ให้น้ำที่ปลายราก

อ่าน: 8114

คำว่าแล้งนั้น นักอุตุนิยมวิทยาให้นิยามไว้ว่ามีฝนไม่เกิน 0.25 มม. ในรอบ 15 วัน

พูดง่ายๆ ก็คือฝนไม่ตกน่ะครับ ถ้าฝนไม่ตกแล้วมีเมฆบ้าง ก็ยังพอบรรเทาไปได้ แต่บ้านเราแดดจัดมาก ถ้าไม่มีเมฆมาบังแสงแดดอีก ดินถูกแดดเผาก็จะทำให้น้ำระเหยออกไปมาก จนดินแห้ง แตกระแหง แถมปุ๋ยอินทรีย์ก็สลายตัว จุลินทรีย์ในดินมีชีวิตอยู่ได้ลำบากหากอุณหภูมิของดินสูงขึ้นมาก หลายเด้งเหลือเกิน แต่ปัญหาใหญ่คือพืชพันธุ์ธัญหารเสียหาย จากการที่ระบบรากทำงานไม่ได้เนื่องจากน้ำใต้ดินหายไป

เรียนกันมาตั้งแต่เด็กว่ารากทำงานโดยกระบวนการออสโมซิส ตอบข้อสอบได้ก็โอเคแล้ว ที่เราไม่ค่อยคิดกันต่อคือออสโมซิสอะไร จริงอยู่ที่คำตอบตามตำราก็จะออกไปในทำนองที่ว่า ออสโมซิสคือกระบวนการดูดซึมสารละลายที่มีความหนาแน่นต่ำ ผ่านเนื้อเยื่อไปสู่ที่ที่มีความหนาแน่นสูง กระบวนการนี้ทำงานที่ปลายราก พืชต้องการน้ำใต้ดินไปละลายสารอาหารที่อยู่ในดิน เพื่อที่ปลายรากซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อน จะดูดซึมผ่านราก-ลำต้น-กิ่ง ส่งไปที่ใบเพื่อสังเคราะห์แสง

แต่ความหมายที่ไม่ค่อยคิดกันคือ เวลารดน้ำต้นไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ต้องประหยัดน้ำ ก็ควรจะส่งน้ำไปที่ปลายรากครับ ไม่ใช่รดใบ รดโคนต้น หรือรดไปเรื่อยๆ เพียงเพื่อจะได้สบายใจว่ารดน้ำต้นไม้แล้ว

ที่เป็นปลายรากเพราะปลายรากเป็นเนื้อเยื่ออ่อน สารอาหารของพืชที่ละลายอยู่ในน้ำพอจะซึมผ่านได้ แต่ถ้าเป็นกลางราก น้ำซึมผ่านไม่ได้ครับ

แต่มันก็มีปัญหาใหญ่ คือรากอยู่ใต้ดิน แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่าปลายรากอยู่ตรงไหนล่ะ? ตอบตรงๆ ว่าไม่รู้เหมือนกันครับ อันนี้อาจพอกะได้เหมือนกัน แต่ก็ขึ้นกับว่าจริงๆ แล้ว เรารู้จักต้นไม้ที่ปลูกมากแค่ไหน

อ่านต่อ »


ประชุมเครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ภาคประชาชน

10 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 27 February 2011 เวลา 17:37 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3749

ไม่ได้เขียนบันทึกเสียหลายวันเนื่องจากร่างกายไม่พร้อมที่จะนั่งเขียนนานๆ นะครับ

แต่วันนี้ เริ่มออกไปแรดได้ โดยไปร่วมประชุมเครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ภาคประชาชน อาการตอนเช้ายังไม่ค่อยดี เลยนอนต่อ ตื่นมาอีกที ตายล่ะหว่า เลยเวลานัดแล้ว ก็ต้องรีบแจ้นออกไปประชุมโดยไม่กินข้าวปลา

