พลังงานลม (2)

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 29 November 2009 เวลา 0:53 ในหมวดหมู่ พลังงาน #
อ่าน: 5040

ก่อนจะตัดสินใจติดตั้งกังหันลม จะต้องพิจารณาความเร็วลมเสียก่อน แต่ละพื้นที่ มีความเร็วลมเฉลี่ยไม่เท่ากัน

การจัดชั้นความแรงของลมตามมาตรฐานนั้น ใช้สเกลความแรงลมโบว์ฟอร์ต ซึ่งเรียกลำดับชั้นเป็นหมายเลข ดังนี้

หมายเลข
โบว์ฟอร์ต
ลักษณะ ความเร็วลม ลักษณะ
กม/ชม ไมล์/ชม เมตร/วินาที
0 ไม่มีลม < 1 < 1 < 0.3 ไม่มีลม ควันไฟลอยขึ้นตรงๆ
1 ลมสงบ 1.1 – 5.5 1 – 3 0.3 – 1.5 สังเกตได้จากควันไฟลอยเฉียงๆ
2 ลมเอื่อย 5.6 – 11 4 – 7 1.6 – 3.4 รู้สึกว่ามีลม ใบไม้เคลื่อนไหว
3 ลมอ่อนๆ 12 – 19 8 – 12 3.4 – 5.4 ใบไม้และกิ่งไม้เล็กขยับตลอดเวลา
4 ลมอ่อน 20 – 28 13 – 17 5.5 – 7.9 ฝุ่นหรือกระดาษปลิว กิ่งไม้เล็กเริ่มแกว่งได้
5 ลมสดชื่น 29 – 38 18 – 24 8.0 – 10.7 กิ่งไม้ใหญ่เริ่มแกว่งได้ ต้นไม้เล็กโยก
6 ลมแรง 39 – 49 25 – 30 10.8 – 13.8 กิ่งไม้ใหญ่เริ่มแกว่ง อาจมีเสียงหวีดของลมจากสายที่พาดอยู่ เริ่มใช้ร่มได้ลำบากขึ้น ถุงพลาสติกปลิว กระป๋องเปล่ากลิ้ง
7 ลมกรรโชก 50 – 61 31 – 38 13.9 – 17.1 ต้นไม้ใหญ่ขยับ เริ่มรู้สึกถึงแรงต้นเมื่อเดินสวนกับลม
8 พายุ (Gale, Fresh gale) 62 – 74 39 – 46 17.2 – 20.7 Some twigs broken from trees. Cars veer on road. Progress on foot is seriously impeded.
9 Strong gale 75 – 88 47 – 54 20.8 – 24.4 Some branches break off trees, and some small trees blow over. Construction/temporary signs and barricades blow over. Damage to circus tents and canopies.
10 Storm[6], Whole gale 89 – 102 55 – 63 24.5 – 28.4 Trees are broken off or uprooted, saplings bent and deformed. Poorly attached asphalt shingles and shingles in poor condition peel off roofs.
11 Violent storm 103 – 117 64 – 72 28.5 – 32.6 Widespread damage to vegetation. Many roofing surfaces are damaged; asphalt tiles that have curled up and/or fractured due to age may break away completely.
12 Hurricane-force [6] ≥ 118 ≥ 73 ≥ 32.7 Very widespread damage to vegetation. Some windows may break; mobile homes and poorly constructed sheds and barns are damaged. Debris may be hurled about.

