สรุปทริปวัดป่าภูก้อน 14-17 ม.ค. 2555

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 17 January 2012 เวลา 22:05 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 2887

หมอเบิร์ดบอกข่าวมานานแล้ว ว่าวัดป่าภูก้อน ระดมทุนโดยสร้างพระหินอ่อนปางปรินิพพาน เป็นพระจำลองของพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนีที่วัด

ผมก็ไปเช่ามาองค์หนึ่ง ตั้งไว้หัวเตียงพ่อ เป็นพระที่งามมากครับ ตั้งใจจะไปกราบท่านสักครั้ง แต่ติดขัดที่พ่ออายุมากแล้วเดินไม่ค่อยไหว ปีที่ฉลองครบรอบแต่งงาน 50 ปี ไปพักที่หัวหิน น้องชายคนรองกับผมก็ตามไปอยู่ด้วย; รอบ 51 ปี (แก๊งค์ 200) ผมพาไปเที่ยวน่าน; ปีที่แล้ว (แก๊งค์ 203) พาไปดอยอ่างขาง; แล้วปีนี้ (แก๊งค์ 206) ไปภูก้อนครับ

เราเช่ารถตู้ไปเที่ยวกัน วันแรกขับรถจากบ้าน เที่ยวไปเรื่อยๆ ไปนอนพักที่ขอนแก่น รุ่งขึ้นออกจากขอนแก่นไปเที่ยววัดป่าภูก้อน เดินทางไกลหน่อย แต่ไม่เป็นไร ให้พ่อนอนไปในรถ และที่พักที่ขอนแก่นก็สะดวกสะบายดี เที่ยวแล้วกลับมานอนขอนแก่น เมื่อวานก็ออกจากขอนแก่น แวะไปเยี่ยมครูบากับแม่หวี แล้วไปเที่ยวเขากระโดง ไหว้พระประจำเมืองซะหน่อย แล้วนอนในเมืองบุรีรัมย์ วันนี้ก็ขับรถกลับบ้านนะครับ

อ่านต่อ »


น้ำท่วมกรุงเทพ?

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 17 September 2011 เวลา 12:20 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 4159

แม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ อ.เมืองปทุมธานีเป็นต้นมา กว้าง 200 ม. อย่างสม่ำเสมอ ยกเว้นตรงเกาะเกร็ด นนทบุรี ซึ่งเป็นคลองขุดกว้าง 100 ม. (แต่แม่น้ำสายเก่าที่ไหลอ้อมไป อยู่ติดกันและยังกว้าง 200 ม. เช่นเดิม)

ความกว้าง 200 ม. นี้ เท่ากับที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ และเท่ากับที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก อ่างทอง ซึ่งอยู่เหนือ อ.บางบาล อยุธยา แต่ถ้าฝนไม่ตกหนัก ผมไม่คิดว่ากรุงเทพจะจมน้ำ

ทั้งนี้เป็นเพราะความจุของลำน้ำแถบ โผงเผง บางบาล มีเพียง 1,800 ลบ.ม./วินาที อันนี้หมายความว่าถ้าน้ำไหลมาเป็นปริมาณเกินค่า 1,800 ลบ.ม./วินาที น้ำก็จะยกตัวขึ้นพ้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมแผ่นดิน แล้วแต่ว่าที่ไหนต่ำกว่าก็จะท่วมก่อน บางบาลจึงน้ำท่วมหนักทุกปี เมื่อเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำมาเกินนี้ และน้ำไม่สามารถจัดสรรไปยังช่องทางอื่นได้ บางบาลก็ท่วมครับ

อ่านต่อ »


ถอดบทเรียนอาสา

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 16 August 2011 เวลา 23:10 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3804

วันนี้มีโอกาสดีที่ได้นั่งฟังอาสาดุสิต ถอดบทเรียนการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ

หลังจากพายุนกเตนผ่านไปและน้ำท่วมไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ยังเกิดฝนตกหนักซ้ำอีก มีน้ำป่าและโคลนถล่ม ในเขต อ.วังชิ้น แพร่ และ อ.สบเมย แม่ฮ่องสอน ทีมงานอาสาดุสิต จึงลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ยาวนาน โดยส่งภารกิจ 2-6 ลงพื้นที่ประสบภัย มีแบ๊งค์ ขับรถ 4×4 ขึ้นไปจากกำแพงเพชรไปยังสบเมย ซึ่งเป็นรถเพียงคันเดียวที่ขนของเข้าพื้นที่ประสบภัยได้ มีกวางมาจากขอนแก่น ลงพื้นที่วังชิ้นก่อนรอบหนึ่ง มากรุงเทพ แล้วย้อนกลับไปสบเมยอีกรอบหนึ่ง มีเปาว์ซึ่งไปน่าน วังชิ้น ป่วยจนเข้าโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ ถึงกระนั้นระหว่างที่ไข้ลงก็ยังมาช่วยขนของไปสบเมย มีอ๊อดและโบ้ซึ่งอยู่ตลอดตั้งแต่วังชิ้นยันสบเมย มีปูตามไปจัดการของบริจาคแต่ถูกห้ามเข้าพื้นที่ประสบภัยเนื่องจากมีอันตราย (และตามไปดูคนป่วย ฮา)… ขอบคุณอาสาสมัครทุกท่านที่เสียสละความสุขสบายส่วนตัว ไปเสี่ยงภัย เพื่อคนไทยร่วมชาติที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่รู้ว่าทุกข์ยากเกินจะอยู่เฉยๆ ขอบคุณผู้บริจาคทุกท่าน ด้วยน้ำใจและปัจจัยต่างๆ ทำให้อาสาสมัครสามารถนำความช่วยเหลือลงไปสู่ผู้ประสบภัยได้ด้วย ขอบคุณภาคีเพื่อนพ้องที่ทำงานอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว

อาสาดุสิตมีลักษณะที่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่ใช่แค่ไปแจกของ หรือเดินไปเดินมาเพื่อถ่ายรูป แต่นำความรู้และไปกระตุกแนวคิดใหม่ๆ พยายามให้ชาวบ้านช่วยเหลือตัวเองได้ด้วย เรื่องอย่างนี้ อาศัยความรู้ ความทุ่มเท ที่สุดแล้ว ชาวบ้านก็จะต้องยืนอยู่บนขาของตัวเองให้ได้ ส่วนการแก้ไขนั้น ก็ต่างกับการแก้ไขสถานการณ์ที่เราเห็นกันโดยทั่วไป การแก้ไขสถานการณ์นั้นที่จริงเป็นการเลื่อนปัญหาไปไว้ในอนาคต โดยที่ไม่ได้แก้อะไรไปเลย เมื่อสาเหตุยังอยู่เหมือนเดิม ชาวบ้านก็มีโอกาสโดนอีก หมดตัวซ้ำซากอยู่อย่างนี้

อ่านต่อ »


น้ำเริ่มลด งานจริงๆ เพิ่มเริ่ม

อ่าน: 3325

กรณี #น่านนะซิ เป็นกรณีที่ยาก เมืองน่านไม่ใช่เมืองผ่าน แม้จะเอาของไปบริจาค ก็จะต้องตีรถเปล่ากลับมา ทำให้ค่าขนส่งแพง(มาก)

เมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ที่น่านปี 2549 คราวนั้นใช้พันธุ์ข้าว 16 ตัน ผมโทรไปขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มฮักเมืองน่าน “คราวนี้เสียหายถึง 70 ตำบล เฉพาะตำบลที่ผมอยู่ ก็ต้องการพันธ์ุข้าวน่าจะถึง 4 ตัน” พันธุ์ข้าวที่ปลูกและกินกันในพื้นที่ เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวสะเมิง แต่ทางกลุ่มฮักเมืองน่านติดต่อไปทางสะเมิงแล้ว ยังไม่ได้คำตอบ จึงต้องดิ้นรนหาทางอื่น ซึ่งทางกลุ่มได้ทราบจากศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวอุบลราชธานี แนะนำข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 ตรวจสอบต่อ พบว่ามีอยู่ที่ศูนย์ฯ ที่ชุมแพ แต่อาจจะมีเพียง 700 กก. ถึง 1 ตันเท่านั้น — #ArsaDusit เช็คราคาค่าขนส่งอย่างรวดเร็ว ในเบื้องต้น รถบรรทุกจากเชียงใหม่ไปน่านหมื่นสาม แต่จากชุมแพ(ขอนแก่น)ไปน่านแค่เจ็ดพัน หึหึ ค่าครองชีพไม่เหมือนกันมั๊งครับ มีอาสาสมัครจากเชียงรายบอกจะขนให้ฟรี ขออนุโมทนาด้วยนะครับ เรื่องนี้ยังต้องรอความชัดเจนว่าจะมีพันธุ์ข้าวจากเชียงใหม่หรือไม่