ไปถึงที่ประชุม กำลังแจก pizza กันอยู่ มี agenda วางอยู่บนโต๊ะ แต่ยังไม่ได้คุยกันอย่างจริงจัง(มั๊ง) พอนั่งได้สักครู่ก็เริ่มเปิดประชุมครับ เสร็จแล้วโยนไมค์มาที่ผม…เอิ๊ก ซึ่งก็ได้ใช้เวลาพูดถึงการวางแผนด้วยสถานการณ์ (scenario planning: คอมพิวเตอร์แปลเป็นไทย หรือ ไม่แปล) กระบวนการแบบนี้ จะช่วยจัดการความยุ่งยากซับซ้อนลงได้มากจนพอเห็นภาพใหญ่ ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง และในแต่ละกรณีควรจะเตรียมตัวอย่างไร

อันนี้ตรงกับงานของมูลนิธิที่ทำอยู่ คือการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งไม่ได้เน้นหนักที่การบรรเทาทุกข์ แต่เป็นการจัดการกับความเสี่ยงต่างๆ ล่วงหน้า ลดผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด เมื่อเกิดภัยแล้ว ถึงยังไงก็เสียหายไม่ว่าจะบรรเทาทุกข์ได้เร็วเพียงใด งานป้องกันจึงมีความสำคัญมาก (และถูกมองข้ามมากเช่นกัน)

ผมไม่ได้หวังให้ผู้ร่วมประชุมเชื่อหรือทำตามหรอกครับ แค่ฉุกคิด ปรับปรุง หรือทำในสิ่งที่ดีกว่า ก็ดีใจแล้ว… เอ่อ…จะเขียนเล่าทั้งหมดก็ไม่ไหว นั่งแล้วยังโงนเงนอยู่บ้าง ขอจบดื้อๆ แค่นี้ครับ

อย่างไรก็ตาม ผมได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทที่พระราชทานมาในปีที่ผมเรียนจบ มาฝากไว้ในห้องประชุมให้เป็นแง่คิด (ข้อความนำมาจากบันทึกเก่าซึ่งเขียนไว้หลายปีแล้ว)

อ่านต่อ »


หลบภัย (4) — หลังภัยใหญ่

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 22 February 2011 เวลา 0:12 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4526

ถึงชีวิตไม่เที่ยงตามธรรมชาติ ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตไม่มีค่า

ก่อนจะมีภัย ควรมองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง พยายามแก้ไขบรรเทาไม่ให้เกิดภัยร้ายแรง แต่หากภัยนั้นเกินกำลัง ก็หลบไปตั้งหลักก่อน… อาการที่ยืนนิ่งอยู่บนรางรถไฟในขณะที่รถไฟกำลังพุ่งมาหา หรือการยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนั้น ไม่ใช่การไม่อินังขังขอบหรือหลุดพ้นปล่อยวางได้หมดแล้วทุกสิ่งหรอกนะครับ

บันทึกนี้พูดถึงที่หลบภัยและวิถีชีวิตหลังจากที่ภัยขนาดใหญ่ผ่านพ้นไป แม้เงินตราอาจไม่มีค่า (เงินอาจจะมีค่าเหมือนเดิม แต่หาซื้ออะไรไม่ได้) แม้การขนส่งจะมีอย่างจำกัด แม้ความสะดวกสบายอย่างที่เคยเป็นมาจะไม่มีอีกต่อไป แม้สิ่งที่สะสมไว้จะหายไปหมด แต่ยังมีความรู้อยู่กับตัวคน มีโอกาสฟื้นฟูหรือสร้างใหม่ให้ดีกว่าเก่า…

ไปๆ มาๆ อาจจะคล้ายกับพิภพเทอร์มินัสในสถาบันสถาปนาก็ได้ เป็นนิคมการเกษตร มีแรงงาน มีความรู้ แต่แทบไม่มีโลหะที่นำมาใช้ได้ อาจจะคล้ายกับโลกในกรณีที่โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายไปหมด — เป็นโลกหลังภัยร้ายแรง แต่ไม่ถึงระดับเลวร้ายเสียทีเดียว

คำว่าระดับเลวร้ายนี้ แต่ละคนตีความหมายไม่เหมือนกัน สำหรับผม ตีความว่าเป็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วในโลก ก่อนที่จะมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเป็นไปตามกฏของไตรลักษณ์

อ่านต่อ »