ความแรงของลมที่น่าสนใจคือระดับ 3-6 แม้ไม่แรงนัก แต่ถ้าปั่นไฟได้สักชั่วโมงละ 200W ก็หรูแล้ว แต่ละวันได้ไฟ 2.4 kWh เอาไปสูบน้ำบาดาลด้วยมอเตอร์ 2 แรงม้าได้วันละชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเกินพอสำหรับการอุปโภคบริโภค

แต่บริเวณที่น่าเสียดายพลังงานจากลมที่สุดคือบริเวณริมทางหลวง ซึ่งมีลมแรงตลอดเวลาที่มีรถวิ่ง แทนที่จะปั่นไฟมาใช้ กลับปล่อยทิ้งไปเฉยๆ

อ่านต่อ »


พลังงานลม (1)

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 28 November 2009 เวลา 0:18 ในหมวดหมู่ พลังงาน #
อ่าน: 5485

พลังงานจากลมเป็นพลังงานสะอาด กล่าวคือไม่สร้างก๊าซเรือนกระจก แต่ปัญหาคือเมืองไทยไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตที่มีลมแรง

ที่จริงแล้ว พลังงานลมคือพลังงานจลน์ของอากาศ kWh = (1/2)(ρ)(v3)(A)(E)(H)

  • ρ (rho) คือความหนาแน่นของอากาศ ซึ่งมีค่า 1.165 kg/m3 ที่อุณหภูมิ 30°C และระดับน้ำทะเลปานกลาง
  • v คือความเร็วของกระแสอากาศ
  • A คือพื้นที่หน้าตัดของเครื่องแปลงพลังงาน (กังหันปั่นไฟ)
  • E คือประสิทธิภาพในการดักจับพลังงานจลน์จากการไหลของกระแสอากาศ คิดต่อหน่วยพื้นที่(ให้เป็นหน่วยเดียวกับหน่วยของ A เช่นตารางเมตร) ค่าของ E ในทางทฤษฎีจะไม่สามารถเกิน 59.3% ซึ่งเรียกว่า Betz Limit ตัว E นี้ ในอุตสาหกรรมพลังงานลมเรียกว่าสัมประสิทธิ์กำลัง (Power Coefficient)
  • H คือจำนวนชั่วโมงที่ปั่นไฟได้

กำลังไฟฟ้าที่ปั่นได้ ยังไงก็ไม่มีทางเกิน พลังงานจลน์ (1/2mv2) ที่เคลื่อนผ่านพื้นที่หน้าตัดของกังหันลม แต่ m = ρvA ดังนั้น W = 1/2ρv3A จะเห็นว่ากำลังไฟฟ้า แปรผันตาม v3 ดังนั้นยิ่งลมแรง ก็จะยิ่งได้กำลังไฟฟ้ามาก เรามักจะเห็นว่าผู้ใช้พลังงานลม พยายามยกกังหันลมไปไว้ในที่สุงที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยเหตุผลนี้ ยิ่งสูงก็ยิ่งลมแรง ตาม Wind Profile Power Law


บาดเลยนะเนี่ย: ความยับยั้งชั่งใจ

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 27 November 2009 เวลา 19:20 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3772

เมื่อโลกน้ำมันหมด

อ่าน: 3765

เค้าว่าหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 คนไทยกลายเป็นนักเศรษฐศาสตร์สมัครเล่นกันทุกคน งั้นลองพิจารณาการคาดเดาเหตุการณ์เมื่อการผลิตน้ำมันเริ่มลดลงเหล่านี้หน่อยดีไหมครับ

  • น้ำมันเป็นทรัพยากร ไม่ว่าจะมีอยู่มากหรือน้อยเท่าใด มันจะหมดแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
  • มีคนทุ่มเถียงกันมากว่าเมื่อไหร่น้ำมันจะหมดโลก
  • ข้อมูลในปี 2549 โลกโดยรวมใช้พลังงานฟอสซิล 86.1% (น้ำมันดิบ 35.9% ถ่านหิน 27.4% ก๊าซธรรมชาติ 22.8%), พลังงานน้ำ 6.3% และพลังงานนิวเคลียร์ 5.9%
  • ผู้รู้เขาว่าน้ำมันเกิดจากฟอสซิลภายใต้ความร้อนความกดดัน
  • โลกสูบน้ำมันขึ้นมาใช้เป็นพลังงานสำหรับอุตสาหกรรม ด้วยอัตราที่มากกว่าที่โลกสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์ไว้ในรูปพันธะทางเคมีในน้ำมันดิบ แล้วมันจะไม่ร้อนยังไงไหว
  • น้ำมันดิบ ไม่ได้หมายถึงน้ำมันเท่านั้น แต่มันยังเป็นวัตถุดิบไฮโดรคาร์บอนตั้งต้นสำหรับอุตสาหกรรมอื่นอีกมากมาย เช่นพลาสติก ปุ๋ย ฯลฯ