ผมติดต่อป้าจุ๋มในลานปัญญาว่ามีทางช่วยเหลือชาวบ้านได้หรือไม่ มีหรือที่เห็นคนเดือดร้อนแล้วป้าจุ๋มจะไม่ช่วย ได้เรื่องอย่างไรแล้วจะติดต่อกลับมา ถ้าให้ก็จะจัดการเรื่องการขนส่งไปยังน่าน ถ้าขายก็จะซื้อครับ (ตอนนี้คงติดต่อกันวุ่นทั่วประเทศ เสาะหาพันธุ์ข้าวที่ต้องการ) ทางกลุ่มฮักเมืองน่านจะติดต่อกลับมาเย็นนี้

อ่านต่อ »


รายได้ปี 2553 ของกรมสรรพากร

อ่าน: 3513

กรมสรรพากรได้จัดทำรายงานประจำปีสำหรับปีงบประมาณ 2553 บรรดาผู้ถือหุ้น (โดยเฉพาะผู้เสียภาษี) ก็ควรจะโหลดไปศึกษากันหน่อยครับ

กล่าวโดยย่อ ภาษีสรรพากรในปีงบประมาณ 2553 จัดเก็บได้ 1,264,845.28 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 11.1%

  1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 208,367.61 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 5.2%
  2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล 454,629.56 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 15.9%
  3. ภาษีปิโตรเลียม 67,599.00 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 25.5%
  4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 502,259.80 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 16.3%
  5. ภาษีธุรกิจเฉพาะ 22,989.12 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 27.0%
  6. อากรแสตมป์ 8,757.39 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 16.9%
  7. รายได้อื่นๆ 242.80 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 8.9%

อ่านต่อ »


วุ่นวายไปทำไม

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 23 November 2010 เวลา 18:55 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3742

ค.ศ. 1665 ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช La Rochefoucauld (1613-1680) นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสเคยกล่าวไว้ว่า “Il est plus honteux de se défier de ses amis que d’en être trompé.” พอแปลได้ว่า การไม่เชื่อถือมิตรเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่งกว่าการที่จะถูกเขาทรยศเสียอีก ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์โคลงอธิบายความไว้ว่า

๏ การระแวงใจแห่งผู้ เป็นมิตร สหายแฮ
เป็นสิ่งน่าอดสู แน่แท้
ยิ่งกว่าถูกเพื่อนคิด ทุรยศ
ภาษิตนี้ขอแก้ อรรถให้ แจ่มใส

๏ คือใครมีมิตรแล้ว ระแวงจิต
ว่ามิตรบ่ซื่อตรง นั่นไซร้
เหมือนสบประมาทมิตร ดูถูก มิตรนา
บ่มิช้าจักไร้ มิตรสิ้นปวงสหาย

๏ กลัวอายเพราะมิตรจัก ไม่ซื่อ ตรงแฮ
จึงคิดฉลาดระแวง หาผิด
ที่แท้ก็ตนคือ ผิดมิตร ธรรมนา
เพราะว่าองค์แห่งมิตร ก็ต้องไว้ใจ

๏ ผู้ใดดูถูกมิตร ดูถูก ตนเอง
เพราะว่าคนทรามไฉน จึงคบ
เมื่อเริ่มจะตั้งผูก มิตรภาพ
ใยไม่วิจารณจบ จิตหมั้นในสหาย

๏ มิตรร้ายผิมุ่งร้าย ต่อเรา
แม้เมื่อเราซื่อตรง อยู่แล้ว
โลกย่อมจะติเขา ไม่ติ เราเลย
คนชั่วย่อมไม่แคล้ว คลาดโลกนินทา

๏ ภาษิตจึงได้กล่าว คติบอก
ว่าระแวงมิตรน่า อัประยศ
ยิ่งกว่าถูกเพื่อนหลอก ลวงเพราะ ซื่อนา
ตรงจะเสียทีคด ไป่ต้องอับอาย