หลบภัย (3) — ฮวงจุ้ย

อ่าน: 7343

ถ้าหากว่าจะต้องใช้หลุมหลบภัย เรื่องอื่นเป็นความสำคัญที่รองลงไปจากความปลอดภัยและความอยู่รอดครับ แต่ว่าทำเลที่ตั้งของหลุมหลบภัยนั้น บอกล่วงหน้าได้ว่าเวลาจะใช้หลบภัยนั้น ใช้ได้หรือไม่

ในเวลาที่ลงไปอยู่ในหลุมหลบภัยนั้น ทุกคนถูกตัดขาดจากภายนอก จะต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยสิ่งที่มีอยู่ในหลุมหลบภัยเท่านั้น สุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญต่อทุกคน หากคนใดคนหนึ่งป่วย ก็จะเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับทุกคนในที่หลบภัยนั้น มีผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจพอเพียงกันเยอะแยะ ใครเป็นของจริง คนนั้นนำพาคนรอดได้ครับ

ที่ตั้งของหลุมหลบภัย จะต้องเป็นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง แล้วถ้าอยู่ใต้ดิน ก็ต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำใต้ดินเช่นกัน ขืนสร้างจนเสร็จแล้วน้ำท่วม ก็เป็นการสูญเปล่าครับ

หลุมหลบภัยใต้ดิน มีดินเป็นฉนวนกั้นความร้อน-ความเย็น อุณหภูมิภายใน จะเป็นอุณหภูมิของดิน ซึ่งก็มีผู้ทำเป็นบ้านอยู่อาศัยไปเลยเหมือนกัน เหมือนบ้าน Hobbit ในหนังลอร์ดออฟเดอะริงส์

อ่านต่อ »


หลบภัย (2) — ที่พักใต้ดิน

อ่าน: 6289

ในสหรัฐ ตื่นเรื่องที่พักใต้ดินกันเป็นพักๆ มีช่วงสงครามเย็น ช่วงเครื่องบินชนตึก และช่วงภัยธรรมชาติและ 2012

สองช่วงแรก เป็นภัยจากระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งจากเอกสารของ FEMA มีประเด็นสามเรื่องครับ คือ

  1. ระยะห่างจากศูนย์กลางของการระเบิด — ถ้าอยู่ใกล้นักก็ไม่เป็นไรหรอกครับ คงไม่รู้สึกอะไร
  2. การป้องกันรังสี — ดินหนา 3 ฟุต/1 เมตร สามารถลดทอนรังสีลงได้ 99% [หลุมหลบภัยนิวเคลียร์]
  3. ระยะเวลา — ถ้าระเบิดแล้วสองอาทิตย์ รังสีลดเหลือ 1% ของระดับรังสีเดิม

พอระเบิดลง ตูม จะมีคลื่นกระแทกจากแรงระเบิดวิ่งผ่าน ถ้ายังไม่ตายจากความร้อน รังสี หรือคลื่นกระแทก ท่านมีเวลาอีก 1-2 ชั่วโมงที่จะวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ก่อนที่ฝุ่นนิวเคลียร์จะเริ่มตกลงสู่พื้นโลก แล้วอย่าคิดจะขับรถด้วยความเร็ว 150 กม/ชม เลยนะครับ พอระเบิดลงตูม คนที่รอดทั้งหมดน่ะ ลงมาอยู่ในถนนหมดแล้ว!

ตัวหลุมหลบภัยนิวเคลียร์เอง สร้างขึ้นเพื่อป้องกันฝุ่นนิวเคลียร์ มีระบบระบายอากาศ กับปริมาณน้ำ+อาหารสำรองเป็นประเด็นหลัก เพียงพอที่จะหลบอยู่ได้สักอาทิตย์สองอาทิตย์เท่านั้น

อ่านต่อ »