ถ้าโลกนี้มืด…

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 26 November 2009 เวลา 17:30 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3172


อิฐมวลเบา กันร้อน กันหนาว

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 26 November 2009 เวลา 0:28 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว, เทคโนโลยีชาวบ้าน #
อ่าน: 7029

ก็รู้ว่าเวลาหนาวนั้น มันทรมาณครับ หนาวซ้ำซาก ก็แก้แบบเดิมๆ ใส่เสื้อกันหนาว ห่มผ้าห่ม ผิงไฟ ผิงไฟ ผิงไผ ผิงไผ

บ้านชาวเขาแบบใต้ถุนสูงนั้น เวลาหนาว นอนก็นอนไม่ได้ น่าจะแก้ที่ตัวบ้านครับ สร้างบ้านดิน หรือขุดโพรงนอน คงจะดีกว่า


ดาวเทียมผ่านหัว

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 November 2009 เวลา 1:05 ในหมวดหมู่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี #
อ่าน: 3598

เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไม แต่ในเมื่อรู้แล้ว ก็จะเขียนครับ

Havens Above เป็นเว็บที่ติดตามเทหวัตถุที่มนุษย์สร้าง ที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศ ในบางกรณีพวกดาวเทียม สถานีอวกาศ กล้องฮับเบิ้ล หรือกระสวยอวกาศ ก็ผ่านเหนือตำแหน่งที่เราอยู่


บัญชีกรรม

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 18 November 2009 เวลา 18:01 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3343

บัญชีนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางบัญชี แต่เพื่อช่วยให้มีสติแยกแยะการกระทำและปฏิกริยาได้

ว/ด/ป กุศลกรรม หมายเหตุ อกุศลกรรม หมายเหตุ

หรือจะเปลี่ยนเป็นบัญชีเกี่ยวกับงานการก็ได้เช่น

ว/ด/ป งานที่เกิดประโยชน์ หมายเหตุ งานที่ไม่เกิดประโยชน์ หมายเหตุ

ความวุ่นวาย มักเกิดขึ้นเมื่อไม่รู้ตัวว่ากำลังกระทำเรื่องที่ไม่สมควรอยู่ บัญชีนี้(หวังว่าจะ)ช่วยให้ฉุกคิดได้โดยไม่ต้องมีใครเตือน แต่ให้ถามตัวเอง และตอบอย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเอง

เช่น เห็นเรื่องที่(คิดว่า)ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก จึงก่นด่าผู้กระทำ — อย่างนี้เป็นกุศลกรรม หรืออกุศลกรรม? … เออ ที่จริง น่าจะมีอีกช่องหนึ่งสำหรับการเสือก อิอิ


Firefox เร็วกว่านี้ได้อีก

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 17 November 2009 เวลา 14:14 ในหมวดหมู่ ลานปัญญา #
อ่าน: 3772

เจอทวีตนี้ของคุณ nontster ซึ่งตามไปอ่านแล้วเจอรายละเอียดทางเทคนิค ซึ่งพอจะแปลเป็นภาษามนุษย์ได้ว่า