๏ มุ่งหมายจิตมั่นด้วย มิตรธรรม
ถึงหากเพื่อนทุจริต หลอกให้
อย่าวิตกแต่จำ ไว้เพื่อ
จะคบมิตรอื่นไซร้ จะได้รู้พรรณ ๚ะ๛

สังคมยุโรปในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการนั้น ผู้ลากมากดีต่างเชื่อถือในเกียรติยศ จะคบใครก็มักจะเลือกคนมีเกียรติเสมอกัน (ไม่ว่า “เกียรติ” จะหมายถึงอะไรก็ตาม — อย่าลืมว่าเรื่องนี้เกือบสามร้อยห้าสิบปีมาแล้วนะครับ) ความเป็นเพื่อนมักดูกันนานๆ เป็นเรื่องลึกซึ้งนะครับ ส่วนที่ฉาบฉวยน่ะ เรียกว่าแค่เป็นคนรู้จักกันเท่านั้น

อ่านต่อ »


ครบหนึ่งเดือนอุทกภัยครั้งใหญ่

อ่าน: 4013

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าอุทกภัยครั้งใหญ่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2553 ที่จริงแล้ว อุทกภัยเกิดขึ้นในภาคเหนือก่อนหน้านั้นเป็นเวลากว่าเดือนหนึ่งมาแล้ว เป็นความเดือดร้อนจริงของชาวบ้านในพื้นที่ แต่ยังไม่ได้ขยายวงกว้างไปจนทั่วประเทศอย่างที่เป็นอยู่

ภาวะอุทกภัยยังดำเนินอยู่แม้จนปัจจุบัน

ตามรายงานของ ปภ.ที่ออกเมื่อค่ำวานนี้

ปัจจุบันจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น ๑๘ จังหวัด ๘๗ อำเภอ ๖๗๐ ตำบล ๔,๙๑๙ หมู่บ้าน ๔๗๔,๔๙๗ ครัวเรือน ๑,๔๒๑,๑๔๐ คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย ๖,๓๑๖,๑๕๖ ไร่ ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ นครราชสีมา ศรีสะเกษ สุรินทร์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี

ระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึงปัจจุบัน มีจังหวัดประสบภัยทั้งสิ้น ๓๙ จังหวัด ๔๐๑ อำเภอ ๒,๙๕๒ ตำบล ๒๕,๖๑๘ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๙๕๔,๘๒๗ ครัวเรือน ๖,๘๔๖,๔๙๐ คน

จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว จำนวน ๒๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ ระยอง จันทบุรี ตราด ตาก ชลบุรี ลำพูน เชียงใหม่ สระแก้ว นครนายก กำแพงเพชร พิษณุโลก หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี สมุทรปราการ นครปฐม อุทัยธานี บุรีรัมย์ ฉะเชิงเทรา และจังหวัดชัยภูมิ

น่าจะเป็นโอกาสที่จะหยุดอินกับสถานการณ์สักพัก เอาตัวไปอยู่ในวงโคจร แล้วมองย้อนกลับไปสู่ปัญหาตามที่มองเห็นสักครั้งหนึ่ง

อ่านต่อ »


คนนี้ไง ‘จารย์ปู ครูพันธุ์ก๊าก!

11 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 16 September 2010 เวลา 15:27 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4517

รู้มาตั้งแต่ค่ำวันศุกร์ที่ 10 แล้ว ว่าครูปูจะทำหนังสือในลักษณะ Blog-to-Book ขึ้นสักเล่มหนึ่ง

email: อยากทำหนังสือให้ได้แนวคิดประมาณว่า วิชาชีพครูยังมีหวัง หากครูมองปัญหาในแง่ดี และทุ่มเทเอาจริงเอาจังอย่างเต็มที่ แม้จะต้องลองผิดลองถูกไปตามแนวคิดและความตั้งใจดีที่มีบ้าง  แต่ภายใต้วิกฤตินักเรียนอาชีวะขณะนี้  “ครู” ก็ยังมีความหวังที่จะทำให้ดีขึ้น ๆ อยู่เสมอ  เพราะเรื่องราวดี ๆ ในวิชาชีพนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หากครูยึดมั่นใจวิชาชีพและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  เหตุการณ์ดี ๆ แม้เพียงเล็กน้อย หากมองจากใจบวก ๆ ก็งดงาม ประทับใจสมกับเป็นงานสร้างคนได้

หนังสือในลักษณะนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เรามีเจ้าเป็นไผ ๑ และ ๒ ที่กองทุนชาวเฮทำ มีเรื่องที่อยากป่วน ที่จอมป่วนทำ และมีอีกเล่มหนึ่งของพี่บางทราย ที่ สปก. จะสปอนเซอร์

ทีนี้หนังสือที่ครูปูจะทำนี้ (ทำเอง ถือลิขสิทธิ์เอง ออกทุนเอง ขายเอง ไม่เกี่ยวกับกองทุนชาวเฮฯ) ครูบาจะถือโอกาสนำไปแจกผู้ใหญ่ในวันที่ 23

ฟังแล้วก็มึนกระทันหัน งงว่าจะทำทันได้ยังไง!! โรงพิมพ์ใช้เวลาพิมพ์หนึ่งอาทิตย์ ก็หมายความว่าต้องส่งต้นฉบับตั้งแต่วันที่ 16 ตอนนั้น ตอนนั้นค่ำวันที่ 10 แล้ว ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ผมก็อยากช่วยล่ะนะครับ แต่วันเสาร์ที่ 11 มีงานสำคัญอีก จะเริ่มทำได้ก็วันอาทิตย์ที่ 12 แล้ว มีเวลาทำหนังสือทั้งเล่มแค่สี่คืน จะเป็นไปได้อย่างไร(ฟะ)

ครูปูขอให้ผมเขียนคำนำให้ “โอ๊ย จะเขียนได้ยังไงในเมื่อไม่รู้ว่าหนังสือพูดเรื่องอะไร” นั่นแหละ จึงได้ลิงก์ไปยัง 14 บันทึกสำหรับหนังสือ พอได้เห็นความเชื่อมโยงของเรื่องราวแล้ว คิดว่าลื่นดีนะครับ สนุกด้วย เลยเขียนคำนำให้ในคืนวันที่ 10 นั้นเลย — โธ่เอ๋ย คำนำสองหน้าเรียงพิมพ์ เขียนบนจอก็ไม่เกินคืบหรอกครับ บันทึกนี้ยังยาวเสียกว่าอีก เรื่องแค่นี้ สบายมาก — อันนี้รวมตั้งชื่อหนังสือด้วย ชื่อแรกมันกว่านี้อีก แต่เปิดเผยในที่สาธารณะไม่ได้ ฮี่ฮี่ฮี่ ได้ทราบว่ามีคนหัวเราะจนตกเตียง

อ่านต่อ »


บทเรียนจากสวนป่า 4-9 พ.ค.

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 10 May 2010 เวลา 12:58 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3694

ไปสวนป่าเที่ยวนี้ เป็นครั้งที่ยี่สิบเห็นจะได้ แต่เป็นทริปยาวที่สุด และน่าจดจำเหลือเกิน ประสบการณ์ชีวิตเป็นประสบการณ์เฉพาะตัว ไม่มีวันใดเวลาใดเลยที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ต่อให้ดูหนังในโรงหนังสองรอบ ผู้ชมก็ไม่เหมือนกัน

สวนป่าคราวนี้ ต้นไม้ฟื้นขึ้นจากฝน ต่างกับเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วซึ่งเป็นคราวที่คณาจารย์และนิสิตแพทย์ไปเยี่ยมสวนป่า คราวนี้พักที่กุฏิริมป่าที่แม่หวีจัดให้ เหมาะกับการปลีกวิเวก อากาศยังคงร้อนอบอ้าว สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในห้องแอร์และมีความสะดวกสบายตามควร อาจจะคิดว่าเป็นเรื่อง “ลำบาก” “ไม่ได้” “ไม่ไหว” หรืออะไรต่อมิอะไรที่จะยกมาเป็น “เหตุผล” ซึ่ง “เหตุผล” นี้เป็นเพียงความคิด ถ้าใครๆ ก็อยู่ได้ ทำไมผมจึงจะอยู่ไม่ได้ — แต่ในอีกมุมหนึ่ง สักสิบกว่าปีก่อน เคยพาลูกน้องโขลงหนึ่งไปทำเวิร์คช็อปที่แพริมน้ำซึ่ง “ไม่มีอะไรเลย” เตรียมข้าวสาร น้ำ ปากกา ฟลิปชาร์ต กับเทปสองหน้าไป ส่วนวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหาร ก็ซื้อเอาจากเรือที่มาขาย แล้วทำอาหารกินกันเอง ผมรู้สึกสนุก แต่ลูกน้องแซวแบบขำๆ ว่า “พี่สนุกอยู่คนเดียว สงสัยไม่เคยลำบาก” เออหว่ะ! ลืมคิดประเด็นนี้ไป แต่ผมก็อยากเห็นว่าใครเป็นยังไงเหมือนกันครับ