หลบภัย (1) — แนวคิดเกี่ยวกับภัย

อ่าน: 4114

มนุษย์เบียดเบียนโลก จนเกิดความรู้สึกร่วมว่าโลกจะรับไม่ไหวแล้ว

มีคำทำนายจากอดีตหลายพันปี และมีข่าวสารมากมายเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ซึ่งอันนี้เป็นความเชื่อซึ่งผมไม่ว่าอะไรหรอกนะครับ อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศเกิดธุรกิจหลุมหลบภัยขึ้นเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง(ตามความเห็นของผม)มักจะเว่อร์อยู่เนืองๆ

เมื่อมองจากมุมของความเสี่ยงภัย ความเสี่ยงมีอยู่จริงครับ และไม่มีหลุมหลบภัยใดที่จะรับสถานการณ์ได้ทุกชนิด ยกเว้นลักษณะของ biosphere ซึ่ง biosphere ที่เราคุ้นเคยที่สุดแต่รู้จักน้อยที่สุด ก็คือโลกนี่แหละ เพราะ biosphere คือระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืนตามแนวความมั่นคงสามแนวทาง: อาหาร น้ำ และพลังงาน

เท่าที่ได้ค้นมา มีโครงการทดลอง biosphere ที่มนุษย์สร้างสี่แห่ง คือในสหรัฐอเมริกา ในรัสเซีย ในอังกฤษ และในญี่ปุ่น ทั้งหมดก็พยายามที่จะศึกษาสภาวะแวดล้อมที่สมดุลย์ (เช่นการเดินทางในอวกาศเป็นระยะเวลานาน) ที่ผู้อยู่อาศัยถูกตัดขาดจากสภาวะแวดล้อมภายนอกอย่างสิ้นเชิง และจะต้องมีชีวิตอยู่ได้

อ่านต่อ »


ถุงยังชีพ

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 17 February 2011 เวลา 1:17 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4310

ถุงยังชีพ มีความหมายถุงที่บรรจุของอุปโภคบริโภค ที่ช่วยให้ประทังชีวิตให้ผ่านวิกฤตไปได้ แต่เพราะวิกฤตทุกครั้งไม่เคยเหมือนกันเลย ถุงยังชีพที่แจกจ่ายทุกครั้ง จึงไม่น่าจะเหมือนกัน! ขึ้นกับลักษณะของวิกฤต ข้อจำกัดของพื้นที่ และระยะเวลา

ฟังดูเรื่องมากจัง!! ที่จริงแล้ว สัปปุริสทานเป็นของประณีตนะครับ

ถุงยังชีพ มีเป้าหมายหลักที่จตุปัจจัยก่อน เพราะปัจจัยสี่เป็นความจำเป็นพื้นฐานของชีวิต (เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่ ยา — จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช)

ชีวิตของคนในปัจจุบันไม่ได้แตกต่างกับสมัยพุทธกาล แต่สิ่งของบริจาคในถุงยังชีพเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้มีบะหมี่ฉีกซอง ขนม สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยา น้ำขวด ข้าวสาร ฯลฯ เป็นของที่ใช้แล้วหมดไป

เมื่อของหมด->รอถุงใหม่ ถ้าของมีปริมาณมากเกินไปหรือไม่ตรงกับความต้องการ->ขาย… อย่างนี้ไม่ดีแน่ครับ

อ่านต่อ »


กระถางที่ไม่ต้องรดน้ำ

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 16 February 2011 เวลา 0:46 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 12985

กระถางนี้ เป็นการเอาวัสดุเหลือใช้มาทำเล่น เชื่อว่าไม่มีน้ำเหลือเกินกว่าที่จะเป็นต้องใช้

เริ่มต้นที่ขวดพลาสติกเหลือใช้ครับ

เป็นขวดเป็ปซี่แม็กซ์ขนาด 1.25 ลิตร ซึ่งหมดแล้ว ขวดนี้มีลักษณะพิเศษคือตรงฉลากสีดำๆ แคบกว่าส่วนหัวและส่วนก้นขวด ซึ่งมีลักษณะป่องออกเล็กน้อย

เอาคัตเตอร์ มีด หรือกรรไกรตัดตรงของของฉลากพลาสติกทั้งด้านบนและล่าง ก็จะได้พลาสติกสามส่วน

อ่านต่อ »


