พระสูตรแผ่นดินไหว

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 21 May 2010 เวลา 15:38 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3551

ผมอยู่บ้านเป็นปกติ ก็เปิดเว็บไปเรื่อย เจอเรื่องในตอนท้ายของอรรถกถาพรหมชาลสูตร ว่ามีแผ่นดินไหวใหญ่อันเกี่ยวเนื่องกับพุทธกิจอยู่ 8 อย่างคือ

….

ก็แผ่นดินใหญ่นี้ได้ไหวในฐานะ ๘ แม้อื่น คือ
๑. คราวเสด็จมหาภิเนษกรมณ์
๒. คราวเสด็จเข้าสู่โพธิมัณฑสถาน
๓. คราวรับผ้าบังสุกุล
๔. คราวซักผ้าบังสุกุล
๕. คราวแสดงกาลามสูตร
๖. คราวแสดงโคตมกสูตร
๗. คราวแสดงเวสสันดรชาดก
๘. คราวแสดงพรหมชาลสูตรนี้

ใน ๘ คราวนั้น คราวเสด็จมหาภิเษกกรมณ์ และคราวเสด็จเข้าสู่โพธิมัณฑสถาน แผ่นดินได้ไหวด้วยกำลังแห่งพระวิริยะ คราวรับผ้าบังสุกุล แผ่นดินถูกกำลังความอัศจรรย์กระทบแล้วว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงละมหาทวีป ๔ อันมีทวีปสองพันเป็นบริวาร ออกผนวชไปสู่ป่าช้า ถือเอาผ้าบังสุกุล ได้ทรงกระทำกรรมที่ทำได้ยากดังนี้ ได้ไหวแล้ว คราวซักผ้าบังสุกุล และคราวแสดงเวสสันดรชาดก แผ่นดินได้ไหวด้วยความไหวมิใช่กาล คราวแสดงกาลามสูตรและคราวแสดงโคตมกสูตร แผ่นดินได้ไหวด้วยความเป็นสักขีว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอเป็นสักขี แต่คราวแสดงพรหมชาลสูตรนี้ เมื่อทรงแสดงสะสางคลี่คลายทิฏฐิ ๖๒ ประการอยู่ พึงทราบว่า ได้ไหวด้วยอำนาจถวายสาธุการ.

อนึ่ง มิใช่แต่ในฐานะเหล่านี้อย่างเดียวเท่านั้นที่แผ่นดินไหว. ที่จริง แผ่นดินไหวแล้ว แม้ในคราวสังคายนาทั้ง ๓ วัน แม้ในวันที่พระมหินทเถระมาสู่ทวีปนี้ นั่งแสดงธรรมในชาติวัน และเมื่อพระบิณฑปาติยเถระกวาดลานพระเจดีย์ในกัลยาณีวิหาร แล้วนั่งที่ลานพระเจดีย์นั้นแหละ ยึดปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เริ่มสวดพระสูตรนี้ เวลาจบพระสูตร แผ่นดินได้ไหวไปถึงน้ำรองแผ่นดินเป็นที่สุด. มีสถานที่ชื่ออัมพลัฏฐิกะอยู่ด้านทิศตะวันออกของโลหปราสาท พระเถระผู้กล่าวคัมภีร์ทีฆนิกายนั่งในสถานที่นั้น เริ่มสวดพรหมชาลสูตร แม้ในเวลาที่พระเถระเหล่านั้นสวดจบ แผ่นดินก็ได้ไหวไปถึงน้ำรองแผ่นดินเป็นที่สุดเหมือนกัน ดังนี้แล.

อ่านต่อ »


ทางเลือกที่ไม่มีอิสระ

อ่าน: 3484

คืนนี้คุยกับกัลยาณมิตรท่านหนึ่งซึ่งหนีไปนอนแล้วอย่างรวดเร็ว เก็บประเด็นที่ดีมาได้

เมื่อเราได้รับทางเลือกมา ก็คิดว่ามีอิสระที่จะเลือก — เรื่องนี้ น่าจะใคร่ควรดูอีกทีครับ — ทางเลือกที่ให้นั้นถูกกำหนดมาให้แล้ว อย่างนี้มันอิสระตรงไหน???

บรรดาข้อเสนอที่บอกว่าต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น ตกผลึกมาแล้ว อย่างนี้เรียกว่าข้อเสนอได้ยังไง???

ขับรถจากนครสวรรค์ไปพิษณุโลก ไปได้ทางเดียวหรือ???