  1. การเปิด URL ทั้งหลายที่เขียนเป็นชื่อ จะต้องเปลี่ยนเป็นเลข IP เสียก่อนด้วยวิธีการมาตรฐานที่เรียกว่า DNS lookup (resolve)
  2. แต่ Firefox รองรับ IPv6 ซึ่งจะใช้กันในอนาคต และ IPv4 ที่เราใช้กันในปัจจุบัน
  3. Firefox จึงถาม DNS ว่าชื่อนี้ (เช่น lanpanya.com) ใช้ IP อะไร
  4. แต่เนื่องจาก Firefox สนับสนุนทั้ง IPv6 และ IPv4 ก็เลยต้องถาม DNS สองครั้ง โดยถาม IPv6 ก่อน รอจน DNS ตอบว่าไม่รู้เรื่อง ก็จะถาม IPv4 อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น Firefox จึงต้องรอคำตอบจาก DNS สองครั้ง
  5. การทำให้เร็วขึ้น คือการบอก Firefox ว่าไม่ต้องถาม IPv6 ซึ่งจะลดเวลาที่รอคำตอบอยู่เฉยๆ ลงได้ และลดภาระของ DNS server ลงด้วย
  6. ใช้วิธีการดังนี้
    1. บน Windows กด Control-T เพื่อเปิดแท็ปใหม่
    2. ที่ address bar พิมพ์ about:config แล้วกด Enter
    3. ที่ช่อง Filter พิมพ์ network.dns ลงไป จะเห็นรูปดังข้างล่างนี้
    4. ที่บรรทัด network.dns.disableIPv6 ดับเบิ้ลคลิกครั้งหนึ่ง
  7. *** (สำคัญ) *** ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ในขณะที่ยังอยู่ระหว่างการ config Firefox ให้กลับไปที่บรรทัด Filter แล้วพิมพ์คำว่า network.http.pipelining เข้าไป แล้วเปลี่ยนค่า network.http.pipelining เป็น true และเปลี่ยน network.http.pipelining.maxrequest เป็น 10 ดังรูป

เท่านี้ก็ดีขึ้นถมไปแล้วครับ ยิ่งเน็ตช้า ยิ่งน่าทำ


ผู้นำในวิกฤติการณ์ (ถาวร)

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 15 November 2009 เวลา 20:49 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #
อ่าน: 4159

หลังจากทำหนังสือ เจ้าเป็นไผ ๑ เสร็จประมาณช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทาง Harvard Business Review ตีพิมพ์บทความเรื่อง Leadership in a (Permanent) Crisis ซึ่งวัตถุประสงค์ชี้ไปที่ประเด็นการนำองค์กรธุรกิจของสหรัฐ ออกจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจการเงินดังที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่ผมคิดว่าแง่คิดในบทความนี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ในวิกฤติการณ์แบบอื่นๆ ได้เช่นกัน

ประเด็นสำคัญคือวิกฤติการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง มีคำถามกวนใจว่า Hunk Down — or Press “Reset”

อืม… เข้าประเด็นเดิมเลยนะเนี่ย ประสบปัญหาอยู่ จะประคองสถานการณ์ไปทำไม ในเมื่อไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ถึงผ่านไปได้ สาเหตุยังอยู่เหมือนเดิม แล้วมันก็จะเกิดขึ้นอีก — คิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม ผลเหมือนเดิม

อีกอันหนึ่ง “An executive team on its own can’t find the best solution. But leadership can generate more leadership deep down in the organization.” ด้วยความเคารพต่อผู้บริหารทั้งหลาย ถ้าท่านไม่มีอะไรเลย ท่านก็ไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่หรอก แต่อันนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อท็จจริงที่ว่า ท่านเห็นภาพใหญ่แต่อยู่ไกลจากเหตุการณ์จริงเหลือเกิน ทำไมจึงสั่งการอย่างละเอียดประหนึ่งว่าตนรู้ดีที่สุด ทั้งที่ท่านใช้ข้อมูลทุติยภูมิ/ตติยภูมิเป็นส่วนใหญ่ (แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้สั่ง) จะดีกว่าหรือไม่หากท่านจะไว้ใจเพื่อนร่วมงานมากขึ้น และให้โอกาสเขาได้ตัดสินใจเอง*บ้าง*

บทความนี้ อาจหาอ่านได้ตามห้องสมุดคณะบริหารธุรกิจ หรือค้นจากเน็ตครับ



Main: 0.05066704750061 sec
Sidebar: 0.15335917472839 sec