หลบภัย (4) — หลังภัยใหญ่

โดย Logos เมื่อ 22 February 2011 เวลา 0:12 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4488

ถึงชีวิตไม่เที่ยงตามธรรมชาติ ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตไม่มีค่า

ก่อนจะมีภัย ควรมองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง พยายามแก้ไขบรรเทาไม่ให้เกิดภัยร้ายแรง แต่หากภัยนั้นเกินกำลัง ก็หลบไปตั้งหลักก่อน… อาการที่ยืนนิ่งอยู่บนรางรถไฟในขณะที่รถไฟกำลังพุ่งมาหา หรือการยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนั้น ไม่ใช่การไม่อินังขังขอบหรือหลุดพ้นปล่อยวางได้หมดแล้วทุกสิ่งหรอกนะครับ

บันทึกนี้พูดถึงที่หลบภัยและวิถีชีวิตหลังจากที่ภัยขนาดใหญ่ผ่านพ้นไป แม้เงินตราอาจไม่มีค่า (เงินอาจจะมีค่าเหมือนเดิม แต่หาซื้ออะไรไม่ได้) แม้การขนส่งจะมีอย่างจำกัด แม้ความสะดวกสบายอย่างที่เคยเป็นมาจะไม่มีอีกต่อไป แม้สิ่งที่สะสมไว้จะหายไปหมด แต่ยังมีความรู้อยู่กับตัวคน มีโอกาสฟื้นฟูหรือสร้างใหม่ให้ดีกว่าเก่า…

ไปๆ มาๆ อาจจะคล้ายกับพิภพเทอร์มินัสในสถาบันสถาปนาก็ได้ เป็นนิคมการเกษตร มีแรงงาน มีความรู้ แต่แทบไม่มีโลหะที่นำมาใช้ได้ อาจจะคล้ายกับโลกในกรณีที่โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายไปหมด — เป็นโลกหลังภัยร้ายแรง แต่ไม่ถึงระดับเลวร้ายเสียทีเดียว

คำว่าระดับเลวร้ายนี้ แต่ละคนตีความหมายไม่เหมือนกัน สำหรับผม ตีความว่าเป็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วในโลก ก่อนที่จะมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเป็นไปตามกฏของไตรลักษณ์

สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่กำเนิด จะดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ ก็มีมาอยู่แล้ว — ชีวิตมีความยืดหยุ่น ชีวิตปรับตัวได้(บ้าง) ชีวิตที่ปรับตัวไม่ได้เลยจะดำรงต่อไปได้ลำบาก และมักจะไม่สามารถผ่านการคัดสรรโดยธรรมชาติไปได้ — ในระหว่างที่หลบภัย ก็ต้องปรับตัวเยอะครับ

ถามว่าถ้ารอด แล้วอย่างไรต่อ… อันนี้น่าคิด

คงเป็นความรับผิดชอบต่อบรรพบุรุษหรือต่อเผ่าพันธุ์เช่นกัน ว่าสิ่งดีที่มีอยู่ก็จะต้องถ่ายทอดให้รุ่นต่อไป — ส่วนสิ่งที่ไม่ดีแต่ดันถ่ายทอด กลับเป็นความไม่รับผิดชอบต่อเผ่าพันธุ์

ภัยใหญ่ที่ร้ายแรงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่การไม่เกิดบ่อยไม่ได้แปลว่าจะไม่เกิดขึ้น ความเสี่ยงยังมีอยู่เหมือนเดิม

เวลามีคนเตือน เราก็มักจะเข้าไม่ถึงแก่นของคำเตือน: มันไม่ใช่เรื่องจริงหรือไม่จริง ทำไมถึงเกิด จะเกิดเมื่อไหร่ เกิดตรงไหน ผู้พยากรณ์ท่านใดแม่น จะมีความเสียหายอะไร

คำเตือนเป็นประเด็นที่ทำให้ฉุกคิด คนเราแต่ละคนพิจารณาได้เองว่าจะเชื่อหรือไม่ เชื่อแค่ไหน ฉุกคิดหาทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้า เช่น

solar flares, รังสีคอสมิค, รูรั่วใน magnetosphere ฯลฯ จะทำให้ผิวโลกรับรังสีจากอวกาศในปริมาณที่มากขึ้น ต้องหาที่กำบัง หากรังสีมีพลังงานสูง จะต้องมีเกราะปกป้องซึ่งได้เคยเขียนไว้แล้ว และถ้ารังสีแรง เซลของพืช+สัตว์อาจตายหรือผ่าเหล่า อยากกินอะไรก็เอาลงไปหลบด้วย

ถ้าเป็นภูเขาไฟระเบิดแบบมหาวินาศ หรือถล่มกันด้วยระเบิดนิวเคลียร์ เถ้าถ่านปกคลุมบรรยากาศทำให้โลกสลัวลง เกิดพายุรุนแรงพัดจากแผ่นดินไปมหาสมุทร พืชสังเคราะห์แสงไม่ได้ การเกษตรเสียหายหมด อาหารจะขาดแคลน

ถ้าเศรษฐกิจล่มสลาย น้ำมันไม่มีขาย (หรือแพงจนซื้อไม่ไหว) การขนส่งหยุดชงักหมด อาหารที่เคยซื้อก็ซื้อไม่ได้ ทีนี้จะกินอะไรกัน

ถ้าเป็นสงครามโลก สงครามกลางเมือง ก็ต้องมีที่หลบจนผู้ร่วมในสงครามหายบ้าเสียก่อน ฯลฯ

ข้อความข้างบนผมเขียนมั่วครับ ไม่ใช่การพยากรณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่การชี้แนะว่าจะต้องทำอะไร

เพียงแต่อยากให้มองไปรอบๆ และทำในสิ่งที่สมควรทำ ถ้าคิดว่าดีและไม่ได้เป็นการเบียดเบียนใคร ก็ทำไปเลยครับ ถ้าไม่เห็นสมควร ก็ไม่ต้องทำ; แต่จะคิดเฉพาะตอนเริ่มต้น โดยไม่คิดถึงตอนจบไม่ได้หรอกนะครับ

เมื่อภัยผ่านพ้นไป ปัญหาคือแล้วมันเหลืออะไรบ้าง วันนั้นล่ะครับ จะได้รู้กันว่าประสบการณ์+ความรู้ มีค่าที่แท้จริงอยู่เท่าไร และเรารู้จักและเข้าใจโลกรอบตัวแค่ไหน

« « Prev : หลบภัย (3) — ฮวงจุ้ย

Next : เตามือถือประสิทธิภาพสูง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 February 2011 เวลา 20:19

    เรื่องภัยพิบัติ ถ้าย้อนรอยถอยหลังไป ก็จะเห็นการดิ้นรช่วยตนเองเป็นระยะๆ
    เช่น ยุคใช้แรงงานสัตว์ ก็แบบหนึ่ง มาใช้แรงเครื่องยนต์ก็อีกแบบหนึ่ง
    เป็นความรู้แต่ละยุคแต่ละชุด
    ถ้ามีการถอดรหัสไว้ก็อาจจะนำมาใช้คราวจำเป็นได้
    แต่ถ้าให้หลบเข้าฮวงจุ้ย ขอคิดดูก่อน กลัวผีหลอก อิอิ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 February 2011 เวลา 20:21
    เอื๊อก อันที่ครูบาว่า เค้าเรียกฮวงซุ้ยไม่ใช่หรือครับ

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.1288480758667 sec
Sidebar: 0.17323684692383 sec