จะหาทางออกให้กับปัญหาซับซ้อน มีทางออกทางเดียวเท่านั้นจริงหรือ???


นันทิ

7 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 4 May 2010 เวลา 0:10 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 6077

น้องสะใภ้ เอาหนังสือมาให้สองเล่มกับซีดีสองแผ่น จากพระอาจารย์คึกฤทธิ์​ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ก็เจอคำว่านันทิครับ

นันทิ แปลง่ายๆ ว่า ความเพลิดเพลิน — ซึ่งเป็นเหตุของราคะ | การระงับนันทิ จึงดับราคะ (ซึ่งราคะไม่ใช่แค่กามราคะหรอกครับ เดี๋ยวเขียนต่อข้างล่าง) มีอรรถกถา นันทิขยสูตรอธิบายไว้น่าคิดว่า

อรรถกถานันทิขยสูตรที่ ๑ - ๒

ในสูตรที่ ๑- ๒ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้  :-

คำว่า นนฺทิกฺขยา ราคกฺขโย, ราคกฺขยา นนฺทิกฺขโย เพราะ ความเพลิดเพลินสิ้นไป ราคะก็สิ้นไป. เพราะราคะสิ้นไป ความเพลิดเพลิน ก็สิ้นไปนี้ ท่านกล่าวไว้เพื่อกระทำให้ต่างจากอรรถแห่งคำเหล่านี้ว่า

นนฺทิ หรือว่า ราโค. อนึ่ง บุคคลเมื่อเบื่อหน่ายด้วยนิพพิทานุปัสสนา ชื่อว่าย่อมละนันทิ ความเพลิดเพลิน เมื่อคลายความกำหนัดด้วยวิราคานุปัสสนา ชื่อว่าย่อมละราคะ.

ด้วยอันดับคำเพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้วิปัสสนาจบลงแล้ว ทรงแสดงมรรคจิตในที่นี้ว่า เพราะราคะสิ้นไป นันทิก็สิ้นไป

ดังนี้แล้วแสดงผลจิตว่า เพราะนันทิ-ราคะสิ้น จิตหลุดพ้นแล้วแล.

จบ อรรถกถานันทิขยสูตรที่ ๑ ๒

ความเพลิดเพลิน คงจะไม่ได้หมายความเพียงความสนุกเพลิดเพลินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการติดใจ หลงไหล เหมือนการเติมเชื้อลงไปในกองไฟ; บางทีมองเป็นปฏิกริยาที่เกิดขึ้นในใจโดยอัตโนมัติ (อัตโนเมติก) โดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวแต่ไม่สามารถหักห้ามใจได้; มองอีกทีเหมือนเชียร์กีฬา หรืออินกับเหตุการณ์อะไรมากๆ แบบเดียวกับอินกับละคร ทั้งที่ตนเองก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับเหตุการณ์นั้นได้เช่นกัน (แต่ไม่รู้ตัว และใจล่องลอยรับความทุกข์ไปสุมใจโดยไม่รู้ตัว)

อ่านต่อ »


โลกเปลี่ยนไป จึงสิ้นโลก?

อ่าน: 3323

บันทึกรีไซเคิลครับ เคยเขียนไว้ที่อื่นเมื่อ 24 เม.ย. 2550 ซึ่งก็มีประเด็นที่น่าสนใจ คือเมื่อเรารับข่าวสารมา ดูน่าเชื่อถือ มีการอ้างอิงที่ดูจะเป็นวิทยาศาสตร์ อ้างชื่อนักวิทยาศาสตร์นามกระเดื่อง ควรเชื่อไปเลยหรือ?


เรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อคืนดูสารคดีของ the Horizon Project เรื่อง Bracing for Tomorrow ซึ่งออกแนว science fiction คือเขาทำนายต้นเหตุของวันสิ้นโลก โดยพยายามผูกโยงบุคคลที่มีชื่อเสียง กับแนวคิดวิทยาศาสตร์เข้ามาครับ ใช้ศัพท์วิทยาศาสตร์เยอะๆ ดูน่าเชื่อถือดี — ใครอยากดู อาจหาดูได้โดยค้น bittorrent ได้ ถ้าเน็ตเร็วพอ (เตือนแล้วนะครับ)