ปลูกผักในกระถางเพื่อการรีไซเคิลน้ำ

อ่าน: 5929

พืชผักที่เป็นอาหารมักเป็นพืชล้มลุก — ในเมื่อเป็นพืชล้มลุก รากก็ไม่ไชลงลึก แต่มักเป็นรากฝอยอยู่บริเวณผิวดิน แต่เพราะว่ารากแผ่อยู่ตื้น จึงหาน้ำได้น้อย ประกอบกับแดดเผาผิวดิน พืชผักจึงต้องการน้ำมากพอสมควร จึงจะเติบโต

เราเอาผักมาปลูกในกระถางก็ได้ น้ำส่วนเกินที่รดให้แก่ผัก ซึ่งซึมลงเกินความลึกของราก สามารถนำกลับมารดใหม่ผ่านทางรูก้นกระถางได้ แต่ว่ามูลค่ากระถาง ก็ดูจะไม่คุ้มราคาผักอยู่แล้ว

บันทึกนี้เสนอความคิดบ้าบอ ให้เอาแผ่นพลาสติก (มีขนาด 48- 54- และ 72 นิ้ว; ยาว 40 50 และ 60 หลา) — ยกตัวอย่างเช่น ขนาดกว้าง 4.5 ฟุต ยาว 120 ฟุต ราคา 110 บาท — แขวนปลายตามแนวยาว เป็นรางที่มีหน้าตัดเป็นรูปตัว V เอาดินใส่ตรงกลางเพื่อปลูกผัก ในที่สุด น้ำที่รดลงในราง จะไหลไปรวมกันที่ก้นตัว V ซึ่งถ้าเอียงเล็กน้อย เราก็ไปดักน้ำที่ปลาย แล้วนำน้ำมารดผักใหม่ได้

อ่านต่อ »


ระบบตามหาคน

อ่าน: 4296

ประสบการณ์จากเหตุสึนามิที่มีความอลหม่าน ทำให้เนคเทคพัฒนาระบบตามหาคนขึ้นมา”สอง”ระบบ ซึ่งมีประสิทธิภาพดี เมื่อโทรศัพท์แน่นไปหมด

ระบบแรกเป็นระบบตามหาคน Missing person เป็นระบบให้ผู้ตามหาผู้(ที่คาดว่าจะ)ประสบภัย ได้มาลงทะเบียนว่าตามหาคนชื่อ “nnnnn” อยู่นะ ในขณะที่เขียน ระบบนี้ยังทำงานอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครใช้

ส่วนอีกระบบหนึ่งนั้นก็ไม่ใช่ความคิดใหม่ เมื่อคราวเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่เมืองโกเบในญี่ปุ่น ต้นปี 1995 เขามีระบบ I Am Alive ซึ่งปรากฏอยู่ใน ISOC INET2000 proceedings เพื่อให้ผู้ประสบภัยที่รอดจากภัยพิบัติ แต่พลัดหลงกับครอบครัวแล้วไม่รู้จะไปตามหากันที่ไหน ได้มาลงทะเบียน อย่างน้อยเผื่อว่ามีใครตามหาอยู่ จะรู้ว่ายังปลอดภัย — ขณะนี้ ระบบ I am alive ในเมืองไทยไม่ได้ทำงานอยู่ครับ

สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินแบบกรณีสึนามินั้น ผมคิดว่าทั้งสองระบบทำงานได้อย่างวิเศษครับ เหมาะมากกับสถานการณ์ที่มีศูนย์พักพิง โรงพยาบาลสนาม หรือส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่น กระจัดกระจายกันอยู่ อยู่กันคนละกระทรวง โดยที่การตรวจสอบรายการชื่อของคนเข้าออก กระทำได้ลำบากเนื่องจากเจ้าหน้าที่มีงานล้นมือ… เรื่องแบบนี้ ควรจะใช้คอมพิวเตอร์ค้นหาเอา

แต่ขอร้องอย่างหนึ่งครับ ว่าอย่าเอารายชื่อในฐานข้อมูลขึ้นเว็บเด็ดขาด มันเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่คนไม่ค่อยคิดกัน

อ่านต่อ »



Main: 0.041836023330688 sec
Sidebar: 0.14499402046204 sec