฏิญาณความตั้งใจนั้นให้ดี แล้วเห็น เข้าใจอย่างแท้จริงถึงประโยชน์ของความตั้งใจนั้น เพื่อการนี้ก็ต้องให้พร ต้องอวยพรให้มีกำลังใจที่จะรักษาคำปฏิญาณ เพื่อให้มีกำลังใจนั้นก็ต้องมีกำลังกาย ก็ขอให้ท่านทั้งหลายพร้อมด้วยกำลังกายกำลังใจสมบูรณ์ เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อความเจริญมั่นคงของประเทศชาติ และความเจริญมั่นคงของแต่ละคน.

« « Prev : ตามคำขอของพี่หมอเจ๊

Next : ประสบการณ์เที่ยวถ้ำ Ajanta มรดกโลกในอินเดีย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "หลังวิกฤติแห่งความแตกแยกในสังคม"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.0697190761566 sec
Sidebar: 0.3460590839386 sec