ที่มาเขียนบันทึกนี้ ก็เพราะสารคดีกล่าวอ้างไอน์สไตน์ ว่าไอน์สไตน์เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแกนหมุนของโลกที่ทำให้อารยธรรมมนุษย์สูญสิ้น (อ้างปฏิทินชาวมายันซึ่งคำนวณไว้ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 หมายความว่าโลกจะจบวันนั้น; กระแสกราวิตรอนจากหลุมดำใจกลางกาแล็กซี ทำให้เกิดแผ่นดินไหว+ภูเขาไฟระเบิด+สึนามิสูงหกพันฟุต; การกลับขั้วแม่เหล็ก ทำให้โลกไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันรังสีคอสมิค ฯลฯ)

อ่านต่อ »


เหมารวม

อ่าน: 3404

“วัตถุตกลงสู่พื้น” ฟังดูเป็นเรื่องที่ไม่เห็นจะต้องนำมาเขียนเลย

แต่สิ่งที่คุ้นเคยจนรู้สึกว่าเป็นไปโดยอัตโนมัตินี่แหละครับ ที่มักทำให้เราหลงคิดว่าไม่มีอะไร

ในรูปขวา ถ้าเริ่มทิ้งลูกบาสจากขีด 0 แล้วถ่ายภาพทุกๆ 1/20 วินาที ภาพแรกลูกบาสตกลงมาหนึ่งหน่วยระยะทาง ภาพที่สองจะตกลงมา 4 หน่วย ภาพที่สามเป็น 9 หน่วย …

ของอะไรก็ตกสู่พื้นทั้งนั้นแหละ –> ไม่จริงเสมอไปหรอกครับ

ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็มีหลายอย่างที่ไม่ใช่ เช่นลูกโป่งสวรรค์ลอยขึ้นไปในอากาศ ลูกโป่งลอยได้เรื่องจากแรงยก คนสวมห่วงชูชีพไม่จมน้ำ ฯลฯ เรื่องพวกนี้มีแรงภายนอกมากระทำ ซึ่งเรามักมองข้ามไป

อีกอย่างหนึ่งคือ แม้วัตถุไม่มีแรงภายนอกมากระทำ แต่หากมันมีความเร็วเบื้องต้นที่สวนทางกับแรงดึงดูด หากความเร็วนี้มีค่ามากพอ เราจะไม่สามารถเห็นอาการตกลงได้เลย ความเร็วนี้เรียกว่า escape velocity (เป็นความเร็วขั้นต่ำที่จะนำวัตถุจากพื้นโลก พ้นไปจากบรรยากาศเข้าสู่วงโคจรของโลก)

ดังนั้นแม้สิ่งต่างๆ จะดูชัดเจนมาก ก็ต้องไม่ลืมว่ามีมุมมองอื่นด้วย มีเรื่องที่มองไม่เห็น อาจจะหลงลืมคิดไป อยู่นอกเหนือการเข้าใจ ไม่รู้ไม่เห็น หรือเป็นข้อยกเว้น หลายมาตรฐาน ฯลฯ

คนที่จะเหมารวมได้ จะต้องรู้หมดทุกอย่างว่าไม่มีกรณีอื่นอีกแล้ว — ถามว่าเป็นไปได้หรือ?

เรียนมาตั้งแต่มัธยมว่าค่าคงที่ความเร่งของโลก มีค่า 9.8 m/s2 แต่มีใครรู้หรือเปล่าว่าบนผิวโลกนี้ ความเร่งจริงๆ ของโลก มีค่าไม่เท่ากันนะ คือน้ำหนักของวัตถุเดียวกันอาจไม่เท่ากันหากชั่งน้ำหนักกันคนละที่ — แล้วอะไร “ถูกต้อง” ครับ

นับประสาอะไรกับการแยกแยะไม่ออกระหว่างความรู้กับความคิดความเห็น เรียนรู้กับรับรู้ ความเป็นจริงกับอารมณ์

อ่านต่อ »


ของจริง

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 28 April 2010 เวลา 0:05 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 2781

หลวงพ่อชา สุภทฺโท พระโพธิญาณเถระ วัดหนองป่าพง

ของจริง

ธรรมของจริงของแท้ที่ทำให้บุคคลเป็นอริยะได้
มิใช่เพียงศึกษาตามตำรา
และคิดคาดคะเนเอาเท่านั้น
แต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นจริงๆ
ของจริงจึงจะเป็นของจริงขึ้นมาได้