ไปสวนป่าเที่ยวนี้ ผมขับรถเรียบร้อยมาก เพราะว่าเพิ่งหายจากอาการโลกหมุนไม่กี่วันก่อนเดินทาง คราวนี้ป้าจุ๋มไปด้วย ก็เลยขับไปเรื่อยๆ ขาไปมีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.6 ลิตร/100 กม. ขากลับดีขึ้นมานิดหนึ่ง ได้ 5.5 ลิตร/100 กม. ขับด้วยความเร็วคงที่ ทิ้งระยะห่างจากข้างหน้า ไม่ต้องเบรค/เร่งเยอะนัก ก็สามารถประหยัดน้ำมันได้เยอะเลย

อ่านต่อ »


วันชำแหละ

6 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 7 May 2010 เวลา 21:25 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 2776

เมื่อเย็น เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ที่มีผู้ใหญ่ชาวเฮ มารวมกันเป็นจำนวนมาก เราถือโอกาสนั่งคุยกันวงใหญ่
06052010273.jpg 06052010274.jpg 06052010275.jpg

ก่อนอาหารเย็นเมื่อวาน อ.โสรีช์บอกว่าเห็นชีวิตครูบาเป็นธรรมชาติมาก น่าจะดีหากสามารถเทียบเคียงชีวิตธรรมดากับพุทธปรัชญาได้

เช้านี้ หลังเดินชมสวนและอาหารเช้า ก็เป็น session ชำแหละครูบา
07052010281.jpg

หลังกินข้าวกลางวัน พี่บางทราย ลุงเปลี่ยน และป้าหวาน แยกกลับขอนแก่น อ.ไพลิน+คุณพรรณา กลับลำพูน ครูปูกลับกรุงเทพ

แล้วก็ปั้นดินกัน ชั่วโมงแรกก็ขึ้นรูปกันได้ทุกกลุ่ม
07052010283.jpg 07052010284.jpg 07052010285.jpg 07052010286.jpg

มีกลุ่มพิเศษอยากทำครับ ต่างเป็นศิลปินเดี่ยวเพราะกติกาบอกไม่ให้พูดกัน สองคนจึงแยกกลุ่ม-คุยกันมันกว่า
07052010290.jpg 07052010291.jpg

ใช้เวลาปั้นสามชั่วโมง พอห้าโมงเย็น เด็กๆ ก็ไปเก็บผักมาทำกับข้าวกัน

อาจารย์โสรีช์ไปเดินเที่ยวสวนป่าอย่างเจาะลึก กลับมาทันตอนฝนตกจะพอดี ไม่ได้หลงหรอกนะครับ อาจารย์เดินกลับมาเอง ตามเสียงนกยูงมา มาถึงมืดไปหน่อย อาจารย์เห็นมอเตอร์ไซค์ แต่มอเตอร์ไซค์ไม่เห็นอาจารย์ แม่หวีจุดทูป นกยูงร้องทันที แง้วววว แง้วววว

ปั้นพระสองครั้ง ฝนตกทั้งสองครั้ง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อิอิ
07052010292.jpg

ผมโดนฝนเมื่อเย็น รีบมาอาบน้ำ แต่ท่าทางรอดยาก กินพญามือเหล็กของป้าจุ๋มไปสามเม็ด วันนี้จะรีบนอน ถ้ามีถอดบทเรียนปั้นดิน ต่างคนต่างมีประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ต้องรอเฉลยหรอกครับ ได้อะไรก็ได้เองนะ

Posted by Wordmobi



Main: 0.81756615638733 sec
Sidebar: 0.49205994606018 sec