คนดีอยู่ไหน

คนดีอยู่ที่เรานี่แหละ
ถ้าเราไม่ดีแล้ว
เราจะอยู่ที่ไหนกับใคร
มันก็ไม่ดีทั้งนั้น

วัวไม่กินหญ้าก็คือหมู

ทุกวันนี้ อาตมาไม่ค่อยได้เทศน์มาก อยู่วัดอยู่วาก็เหมือนกัน
ปีนี้เทศน์ให้แม่ชีฟังถึงสองสามครั้งหรือเปล่า ก็จำไม่ได้
พระเจ้าพระสงฆ์ก็ให้อยู่เฉยๆ ให้ดูเอาปฏิบัติเอง
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะเข้าใจว่า คนมีศรัทธา จึงเข้ามาในวัด จึงมาบวชเป็นปะขาว จึงมาบวชเป็นเณร จึงมาบวชเป็นพระ
เข้าใจอย่างนั้น
ถ้าเข้าใจอย่างนั้นก็เหมือนกับวัวเรานั่นแหละ
วัวมันกินอะไร
มันกินหญ้า
จับมันมาปล่อยใส่สนามหญ้าแล้ว
ถ้ามันไม่กินหญ้ามันก็เป็นหมูเท่านั้นแหละ

อ่านต่อ »


ตัวปลอม

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 27 April 2010 เวลา 2:16 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4782

แน่หรือ

อ่าน: 2812

ดูละครเห็นแต่หน้าฉาก เห็นแต่เรื่องที่เขาต้องการให้เห็น; ฟังคอนเสิร์ตไพเราะเคลิบเคลิ้ม ก็ไม่รู้ว่ากว่าจะเล่นโชว์ได้ ซ้อมกันมาเท่าไหร่ หรือแม้แต่ขึ้นเวทีเล่นแล้ว มีใครแอ็บเนียนเล่นพลาดแล้วทำตัวกลมกลืนหรือไม่

บริษัทจดทะเบียน มีกฏระเบียบของตลาดหลักทรัพย์(ตลท.) และของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์​(กลต.) มีบอร์ด มีกฎหมายบริษัทมหาชนควบคุมอยู่อย่างหนาแน่น แล้วมันแปลว่าทุกอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาหรือ

เหตุการณ์บ้านเมือง มักถูกเข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นความขัดกันระหว่างสองฝ่าย และมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ดูเหมือนจะทราบฝ่าย ร่วมผสมโรงด้วย แต่เรื่องนี้มีสองสามฝ่ายเท่านั้นหรือ ไม่มีมือที่สี่ มือที่ห้า มือที่หกหรือ

ต่อให้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ก็เห็นแต่เรื่องเฉพาะที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าไม่ใช่หรือ ท่านไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดในห้องลับ ในเซฟเฮ้าส์ หลังเวที หรือได้ยินว่าใครคุยอะไรกันทางโทรศัพท์ ท่านเห็นและคิดไปว่าสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ — แต่ถึงเห็นมากับตา ได้ยินกับหู จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่แผนการของมือที่มองไม่เห็น? การปฏิเสธว่าไม่ใช่/ไม่มี ท่านจะต้องรู้ทุกเรื่อง เป็นไปได้หรือ!

อ่านต่อ »


ขันติ

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 20 April 2010 เวลา 14:34 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4040

ตามสรภังคชาดก พระอินทร์ตรัสถามสรภังคดาบสโพธิสัตว์ในกาลนั้น

[๒๔๕๗] ลำดับนั้น ท้าวมฆวาฬสักกเทวราชปุรินททะ ทรงเห็นประโยชน์ ได้ตรัสตามปัญหาอันเป็นปฐม ดังที่พระทัยปรารถนาว่า บุคคลฆ่าซึ่งอะไร สิจึงจะไม่เศร้าโศกในกาลไหนๆ ฤาษีทั้งหลายย่อมสรรเสริญ การละอะไรบุคคลพึงอดทนคำหยาบที่ใครๆ ในโลกนี้กล่าวแล้ว ข้าแต่ท่าน โกณฑัญญะ ขอท่านได้โปรดบอกความข้อนี้แก่โยมเถิด?

[๒๔๕๘] บุคคลฆ่าความโกรธได้แล้ว จึงจะไม่เศร้าโศกในกาลไหนๆ ฤาษีทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญ การละความลบหลู่ บุคคลควรอดทนคำหยาบที่ชนทั้งปวง กล่าว สัตบุรุษทั้งหลายกล่าวความอดทนนี้ว่าสูงสุด.

[๒๔๕๙] บุคคลอาจจะอดทนถ้อยคำของคนทั้ง ๒ พวกได้ คือ คนที่เสมอกัน ๑ คนที่ประเสริฐกว่าตน ๑ จะอดทนถ้อยคำของคนเลวกว่าได้อย่างไรหนอ ข้าแต่ท่านโกณฑัญญะ ขอท่านได้โปรดบอกความข้อนี้แก่โยมเถิด?

[๒๔๖๐] บุคคลพึงอดทนถ้อยคำของคนผู้ประเสริฐกว่าได้ เพราะความกลัว พึงอดทนถ้อยคำของคนที่เสมอกันได้ เพราะการแข่งขันเป็นเหตุ ส่วนผู้ใดในโลกนี้ พึงอดทนถ้อยคำของคนที่เลวกว่าได้ สัตบุรุษทั้งหลายกล่าวความอดทนของผู้นั้นว่าสูงสุด.

[๒๔๖๑] ไฉนจึงจะรู้จักคนประเสริฐกว่า คนที่เสมอกัน หรือคนที่เลวกว่า ซึ่งมีสภาพอันอิริยาบถทั้ง ๔ ปกปิดไว้ เพราะว่าสัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมเที่ยว ไปด้วยสภาพของคนชั่วได้ เพราะเหตุนั้นแล จึงควรอดทนถ้อยคำของคนทั้งปวง. — จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นอย่างไร เพราะไม่สามารถจะดูคนจากสภาพภายนอกได้

[๒๔๖๒] สัตบุรุษผู้มีความอดทน พึงได้ผลคือความไม่มีการกระทบกระทั่ง เพราะการสงบระงับเวร เสนาแม้มากพร้อมด้วยพระราชาเมื่อรบอยู่ จะพึงได้ผลนั้นก็หามิได้ เวรทั้งหลายย่อมระงับด้วยกำลังแห่งขันติ. — ใช้ขันติได้กับทุกคนทุกเหตุการณ์ ไม่จำเป็นต้องตัดสินก่อนว่าใครเป็นอย่างไร

อ่านต่อ »


เงียบ

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 18 April 2010 เวลา 13:04 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 2762

ในความอึกทึกและความปั่นป่วนของสังคม ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ประกอบด้วยสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารที่ขัดแย้ง ต่างฝ่ายต่ายยึดมั่นถือมั่นว่าอีกฝ่ายหนึ่งกระทำผิดและบิดเบือน มีแต่ฝ่ายของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง มีการผูกขาดความถูกต้องให้ตนเอง และยัดเยียดความชั่วร้ายเลวทรามให้ผู้อื่นซึ่งกลายเป็น “มัน” ไปหมด ใช้คำว่า “ต้อง” จากความฐานคิดของตนเท่านั้น… แบบนี้ ไม่ว่าจะเสนอให้ทำอะไร จะเหลือความเป็นมนุษย์อยู่เท่าไหร่กัน

วันนี้ควรจะตั้งสติพิจารณามองเหตุให้ชัด ถ้ามัวมองแต่ผล จะแก้ปัญหาได้อย่างไร

มนุษย์กระจ้อยร่อย ทำอะไรเองคนเดียวไม่มีพลัง มนุษย์จึงต้องรวมกลุ่ม ใช้ประโยชน์จากความแตกต่าง; หากเราทำทุกอย่างเหมือนกันหมด คนเราก็จะไม่ต่างจากผลผลิตทางอุตสาหกรรมหรอกครับ ดังนั้น น่าจะเลิกใช้คำว่า “ต้อง” กันเสียที เคารพในคุณค่าของความเป็นมนุษย์(ของผู้อื่น)กันบ้าง

ความจริงในโลกนั้น มีหลายอย่าง ขึ้นกับมุมมอง ในยุคที่เครื่องมือการผลิตยังไม่ก้าวหน้า ผลผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอาหาร ยังไม่สามารถเก็บไว้นานได้ แถมบางแห่งยังมีภูมิอากาศไม่อำนวยต่อการดำรงชีวิต การบุกรุกเพื่อยึดครองขยายอาณาเขต ได้รับการยกย่องทั้งที่เป็นการเบียดเบียนกันโดยเจตนา ต่อมาเมื่อการผลิตและการเก็บรักษาอาหารดีขึ้น การยึดครองกลับได้รับการตำหนิ

อ่านต่อ »



Main: 0.13503289222717 sec
Sidebar: 0.19593000411987 sec